Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Concept map, ความหมาย, ความแตกต่างระหว่าง ชุมชนใหม่กับชุมชนเก่า - Coggle…

- - - - 1.กิจกรรมสาธารณะประโยชน์คืออะไร
        
        2.กิจกรรมสาธารณะประโยชน์มีลักษณะอย่างไรบ้าง
        
        3.ข้อดีและข้อเสียของกิจกรรม สาธารณประโยชน์มีอะไรบ้าง
        
        4.กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ส่งผลต่อชุมชนใหม่อย่างไร
        
        5.กิจกรรมสาธารณประโยชน์จัดขึ้นเพื่ออะไร
        
        6.สาธารณประโยชน์มีแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนอย่างไร
  - - - 1.เพื่อศึกษากิจกรรมสาธารณะประโยชน์
      - 2.เพื่อศึกษาความหมายของกิจกรรมสาธารณะประโยชน์
      - 3.เพื่อศึกษาลักษณะกิจกรรมสาธารณะประโยชน์
      - 4.เพื่อศึกษาข้อดีเเละข้อเสียของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
      - 5.เพื่อศึกษากิจกรรมสาธารณประโยชน์ที่ส่งผลต่อชุมชนใหม่
      - 6.เพื่อศึกษาเป้าหมายของการจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์
      - 7.เพื่อศึกษากิจกรรมสาธารณะประโยชน์ที่มีผลต่อชุมชน
- - - - เป็นกลุ่มคนในรูปแบบกลุ่มสังคม
      - 2.อาณาเขต
      - สมาชิกของกลุ่มสังคมมีลักษณะทางประชากรศาสตร์
      - 4ขนาดของชุมชน
      - 5.มีลักษณะการจัดระเบียบทางสังคม เพื่อควบคุมความสัมพันธ์ของสมาชิก เช่น บรรทัดฐานทางสังคม สถาบัน
      - 6.สมาชิกมีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสนิทสนมและนำไปสู่การใช้ชีวิตในด้านต่างๆร่วมกัน
      - 7.สมาชิกมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินชีวิตร่วมกัน
      - 8.สมาชิกได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนร่วมกัน
- - - - ผู้บริการด้านสุขภาพ (Health care provider)
        
        ผู้ให้ความรู้ด้านสุขภาพ (Health Educator)
        
        ผู้ให้คำปรึกษา (Counselor)
        
        ผู้จัดการการดูแล (Manager)
        
        เป็นผู้จัดการรายกรณี (Case Manager)
        
        ผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ ( Advocator )
        
        ผู้ประสานงานความร่วมมือ (Collaborator)
        
        เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Chang agent)
        
        เป็นผู้นำ (Leadership)
        
        ผู้วิจัย (Researcher)
- - - - ข้อมูลปฐมภูมิ
        
        การเก็บรวบรวมข้อมูลประเภทนี้ทำได้ 2 วิธี
        
        การสำมะโน (census)
        
        การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง (sample survey)
      - ข้อมูลทุติยภูมิ
        
        แหล่งที่มาของข้อมูลทุติยภูมิที่สำคัญ
        
        รายงานต่างๆของหน่วยงานราชการและองค์การของรัฐบาล
        
        รายงานและบทความจากหนังสือหรือรายงานจากหน่วยงานเอกชน
    - - ข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative data)
      - ข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative data)
    - - การสัมภาษณ์ (interview)
      - การสำรวจ (survey)
      - การสังเกต (observe)
      - การทดลอง (experiment)
      - การทบทวนเอกสาร (document/literature review)
      - การสำมะโน (census)
    - - ข้อมูลไม่สูญหาย
      - ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย
      - สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้ไปใช้ประโยชน์ได้อีก
- - - - 1.แนวทางการแก้ไขหมายถึงอะไร
      - 2.แนวทางการแก้ไขมีประโยชน์อย่างไร
      - 3.กระบวนการของแนวทางการแก้ไขมีอะไรบ้าง
  - - - 1.เพื่อศึกษาความหมายของแนวทางการแก้ไข
      - 2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของการวางแนวทางการแก้ไข
      - 3.เพื่อศึกษากระบวนการของแนวทางการแก้ไขปัญหา
- - - - 1.รายงานวิชาการ (Reports)
      - ภาคนิพนธ์ ( Term paper)
      - วิทยานิพนธ์ (Thesis / Dissertation)
      - รายงานการวิจัย (Research)
    - - เลือกและกำหนดหัวข้อการทำรายงาน (Choose the topics)
      - กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำรายงาน (Report objectives)
      - จัดทำเค้าโครงรายงาน(The Preliminary Outline)
    - - การรายงานด้วยวาจา
      - การรายงานด้วยเอกสาร
      - การรายงานด้วยสื่อเทคโนโลยี
    - - 1.เกิดองค์ความรู้ใหม่
        
        2.มีพัฒนาการศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ
        
        3.ทราบข้อมูลนำมาแก้ปัญหา
        
        4.มีทักษะในการแก้ไขปัญหา
        
        5.เป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการอื่น
        
        6.ใช้พัฒนาตำแหน่งของผู้รายงาน
- - - - • เพื่อให้ทราบสภาพทั่วไปของชุมชน
      - • เพื่อให้รู้จักคุ้นเคยกับคนในชุมชน
      - • เพื่อให้รู้ถึงปัญหาและความต้องการของชุมชน
      - • เพื่อให้รู้ถึงเหตุผลและแนวทางแก้ ไขปัญหาต่าง ๆ ของชุมชน
      - • เพื่อให้มีแผนงานรองรับการแก้ ไขปัญหาของชุมชน
    - - กําหนดหัวข้อเรื่อง
      - กําหนดขอบเขต
      - วางโครงเรื่อง
      - รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร
      - รวบรวมข้อมูลสนาม
      - เขียนฉบับร่าง
      - แก้ไขและขัดเกลา
      - ส่งให้เพื่อนและผู้รู้อ่านวิจารณ์จากที่ได้แก้ไข
      - เขียนฉบับสมบูรณ์
- - - - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก (key stakeholders)
      - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขั้นพื้นฐาน (primary stakeholders)
      - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขั้นรอง (secondary stakeholders)
- - - - 1.เพื่อศึกษาความหมายของความรอบรู้ด้านสุขภาพ
      - 2.เพื่อศึกษาผลกระทบของชุมชนที่ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป
      - ขาดความรอบรู้ด้านสุขภาพ
      - 3.เพื่อศึกษาความสำคัญของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่มีต่อชุมชน
      - 4.เพื่อศึกษาองค์ประกอบของความรอบรู้ในด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป
      - 5.เพื่อประเมินความรอบรู้ในด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปี ขึ้นไป
      - 6.เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ขาดความรอบรู้
  - - - 5.ปัจจัยที่ส่งผลให้ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ขาดความรอบรู้มีอะไรบ้าง
      - 4.ความรอบรู้ในด้านสุขภาพ ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปมีอะไรบ้าง
      - 3.ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีความสำคัญต่อชุมชนอย่างไร
      - 2.การขาดความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างไร
      - 1.ความรอบรู้ด้านสุขภาพหมายถึงอะไร
  - - - ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก
      - การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพ (Access skill)
      - ความรู้ ความเข้าใจ (Cognitive skill)
      - ทักษะการสื่อสาร (Communication skill)
      - ทักษะการจัดการตนเอง (Self-management skill)
      - ทักษะการตัดสินใจ (Decision skill)
      - การรู้เท่าทันสื่อ (Media literacy skill)
- - - - 1.ปัญหาเร่งด่วนหมายถึงอะไร
      - 2.แนวทางการแก้ปัญหาเร่งด่วนมีแนวทางอย่างไร
      - 3.ปัญหาเร่งด่วนในชุมชนมีอะไรบ้าง
      - 4.หลักการในการพิจารณาปัญหาเร่งด่วนมีหลักการอย่างไร
      - 5.ขั้นตอนในการพิจารณาปัญหาเร่งด่วนเป็นอย่างไร
    - - 1.เพื่อศึกษาความหมายของปัญหาเร่งด่วน
      - 2.เพื่อศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
      - 3.เพื่อศึกษาปัญหาเร่งด่วนที่มีในชุมชน
      - 4.เพื่อศึกษาหลักการในการพิจารณาปัญหาเร่งด่วน
      - 5.เพื่อศึกษาขั้นตอนในการพิจารณาปัญหาเร่งด่วน
      - 6.เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการแก้ปัญหาเร่งด่วน
      - 7.เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดจากปัญหาเร่งด่วน
    - - ปัญหาเร่งด่วนเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรอได้
    - - (1.)ควบคุมอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร
      - (2.)การปรับปรุงสภาพแวดล้อม
      - (3.) เน้นกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้มากขึ้น
      - (5.) เพิ่มงบประมาณด้านสาธารณสุข
      - (6.) ต้องกระจายบุคลากรทางแพทย์ให้ทั่วถึง
      - (4.) จัดสวัสดิการในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ที่ยากจนหรือผู้ที่ด้อยโอกาส
      - (7.)การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน
- - - - 1.โรคเรื้อรังหมายถึงอะไร
      - 2.โรคเรื้อรังมีผลกระทบต่อประชาชนในชุมชนใหม่อย่างไรบ้าง
      - 3.ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
      - 4.โรคเรื้อรังแตกต่างจากโรคไม่เรื้อรังอย่างไร
      - 5.สถิติโรคเรื้อรังในประเทศไทยมีเเนวโน้มเป็นอย่างไร
      - 6.ชุมชนใหม่มีแนวทางในการแก้ปัญหาโรคเรื้อรังอย่างไร
      - 7.กระบวนการการดูแลและวิธีการแก้ไขปัญหาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีอะไรบ้าง
    - - 1.เพื่อศึกษาความหมายของโรคเรื้อรัง
      - 2.เพื่อให้เข้าใจความหมายของโรคเรื้อรังมากขึ้น
      - 3.เพื่อศึกษาผลกระทบของโรคเรื้อรังที่มีผลต่อประชากรในชุมชนใหม่
      - 4.เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
      - 7.เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชนใหม่
      - 5.เพื่อศึกษาความแตกต่างระหว่างโรคเรื้อรังเเละโรคไม่เรื้อรัง
      - 6.เพื่อศึกษาแนวโน้มเชิงสถิติของโรคเรื้อรังในประเทศไทย
      - 8.เพื่อศึกษากระบวนการการดูแลและวิธีการแก้ไขปัญหาของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
    - - โรคเรื้อรังมีแน้วโน้มอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้นในปีต่อๆไป
    - - โรคเรื้อรัง หรือ ที่เรียกกันว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ Non Communicable Disease (NCD) หมายถึงกลุ่มโรคที่ไม่ติดต่อมีระยะเวลาของโรคที่ ดําเนินไปอย่างช้าๆ โดยทั่วไปที่มีสาเหตุจากพฤติกรรม สุขภาพท่ีไม่เหมาะสม โดยมีปัจจัยเสี่ยงของโรคท่ีสําคัญ 4 ประการคือ สูบบุหรี่ ไม่ออกกําลังกาย การรับประทานอาหารท่ีไม่เหมาะสม รวมทั้งดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป (พินิจ กุลละวณิชย์, 2556;WHO, 20)
      - ผลกระทบ
        
        ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยอ้อม (Indirect economic impact)
        
        ความเจ็บป่วยทำให้สูญเสียความสามารถในการทำงาน ทำให้รายได้ลดลง
        
        เสียค่าใช้จ่ายจ้างผู้ดูแลผู้ป่วยด้วยโรคเรี้อรัง
        
        การขายทรัพย์สินเพื่อมาเป็นค่ารักษา ทำให้สูญเสียมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตของทรัพย์สินนั้น
        
        ทำให้ผู้ดูแลต้องหยุดการเรียน เสียโอกาสในอนาคต
        
        ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรง (Direct economic impact)
      - ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่สำคัญคือ พฤติกรรมสุขภาพและวิถีชีวิตที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม เช่น การบริโภคอาหารหวาน มันและเค็ม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย ส่งผลให้ คนไทยมีภาวะน้ำหนักเกิน อ้วน และเกิดโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง โรคเรื้อรัง
      - ความเเตกต่างของโรคเรื้อรังและโรคไม่เรื้อรัง
        
        โรคเรื้อรัง
        
        ระยะเวลาของโรค
        โรคที่ไม่ติดต่อมีระยะเวลาของโรคที่ ดําเนินไปอย่างช้าๆ
        
        โรคเรื้อรัง, โรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ (NCDs) เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโรค และไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คน แต่เป็นโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมของเรา
        โรคติดต่อ หมายถึง โรคที่เกิดจากเชื้อโรค หรือพิษของเชื้อโรค ซึ่งสามารถแพร่ได้ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมมาสู่คน
        
        การดูแลเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
        
        โรคไม่เรื้อรัง
        
        การดูแลเน้นการรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้อื่น
        
        โรคติดต่อ หมายถึง โรคที่เกิดจากเชื้อโรค หรือพิษของเชื้อโรค ซึ่งสามารถแพร่ได้ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมมาสู่คน
        
        การหลีกเลี่ยงการจับมือ เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกัน
      - สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น กลุ่มโรคไม่ติดต่อยังคงเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของประเทศทั้งในมิติของจำนวนการเสียชีวิต และภาระโรคโดยรวม โดยมีคนไทยป่วยเป็นโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตปีละกว่า 300,000 คน และคาดว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี
      - ระบบการดูแลหรือระบบบริการ
        1) บริการระดับปฐมภูมิ (Primary Care) มีเป้าหมาย เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกัน ไม่ให้เกิดโรค ลดพฤติกรรมเสี่ยงในกลุ่มที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป
      - สำนักวิชาการเเพทย์ กรมการเเพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
        
        โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
        1. การคัดกรอง (Screening) 2. การวินิจฉัยโรค (Diagnosis) 3. การรักษา (Treatment) 4. การดูแลต่อเนื่อง (Continuum care/ Follow up)
        
        โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และเบาหวานชนิดในเด็กและวัยรุ่น (Diabetes Mellitus Type 1) การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยแบบ Chronic Care Model
        การเปลี่ยนแปลงจาก passive เป็น active
        -เน้นจากการรักษาเป็นการป้องกันโรค
        -การให้การวินิจฉัยที่เร็วขึ้น
        -การเข้มงวดในการควบคุมน้ำตาลและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
        -การตรวจภาวะแทรกซ้อนแต่เริ่มแรกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
        -การติดตามผู้ป่วย
        -ผู้ป่วยสามารถติดต่อโรงพยาบาลในกรณีที่มีปัญหาการดูแล
        
        โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
        Stroke awareness
        ● อายุ > 45 ปี
        ● ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
        ● มีปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง, โรคหัวใจ, สูบบุหรี่)
        Stroke alert
        F = face (อาการหน้าเบี้ยว)
        A = arm (อาการแขนขาอ่อนแรง)
        S = speech (อาการพูดไม่ชัด พูดไม่ออก)
        T = time (เวลาที่ต้องไปรพ.ทันที)