Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การกำหนดปัญหาการวิจัยและการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง, นายวัฒนะ บุตรสุวรรณ์…
การกำหนดปัญหาการวิจัยและการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดปัญหาการวิจัย
ความหมายและลักษณะของปัญหาการวิจัย
ประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้วิจัยต้องการดาเนินการหาคำตอบโดยใช้กระบวนการวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับข้อเท็จจริง
แหล่งที่มาของปัญหาการวิจัย
จากทฤษฎีหรือแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ
จากประสบการณ์ของผู้วิจัย จากการสังเกตสภาพการทำงาน หรือดำรงชีวิตประจาวัน สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัว
จากข้อเสนอแนะของผลงานวิจัย ช่วยขยายขอบข่ายความรู้ในเรื่องเดิมนั้นให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
จากบทคัดย่องานวิจัย หรือบทคัดย่อวิทยานิพนธ์หรือปริญญานิพนธ์
จากการอ่านหนังสือ หรือวารสารที่เกี่ยวกับการวิจัย
จากการสอบถามเรียนรู้ จากบุคคลอื่นที่เป็นผู้รู้ผู้ชำนาญที่คลุกคลี กับงานวิจัยหรือสาขาวิชาที่สนใจ
จากความต้องการขององค์การ หรือหน่วยงานต่าง ๆ
จากการเข้าร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการ
จากเหตุการณ์หรือประเด็นปัญหาหลักที่สังคมกาลังสนใจ
จากการปฏิบัติงานในหน้าที่ ของบุคลากรในองค์การหรือหน่วยงานต่าง ๆ อาจเกิดปัญหาจากการปฏิบัติงานในลักษณะต่าง ๆ
เกณฑ์ในการเลือกปัญหาการวิจัย
1.ความใหม่ ปัญหาการวิจัยที่สนใจซ้าซ้อนกับของคนอื่นหรือไม่?
ความสาคัญและเป็นประโยชน์ ทั้งในด้านเสริมสร้างความรู้ใหม่ และการนำไปใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ความสนใจและความเหมาะสมของผู้วิจัย อยู่ในขอบข่ายของวิชา ที่ผู้วิจัยศึกษาเล่าเรียนมาและมีความสนใจอยากรู้อยากเห็น
ค่าใช้จ่ายและผลที่ได้รับ (Cost and return) Cost and return) Cost and return) มีค่าใช้จ่ายเพียงพอหรือไม่?
ความกว้างขวางของปัญหา ควรเลือกทำเพียงจุดใดจุดหนึ่งให้ลึกลงไปจะมีค่ามากกว่า
6.การรวบรวมข้อมูล สามารถรวบรวมข้อมูลมาพิสูจน์หรือคัดค้านได้ภายในเวลาที่เหมาะสม และไม่เสี่ยงอันตราย
ไม่มีอันตรายหรือภัยพิบัติเกิดขึ้นแก่ผู้วิจัยทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม แก่ส่วนรวม ประเทสชาติ
วิธีกำหนดปัญหาการวิจัย
ความชัดเจนต้องเขียนให้ตรงกับหัวข้อปัญหา
ความน่าเชื่อถือ ควรมีข้อมูลเป็นหลักฐานอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของปัญหาการวิจัย ควรมีทฤษฎี หลักการแนวคิด งานวิจัยหรือบทความเขียนยืนยันปัญหาการวิจัย
ความสัมพันธ์กัน ควรเขียนประเด็นย่อยเหล่านั้นให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน
การเรียงลำดับการนำเสนอประเด็นปัญหา เริ่มจากประเด็นปัญหาเรื่องทั่วๆไปก่อนจึงวกกลับเข้าเรื่อเฉพาะ ค่อยๆนำเข้าสู่เนื้อหา
สรุป
ในการกำหนดปัญหาหรือหัวข้อการวิจัยนั้น ผู้วิจัยจะต้องพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นความน่าสนใจ ความสำคัญและความเป็นไปได้ของหัวข้อการวิจัย โดยผู้วิจัยจะต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะทำการศึกษาเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถทำการวิจัยได้อย่างราบรื่น และสำเร็จเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้หากผู้วิจัยมีความชัดเจนในหัวข้อการวิจัย การกำหนดประเด็นหรือวัตถุประสงค์ของการวิจัย และสมมติฐานการวิจัย ย่อมมีความถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่แนวทางการดำเนินการวิจัยที่ชัดเจนและเป็นระบบ
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ความหมาย
การศึกษาค้นคว้า เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเด็น หรือเรื่องที่กำลังจะทำวิจัย ส่วนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย หมายถึง เอกสารที่เป็นแหล่งข้อมูลซึ่งได้แก่ ตารา บทความ หรือรายงานการวิจัยที่มีความสาคัญพอที่จะอ้างอิงกับงานวิจัยที่ผู้วิจัย ทั้งนี้เพื่อเป็นการค้นคว้าสนับสนุน หรือเพื่อประโยชน์ในการวางแผนและดำเนินการวิจัยอย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ จะทำให้ผู้วิจัยทราบว่ามีนักวิชาการ และนักวิจัยอื่น ๆ ได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับปัญหาการวิจัยของตนไว้อย่างไรแล้วบ้าง และผลการวิจัยเป็นอย่างไร
ประโยชน์
การนำเสนอผลการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงให้ผู้อ่านงานวิจัยทราบว่า มีทฤษฎีและแนวคิดอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทาวิจัย และตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีใครทำการวิจัยในเรื่องนี้ไว้บ้าง ได้มีการใช้แนวคิดอะไร ใช้ระเบียบวิธีวิจัยอย่างไร และได้ข้อค้นพบอะไร ตลอดจนได้เสนอแนะอะไรไว้บ้างทั้งในด้านเนื้อหาสาระและระเบียบวิธี นอกจากนั้นการนำเสนอผลการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ถูกต้องจะเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงคุณธรรมและจริยธรรมของผู้วิจัยในการอ้างอิงผลงานของผู้อื่นด้วย
แหล่งการค้นหาข้อมูล
แหล่งข้อมูลอ้างอิงทั่วไป
รายงานเอกสาร
บทคัดย่องานวิจัย
ดัชนีวารสาร
บทคัดย่องานวิจัย
แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ
บทความทางวิชาการ บทความวิจัย รายงานวิจัย วิทยานิพนธ์
แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ
สื่อสิ่งพิมพ์หรืออื่น ๆ ที่ผู้แต่งศึกษาผลงานวิชาการมาจำนวนหนึ่งแล้ว และนำเสนอผลการศึกษาในรูปผลงานทางวิชาการ เช่น ตำรา พจนานุกรม สารานุกรม ปริทัศน์งานวิจัย
แหล่งการค้นหาข้อมูลที่สำคัญ
บทความทางวิชาการ ในสาขาการศึกษาและสาขาอื่นๆ ปรากฏอยู่ในวารสารทางการศึกษาโดยเฉพาะของมหาวิทยาลัยต่างๆ
เว็บไซต์
เช่น เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เว็บไซต์ขององค์กรระหว่างประเทศ (ERIC , DAO , Wilson Wilson Wilson ) thailis เป็นต้น
รายงานการวิจัย
เช่น รวมบทคัดย่องานวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆ
หลักและวิธีการเขียนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.การจัดรูปแบบการรายงาน (Organization of the report ) ก่อนเขียนต้องวางเค้าโครงก่อนว่าจะเริ่มเขียนเรื่องใดไปหาเรื่องใด เพื่อความสะดวกควรทำเป็นหัวข้อ จากนั้นจึงเรียบเรียงเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องใส่ลงในแต่ละหัวข้อ
การวางเค้าโครงแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก ประกอบด้วย 1. นิยาม 2. แนวคิดและทฤษฎี
ส่วนสอง เป็นงานวิจัยที่เกียวข้อง 1. งานวิจัยในประเทศ 2. งานวิจัยต่างประเทศ
การเขียนรายงาน (Writing the report) เมื่อวางเค้าโครงเป็นหัวข้อแล้วๆ แล้ว ก็เขียนรายงานตามเอกสารและงานวิจัยที่ค้นพบ การเขียนจะต้องผสมผสานกลมกลืนเป็นเรื่องเดียวกัน กรณีผลการวิจัยเหมือนกันจะต้องเขียนรายงานให้เห็นว่าข้อค้นพบนี้สนับสนุนกัน แต่ถ้าขัดแย้งกันก็ต้องเขียนให้เห็นข้อแตกต่าง และอภิปรายให้เหตุผลประกอบอย่างชัดเจนด้วย โดยปกติแต่ละตอน (Paragraph) จะมีเนื้อความสาคัญเดียว เมื่อมีเนื้อความสาคัญใหม่ก็ให้ย่อหน้าเป็นตอนใหม่
สรุป
การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นการค้นคว้าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเด็น ปัญหาการวิจัย โดยเอกสารนั้นอาจจะเป็นตำรา บทความ หรือรายงานการวิจัย เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ เอกสารอ้างอิงทั่วไป เอกสารปฐมภูมิ และเอกสารทุติยภูมิ ประโยชน์ของการศึกษาเอกสารมีหลายประการ ได้แก่ การทำให้ทราบข้อเท็จจริง ทฤษฎี หลักการ ในการช่วยกาหนดปัญหาการวิจัย รู้ทิศทางและแนวโน้มการวิจัยที่ผ่านมา หลีกเลี่ยงการทาวิจัยซ้ากับคนอื่น ทั้งยังช่วยในการเลือกตัวแปรที่จะศึกษา ตลอดจนช่วยในการกาหนดแบบแผนวิธีวิจัยอีกด้วย
นายวัฒนะ บุตรสุวรรณ์
รหัส 636322332-03