Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผู้สูงอายุกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกาย - Coggle Diagram
ผู้สูงอายุกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกาย
การบำบัด
นักกายภาพบำบัดและนักกิจกรรมบำบัด อาจแนะนำวิธีการต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานต่อไปได้ โดยไม่เครียดหรือกังวลเกี่ยวกับอาการปวดจาก Osteoarthritis มากนัก เช่น ให้ผู้ป่วย Osteoarthritis บริเวณเข่าใช้ม้านั่งในการอาบน้ำ ผู้ป่วย
การผ่าตัดและหัตถการทางการแพทย์อื่น ๆ
การฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า
การฉีดยากรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยหล่อลื่นข้อต่อ อาจช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าได้ เพราะยา Hyaluronic Acid จะทำหน้าที่คล้ายกับส่วนประกอบที่เป็นของเหลวในข้อเข่า
การฉีดคอร์ติโซน
การฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์อาจช่วยลดอาการปวดข้อต่อได้ โดยแพทย์จะให้ยาชาบริเวณรอบ ๆ ข้อต่อก่อน แล้วจึงฉีดยาเข้าไปในช่องว่างข้อต่อ (จำกัดให้ทำได้เพียง 3-4 ครั้ง/ปี เพราะยาอาจสร้างความเสียหายแก่ข้อต่อได้)
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อการรักษานี้จะทำเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดเข่ามาก และถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างมาก ศัลยแพทย์จะนำพื้นผิวข้อต่อส่วนที่ถูกทำลายออก แล้วใส่ผิวข้อเทียมไปแทนเนื้อเยื่อและกระดูกที่เสียหาย ทั้งนี้ข้อต่อเทียมอาจหลวมและสึกหรอได้
การผ่าตัดจัดแนวกระดูกใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหา Osteoarthritis บริเวณเข่าข้างใดข้างหนึ่ง ศัลยแพทย์จะผ่าตัดกระดูกด้านบนหรือด้านล่างเข่า แล้วเพิ่มลิ่มกระดูกหรือกำจัดลิ่มกระดูกออก
การแพทย์ทางเลือก
การแพทย์ทางเลือกบางชนิด เช่นการฝังเข็ม
การใช้กลูโคซามีน (Glucosamine) และคอนดรอยติน (Chondroitin) อาจช่วยบรรเทาอาการปวดของ Osteoarthritis บริเวณเข่าและสะโพกได้
ภาวะแทรกซ้อนของข้อเสื่อม
อาการของ Osteoarthritis อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ประจำวัน ของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก และอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของ Osteoarthritis อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของข้อต่อที่มีอาการ และความรุนแรงของอาการด้วย
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
ข้อต่อติดเชื้อ,กระดูกหักง่าย,กระดูกตายจากการขาดเลือด
เส้นประสาทถูกกดทับ (เกิดขึ้นใน Osteoarthritis บริเวณกระดูกสันหลัง)
เส้นเอ็นและเอ็นยึดข้อต่อขาดความเสถียร,เลือดออกภายในข้อต่อ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง มักเกิดขึ้นเมื่อข้อต่อเจ็บปวดจนไม่สามารถใช้งานได้
ภาวะขาดเนื้อเยื่อระหว่างข้อต่อ เพราะกระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ หรือสลายตัวเร็วเกินไป
มีอาการปวดเรื้อรัง,เสียการทรงตัว,เสี่ยงต่อการหกล้ม
การป้องกันข้อเสื่อม
ออกกำลังกาย เช่น เดินเร็ว แอโรบิค ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง)
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้ข้อต่อบาดเจ็บ เช่น การวิ่ง การยกน้ำหนัก เพราะอาจทำให้ข้อต่อรับแรงกระแทก หรือรับน้ำหนักมากเกินไป
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
หลีกเลี่ยงการนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งยอง คุกเข่า ขัดสมาธิ พับเพียบ ควรปรับความสูงเก้าอี้ให้เหมาะสม และขยับเปลี่ยนท่าเป็นระยะ
ลดน้ำหนัก เพื่อช่วยลดอาการตึงบริเวณข้อต่อ
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
โรคกระดูกพรุนมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยต้องอาศัยการตรวจกระดูกเท่านั้นจึงจะทราบ ผู้ที่มีภาวะกระดูกหักจะมีอาการปวดเรื้อรังและสมรรถภาพการเคลื่อนไหวลดลง เพศหญิงมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูงกว่าเพศชาย
โรคที่ลดความแข็งแรงของกระดูกและเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระดูกหัก
ความผิดปกติในเรื่องการรับประทานอาหาร
กิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาสุขภาพฟัน ภาวะกลืนลำบาก ความอยากอาหารน้อยลง น้ำหนักลด ผลข้างเคียงจากยาทำให้เบื่ออาหาร ภาวะซึมเศร้าหรือหลงลืมทำให้ไม่ดูแลโภชนาการตนเอง โรคเรื้อรังต่างๆ
ต่อมรับรสชาติของอาหารลดลง ต่อมน้ำลายลดลง ทำให้ผู้สูงอายุปากคอแห้งและรับรสชาติได้ไม่ดี ทำให้ความอยากอาหารลดลง เคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
กระเพาะอาหารบีบไล่อาหารได้ช้าลง ทำให้อิ่มง่าย ท้องอืดเฟ้อได้ง่าย
ภาวะ"สำลักอาหาร" เสี่ยงเสียชีวิต...ในผู้สูงอายุ
หากมีเศษอาหารหรือน้ำ หลังกลืนอาหาร หล่นเข้าไปอยู่ในหลอดลม จะทำให้เกิดอาการไอติดต่อกันหลายๆครั้ง เพื่อขับดันให้เศษอาหารนั้นหลุดออกไปจากหลอดลม
คอหอยของผู้สูงอายุยังปิดช้ากว่าวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้อาหารอยู่ในคอหอยนานขึ้น ร่างกายอาจมีอาการหยุดหายใจขณะกลืน โดยเริ่มหยุดหายใจตั้งแต่หายใจเข้า
การประเมินภาวะการกลืนเพื่อจัดหาอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ มีอยู่ 4 ระดับ
ระดับที่ 2 เป็นอาหารปั่นเหลวกว่าระดับที่ 1 อาหารทุกอย่างสับละเอียด เช่น ซุปข้น ซึ่งต้องทำให้เหลวกว่าระดับที่ 1
ระดับที่ 3 เป็นอาหารอ่อน เคี้ยวง่าย ไม่มีกากแข็ง สับหยาบๆ เช่น ข้าวต้มขาวปกติปลานึ่ง เต้าหู้หมูสับ
ระดับที่ 1 อาหารปั่นข้น ที่ต้องปั่นให้ละเอียด จนมีลักษณะข้นหนืด เช่น โจ๊กปั่นข้น ซุปปั่นข้น ไข่ตุ๋น เหมาะสำหรับผู้ป่วยเพิ่งเริ่มฝึกกลืน
ระดับที่ 4 เหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืนเล็กน้อย เป็นอาหารอ่อนปกติ ไม่จำเป็นต้องบดหรือสับ
ข้อห้ามสำหรับคนสูงอายุ ที่มีปัญหาทางการกลืน มีโรคทางสมอง ห้ามอม กลั้วคอ และกลืนน้ำมันทุกชนิด
ม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันละหุ่ง เพราะน้ำมันทุกชนิดสำลักง่ายยิ่งกว่าน้ำ เนื่องจากเป็นของเหลวที่เบากว่าน้ำ
หากสำลักแล้วโอกาสที่จะเกิดภาวะปอดอักเสบจะสูงมาก ทำให้รักษายาก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้