การสร้างเสริมสุขภาพในวัยเด็กและวัยรุ่น
วัยเด็กแรกเกิดถึงอายุ 1 ปี
วัยเด็กเรียนอายุ 6-12 ปี
ธรรมชาติของวัย
เป็นวัยที่ต้องการการปรับตัวด้านร่างกายต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหลังออกจากครรภ์มารดา
การหิวนมเด็กจะแสดงออกมา โดยการร้องไห้เพื่อแสดงความต้องการ
ต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และให้ความรู้และทักษะการเลี้ยงดูแก่มารดา
ด้านร่างกาย
การดูแลความสุขสบาย
การเช็ดทำความสะดือ ตา ร่างกาย และอวัยวะขับถ่ายอย่างนุ่มนวล
เด็กจะมีการบิดตัว เคลื่อนไหว แขนขา เป็นการออกกำลังกายในตัวเอง
การให้เด็กทารกได้รับสารอาหาร ซึ่งเป็นนมอย่างเดียวใน 6 เดือนแรก
มีโปรตีน ย่อยง่าย ไขมันไม่สูง สร้างภูมิคุ้มกันต่อเด็ก ท้องไม่ผูก เิกดความอบอุ่นและยังประหยัดเงิน
ให้อาหารเริมต่อจากเดือนที่ 6
โดยการให้กินกล้วย ไข่แดง 1/4 ฟอง และเพิ่มขนาดของไข่ให้ได้เต็มฟอง เมื่ออายุประมาณ 1 ปี และควรให้ไข่ขาวทีหลัง เพราะเด็กอาจจะแพ้สารโปรตีนในไข่ขาว
หลังจากนั้นให้กินผัก และปลา
การพาเด็กไปชั่งน้ำหนักและวัดความยาวของตัวและรอบศีรษะ วัดรอบอก
เพื่อเป็นการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตในแต่ละเดือนตามกราฟแสดงเกณฑ์การเจริญเติบโตของกระทรวงสาธารณสุข (Growth chart)
การพาเด็กไปฉีดวัคซีนตามกำหนดนัด ตั้งแต่แรกเกิด-18 ปี
เด็กเป็นหวัด สามารถฉีดวัคซีนได้เลย แต่ถ้าเด็กมีไข้ควรเลื่อนออกไปก่อน
การดูแลให้นอนหลับอย่างเต็มที่ เพราะร่างกายจะหลั่งโกรท์ฮอร์โมน และไทรอยด์ฮอร์โมน
ด้านพัฒนาการและจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่ไม่สามารถวัดได้ เป็นตัวเลข
การคว่ำ การคืบ การคลาน การยืน การเดิน การวิ่ง การเล่น
พฤติกรรมแสดงออก กลัวคนแปลกหน้า การฝึกการขับถ่ายโดยการนั่งกระโถน ไและม่แสดงอาการหงุดหงิด
เด็กวัยก่อนเรียนอายุ 1-5 ปี
ธรรมชาติของวัย
เป็นวัยที่ปรับตัวร่างกายเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
เริ่มซุกซนมากขึ้น เกิดอุบัติเหตุในบ้านเรือนอย่างไม่คาดคิด ได้แก่ ของชิ้นเล็ก เหรียญอุดตันลำคอจมูกหรือหู ไฟฟ้าดูด
ตอนปลายของเด็กวัยนี้ จะสามารถบอกความต้องการของตนเองได้ เช่น หิว อิ่ม ปวดท้อง
เด็กหลังอายุ 5 ขวบ เริ่มคุมการขับถ่ายปัสสาวะแลละอุจาระได้
ให้ความรู้และทักษะการเลี้ยงดูแก่มารดาอย่างต่อเนื่อง
ด้านร่างกาย
การอาบน้ำ แปรงฟัน การออกกำลังกายการเล่นที่เหมาะสมกับวัยเด็ก
อาหารที่มีโปรตีนสูง
การรับวัคซีน
เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อจากวัยขวบปีแรก เช่น บาดทะยัก คอตีบ ไข้สมองอักเสบ หัด
ด้านพัฒนาการและจิตใจ
การฝึกระเบียบวินัย
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอารมณ์
เด็กวัยนี้สามารถสัเกตได้ชัดเจนมากขึ้น โดยการจะมีแบบทดสอบพัฒนาการ เช่น เดนเวอร์
เช่น การขับถ่าย การเล่นของเล่นแล้วเก็บ
ธรรมชาติของวัย
เป็นวัยที่ต้องปรับตัวต่อสิ่งงแวดล้อมใหม่และภายนอกครอบครัว เพราะเด็กเริ่มเข้าโรงเรียนมีสังคมภายนอกบ้าน
เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่มาจากแต่ละครอบครัวและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน
อาจพบเหา กลาก เกลื้อน เนื่องจากเด็กเล่นซุกซนยังสนใจความสะอาด
มักเน้นอนามัยของโรงเรียน
ด้านร่างกาย
ปัญหาสุขภาพเด็กวัยเรียน
การเจริญเติบโตจะช้ากว่าเด็กเล็กเล็กน้อย
การแปรงฟันอย่างถูกวิธีแบบขยับปัด การรักษาโรคผิวหนัง ปัญหาโรคอ้วน จากการรับประทานอหารทอด ลดอาหารทอด น้ำหวาน เน้นผักและผลไม้แทน
ติดเกม
คอจะมีแถบสีดำ
การรับวัคซีน เช่น บาดทะยัก หัด คางทูม หัดเยอรมัน
ด้านพัฒนาการและจิตใจ
มีการรับรู้อย่างรูปธรรมมากขึ้น ยังเคารพกฎเกณฑ์
สอนกฏระเบียบให้ถูกต้องต้อง เช่น กฏจราจร หลักสุขบัญญัติ
วัยรุ่นอายุ 13-19 ปี
ธรรมชาติของวัย
มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดทั้งด้านส่วนสูงและน้ำหนัก มีการเพิ่มฮอร์โมนเพศ คือ Estrogen และ progesterone
เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ
มีอุบัติเหตุจากการขับขี่จักรยานยนต์ สารเสพติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เน้นการให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชน
ด้านร่างกาย
กระดูกและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงเต็มที่ และมีพลังทางร่างกายมาก
อายุ 19 ปี สามารถวัดค่า BMI ได้ เป็นการประเมินสัดส่วนร่างกาย
ด้านพัฒนาการและจิตใจ
มีจิตใจที่สับสนวุ่นวาย
ค้นหาความเป็นตัวเอง
เด็กมีการเลียนแบบ
สนับนสุนให้เด็กได้ผ่อนคลายทางอารมณ์และอารมณ์ความเครียด เช่น กาารเล่นดนตรี
ด้านจิตวิญญาณ
การแสวงหาความเป็นตัวตน การมีเป้าหมายในชีวิต แนวทางการดำเนินชีวิต
จะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยน้อยกว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้เคร่งครัดในหลักความเชื่อทางศาสนา
จิตวิญญาณเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะสามารถป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรในวัยรุ่น