Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบการเรียนการสอน - Coggle Diagram
ระบบการเรียนการสอน
๑. ความสำคัญและความเป็นมาของเรื่อง "ระบบ" และ
"วิธีการเชิงระบบ" (System and system approach)
คำว่า "ระบบ" มีผู้ให้คำจำกัดความไว้แตกต่างกัน
กานเย และบริกส์
ระบบหมายถึง วิธีการใด ๆ ก็ได้ที่ได้รับการจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเพื่อให้เป็นหลักให้สามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้บรรลุผลตามเป้าหมาย ซึ่งอาจจะเป็นเป้าหมายในวงกว้างหรือเป้าหมายในวงแคบก็ได้
เซียเลส
ระบบเป็นการจัดสิ่งต่าง ๆ ให้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างเป็นระเบียบเป็นลำดับขั้นตอนเพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
บานาซี
ระบบเป็นการรวบรวมของส่วนประกอบซึ่งมีความสัมพันธ์และส่งเสริมต่อกันเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
ธีระ สุมิตร
ระบบเป็นองค์ประกอบผสมผสานที่ได้รับออกแบบอย่างตั้งใจ
ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีความสมพันธ์ซึ่งกันและกัน
และความสัมพันธ์นี้ได้ทำให้เกิดสัมฤทธิผลในจุดมุ่งหมายที่ได้ตั้งไว้
สงัด อุทรานันท์
ระบบหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ร่วมกันและต่างทำหน้าที่ของตนอย่างมีระเบียบ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายปลายทางที่กำหนดไว้
ชัยยงค์ พรหมวงค์
ระบบเป็นผลรวมของหน่อยย่อยวึ่งทำงานเป็นอิสระจากกัน แต่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์กันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
สิ่งสำคัญของระบบจะต้องประกอบไปด้วย
๑. องค์ประกอบสำคัญ ๆ ของระบบ
๒. ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบนั้น
๓. เป้าหมาย หรือจุดหมายของระบบนั้น
วิธีการเชิงระบบ
ระบบประกอบไปด้วยส่วนสำคัญอย่างน้อย ๓ ส่วน
๑. ตัวป้อน (input)
องค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบนั้นหรืออีกนัยหนึ่งก็คือสิ่งต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับระบบ
๒. กระบวนการ (process)
การจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ
ให้มีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการเป้าหมาย
๓. ผลผลิต (product)
ผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดำเนินงาน หากผลที่เกิดขึ้น
เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ระบบที่สมบูรณ์ควรมีส่วนสำคัญเพิ่มอีก ๒ ส่วน
๔. กลไกลควบคุม (control)
กลไกหรือวิธีการที่ใช้ในการควบคุมหรือตรวจสอบกระบวนการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
๕. ข้อมูลป้อนกลับ (feedback)
ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตกับจุดมุ่งหมาย
ซึ่งจะเป็นข้อมูลป้อนกลับไปสู่การปรับปรุงกระบวนการและตัวป้อน
ซึ่งสัมพันธ์กับผลผลิตและเป้าหมายนั้น
สรุป ความคิดเรื่อง "ระบบ"
๑. ระบบในแง่ของ "การคิดเป็นระบบ" (systematic thinking) หมายถึง การกำหนดองค์ประกอบและการจัดองค์ประกอบให้มีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่กำหนด
๒. ระบบในแง่ของ "การคิดเชิงระบบ" (system approach) หมายถึง การจัดระบบด้วยวิธีการเชิงระบบ ได้แก่ การจัดการองค์ประกอบของระบบในกรอบความคิดของตัวป้อนกระบวนการ กลไกควบคุม ผลผลิต และตัวป้อนกลับ และนำเสนอผังของระบบนั้นในรูปแบบของระบบที่สมบูรณ์
๒. วิธีการจัดระบบหรือสร้างระบบ
แบบจำลองการจัดระบบของ ชัยยงค์ พรหมวงศ์
๑. ขั้นการวิเคราะห์ระบบ (anaiysis)
การนำระบบเดิมที่ใช้อยู่มาวิเคราะห์เพื่อศึกษาปัญหาความต้องการ
และจุดบกพร่องต่าง ๆ รวมทั้งการสำรวจทรัพยากรที่มีอยู่และที่ต้องการ
๒. ขั้นการสังเคราะห์ระบบ (synthesis)
ขั้นการรวบรวมข้อมูลได้จากการวิเคราะห์ระบบเดิม
และนำมาใช้ในการสร้างระบบใหม่
๔. ขั้นการทดลองใช้ระบบในสถานการณ์จำลอง (system simulation)
ขั้นของการพิสูจน์ทดสอบว่าระบบที่สร้างขั้น
สามารถใช้ได้ผลตามที่คาดหวัง
๓. ขั้นสร้างแบบจำลองระบบการสอน (construct of system model)
ขั้นของการนำเอาขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในขั้นสังเคราะหืระบบ
มาใส่แบบจำลองเพื่อแสดงลำดับขั้น เพื่อสะท้อนให้เห็น
องค์ประกอบทั้ง ๔ ของแบบจำลองระบบคลาสสิก
คือ ตัวป้อน กระบวนการ กลไกควบคุม และผลผลิต
การสร้างระบบหรือจัดระบบ
๕.การจัดกลุ่มองค์ประกอบ
การนำองค์ประกอบที่กำหนดไว้ มาจัดหมวดหมู่เพื่อความสะดวกในการคิดดำเนินการในขั้นต่อไป
๖. การจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ
ขั้นที่ต้องใช้ความคิด ความรอบคอบมาก ผู้จัดระบบต้องพิจารณาว่าองค์ประกอบใดเป็นเหตุและเป็นผลขึ้นต่อกันในลักษณะใด สิ่งใดควรมาก่อนมาหลัง สิ่งใดสามารถดำเนินการคู่ขนานกันไปได้ ขั้นนี้เป็นขั้นที่ใช้เวลาในการคิดพิจารณามาก
๔.การกำหนดองค์ประกอบของระบบ
ได้แก่ การพิจารณาว่า มีอะไรบ้างที่สามารถช่วยให้เป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายบรรลุผลสำเร็จ ผู้มีประวบการณ์มากย่อมมองเห็นปัญหาต่าง ๆ ได้มาก จึงมักกำหนดองค์ประกอบของระบบได้ละเอียดรอบคอบมากกว่าผู้มีเป้าหมายบรรลุผลสำเร็จได้
๗. การจัดผังระบบ
เมื่อจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบได้ลงตัวแล้ว ผู้จัดระบบสามารถนำเสนอความคิดของตนออกมาเป็นผังจำลองความคิดของตน ซึ่งในขั้นนี้อาจจัดเป็นผังแสดงลำดับขั้นตอนตามที่ตนเห็นสมควร
ส่วนประกอบที่สำคัญ
ผลผลิต
กลไกควบคุม
กระบวนการ
ข้อมูลป้อนกลับ
ตัวป้อน
ลักษณะของการเขียนผัง
ค. เขียนผสมทั้งแนวนอนแนวตั้ง วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุด เพราะสามารถใช้แสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบได้หลายทิศทาง
ง. เขียนผสมรูปภาพและสัญลักษณ์ผสมกัน การใช้ภาพผสมจะช่วยให้ความคิดชัดเจนขึ้น
ข. เขียนแนวตั้ง โดยใช้รูปเรขาคณิตเป็นสัญลักษณืเช่นเดียวกับแบบ ก. แต่การเรียงลำดับองค์ประกอบได้หลายทิศทาง
จ. เขียนเป็นสัญลักษณ์เชิงคณิตศาสตร์ วิธีนี้ใช้มากในการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ และบทเรียนแบบโปรแกรม
ก. เขียนแนวนอน โดยใช้รูปเรขาคณิตเป็นสัญลักษณ์แสดงองค์ประกอบของระบบต่อเนื่องกัน และแสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบโดยใช้เส้นและหัวลูกศรแสดงทิศทางของความสัมพันธ์ไปในแนวนอน
๓. การศึกษาสภาพการณ์และปัญหาที่เกี่ยวข้อง
จะช่วยให้ผู้สร้างหรือจัดระบบได้ค้นพบองค์ประกอบที่สำคัญที่จะช่วยให้ระบบมีประสิทธิภาพเมื่อนำไปใช้จริง
๘. การทดลองใช้ระบบ
ขั้นตอนหลักในการคิดและเขียนผังระบบออกมาให้ชัดเจน ระบบที่คิดจะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งทางด้านทฤษฎี/หลักการ และการปฏิบัติจริง อย่างไรก็ตาม ถึงม้ว่าระบบที่สร้างขึ้นจะได้ผ่านกระบวนการอย่างรอบคอบเพียงใด
๒. การศึกษาหลักการ/ทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
ผู้ใดมีความรู้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ทำมากเพียงใด ย่อมสามารถกำหนดองค์ประกอบและเห็นแนวทางในการจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบได้รอบคอบขึ้น
๙. การประเมินผลระบบ
การศึกษาผลที่เกิดขึ้นจากการทดลองใช้ระบบ ระบบใดใช้แล้วได้ผลตามเป้าหมายหรือใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุด ระบบนั้นจึงจะเรียกได้ว่าเป็นระบบที่ดีมีประสิทธิภาพ
๑. การกำหนดจุดมุ่งหมายของระบบ
ระบบทุกระบบจะต้องมีจุดมุ่งหมายของตน ดังนั้นในการสร้างระบบใด ๆ
สิ่งสำคัญประการแรกก้คือ ต้องกำหนดจุดมุ่งหมายของระบบให้ชัด
๑๐. การปรับปรุงระบบ
ระบบที่มีประสิทธิภาพส่วนใหญ่จะต้องผ่านการทดลองและประเมินผลมาแล้ว ผลจากการทดลองใช้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงระบบนั้นให้ดีขึ้น
สรุป การจัดสร้างระบบหนึ่งขึ้นมา กระบวนการที่จำเป็น
การกำหนดจุดมุ่งหมายของระบบ การสึกษาหลักการ/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การประมวลสภาพการณ์และปัญหาที่เกี่ยวข้อง การกำหนดองค์ประกอบของระบบ การจัดความสัมพันธ์ขององคืประกอบ การเขียนผังระบบ
การทดลองใช้ระบบ การประเมินผลระบบ และการปรับปรุงระบบ
๓. ตัวอย่างระบบการเรียนการสอน
การจัดระบบมีลักษณะที่เป็นทั้งในแง่ของ "การคิดเป็นระบบ" และในแง่ของ "การคิดเชิงระบบ" เพื่อให้เห็นลักษณะดังกล่าวชัดเจนขึ้น ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างระบบการเรียนการสอนของนักการศึกษาต่าง ๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศซึ่งมีทั้งแบบการคิดเป็นระบบและการคิดเชิงระบบ รวมทั้งตัวอย่างระบบการเรียนการสอนในลักษณะที่เป็นระบบใหญ่และระบบย่อย
๖. ระบบการเรียนการสอนของเคมพ์ (Kemp)
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
๔) กำหนดเนื้อหาวิชาที่สนับสนุนวัตถุประสงค์ในแต่ละข้อ
๓) ระบุจุดมุ่งหมายของการสอนในเชิงพฤติกรรม
๒) ศึกษาคุณลักษณะของผู้เรียน
๑) กำหนดหัวข้อที่จะสอนและเขียนวัตถุประสงค์ทั่วไป
๕) ทดสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถก่อนที่จะทำการสอน
๖) เลือกกิจกรรมและแหล่งวิชาการสำหรับการเรียนการสอน เพื่อจะนำเนื้อหาวิชาไปสู่จุดหมายปลายทางที่วางไว้
๗) ประสานงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเงิน บุคลากร อาคาร สถานที่
เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ และดำเนินการไปตามแผนการที่กำหนดไว้
๘) ประเมินผลการเรียนของผู้เรียนว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
๙) พิจารณาดูว่าควรจะได้มีการแก้ไขปรับปรุงแนการเรียนการสอนให้ดีขึ้นอย่างไร
๗. ระบบการเรียนการสอนของกานเยและบริกส์ (Gagne and Briggs)
ระบบนี้เป็นระบบที่ครอบคลุมการจัดระบบการเรียนการสอนในวงกว้างตั้งแต่การเริ่มวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนเพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ไปจนถึงการทดลองปรับปรุงแผนการเรียนการสอนให้ได้ผล
การออกแบบระบบการเรียนการสอน
ระดับรายวิชา
๔) กำหนดโครงสร้างของรายวิชา
๕) วิเคราะห์จุดมุ่งหมายของรายวิชา
ระดับบทเรียน
๗) จัดเตรียมแผนการสอนโดมูล (ชุดการสอน)
๘) เลือกและจัดทำสื่อและวัสดุการเรียนการสอน
๙) วัดและประเมินผล
๖) ระบุวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
ระดับระบบ
๒) วิเคราะหืแหล่งทรัพยากร อุปสรรคและข้อจำกัดต่าง ๆ
๓) กำหนดขอบข่ายของหลักสูตรและรายวิชาต่าง ๆ
๑) วิเคราะห์ความต้องการ เป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญ
ระดับชั้นเรียน
๑๒) กาสรทดสอบ การปรับปรุง
๑๓) การประเมินผลเพื่อตัดสิน
๑๑) การประเมินผลเพื่อการปรับปรุง
๑๔) การจัดระบบและเผยแพร่ระบบ
๑๐) การเตรียมครู
๕. ระบบการเรียนการสอนของคลอสไมเออร์ และริปเปิล
(Klausmeier and Ripple)
คลอสไมเออร์และริปเปิล
ได้กำหนดองค์ประกอบของระบบการเรียนการสอนไว้ ๗ ส่วน
๔) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
๕) การดำเนิการสอน
๓) การจัดเนื้อหา วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ
๖) การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน
๒) การพิจารณาความพร้อมของผู้เรียน
๗) สัมฤทธิ์ผลของนักเรียน
๑) การกำหนดจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน
๘. ระบบการจัดการเรียนการสอนแผนจุฬาฯ โดย ชัยยงค์ พรหมวงศื
ชัยยงค์ พรหมวงค์ ได้พัฒนาระบบการสอนแผนจุฬาฯ ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๖ สำหรับการสอนในห้องเรียนแบบศูนย์การเรียน และได้ทดลองใช้ในการสอน
วิธีสอนโดยใช้ชุดการสอนดีกว่าการสอนด้วยวิธีธรรมดา
ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัย ๑๐ ขั้นตอน
๓. หัวเรื่อง
๔. มโนทัศน์และหลักการ
๒. หน่วย
๕. วัตถุประสงค์
๖. กิจกรรมการเรียน
๗. การประเมินผล
๑. วิชา
๘. สื่อการสอน
๙.ห้องเรียน
๑๐. นำไปใช้
๓) ขั้นประกอบกิจกรรม
๔) ขั้นสรุป
๒) ขั้นนำ
๕) สอบหลังเรียน
๑) สอบก่อนเรียน
๔. ระบบการเรียนการสอนของเกอร์ลัคและอีลาย (Gerlach and Ely)
เกอร์ลัคและอีลาย (Gerlach and Ely) ได้จัดขั้นตอนสำคัญ ๆ
ของการจัดการเรียนการสอนไว้ ๖ ส่วนด้วยกัน
๓) การประเมินพฤติกรรมก่อนการเรียน
๔) การดำเนินการสอนซึ่งครอบคลุมก่ารพิจารณากลวิธีสอน
การจัดกลุ่มผู้เรียน การจัดห้องเรียน การจัดเวลา
และการเลือกแหล่งวิทยากร
๒) การเลือกเนื้อหาวิชา
๕) การประเมินผลการเรียน
๑) การกำหนดวัตถุประสงค์
๖) การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อป้อนกลับไปใช้ใน
การปรับปรุงส่วนต่าง ๆ ของระบบ
๙. ระบบการจัดการเรียนการสอน โดย สงัด อุทรานันท์
ได้เสนอแนะองค์ประกอบที่สำคัญ ๆ
ในการจัดการเรียนการสอนได้ ๑๐ ประการ
๓) เนื้อหาสาระที่จะสอน
๔) การเตรียมความพร้อม
๒) จุดมุ่งหมายของการสอน
๕) การดำเนินการสอน
๖) การสร้างเสริมทักษะ
๗) กิจกรรมสนับสนุน
๑) ลักษณะของผู้เรียน
๘) การควบคุมและตรวจสอบ
๙) สัมฤทธิ์ผลของการสอน
๑๐) การปรับปรุงแก้ไข
๓. ระบบการเรียนรู้ของคาร์รอล (Carroll)
คาร์รอลมีความเห็นว่าการเรียนการสอน
ให้ประสบความสำเร็จนั้น มี ๕ องค์ประกอบ
ความสามารถในความเข้าใจ
ความพยายามในการเรียน
ความนัดทางการเรียน
เวลาที่ใช้ในการเรียนการสอน
คุณภาพการสอนของครู
๑๐. ระบบการสอนตามแนวพุทธวิธี โดย สุมน อมรวิวัฒน์
สุมน อมรวิวัมนื ได้นำเสนอระบบการสอนตามแนวพุทธวิธี
ปัจจัยภายใน
วิธีการแห่งปัญญา
วิธีคิดโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ)
๔) คิดแบบอริยสัจจ์
๕) คิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์
๖) คิดแบบคุณโทษและทางออก
๓) คิดแบบสามัญลักษณ์
๒) คิดแบบแยกแยะ
๗) คิดแบบคุณค่าแท้คุณค่าเทียม
๘) คิดแบบอุบายปลุกเร้า
๙) คิดแบบเป็นอยู่ในปัจจุบัน
๑) คิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย
๑๐) คิดแบบวิภัชชวาท
อิสรภาพ
อิสรภาพภายนอก
๒) ปรับตัวได้ต่อความเจริยและการเปลี่ยนแปลง
๓) พ้นจากพันธนาการของระบบสังคมที่เบียดเบียน
๑) ปรับตัวได้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๔) สามารถเสวยประโยชน์จากความเจริญ
อย่างประสานกลมกลืนกับธรรมชาติ
อิสรภาพภายใน
๑) จิตหลุดพ้นจากความอยาก, ความโกรธ และความหลงผิด
๒) เป็นนายเหนือธรรมชาติภายในตัวเอง
๓) จิตใจสงบแจ่มใส
ปัจจัยภายนอก
ศรัทธา
คำสั้งสอน (ปรโตโฆสะ)
กัลยาณมิตร
บุคลิกภาพ
คุณธรรม
ความรู้
วิธีการสั่งสอน
สิ่งแวดล้อม
แรงจูงใจ
แรงจูงใจ
บรรยายกาศ
๒. ระบบการเรียนการสอนของเกลเซอร์ (Glaser)
ระบบของเกลเซอร์ (Glaser) มีความคล้ายคลึงกับระบบของไทเลอร์มาก แต่มีองค์ประกอบมากกว่า
ค) การจัดกระบวนการเรียนการสอน
ง) การประเมินผลการเรียนการสอน
ข) การประเมินสถานะของผู้เรียนก่อนสอน
จ) ข้อมูลป้อนกลับ
ก) จุดประสงค์ของการสอน
๑๑. ระบบการออกแบบการเรียนการสอน โดย ทิศนา แขมมณี
ทิศนา แขมมณี ได้เสนอระบบการออกแบบการเรียนการสอน
เพื่อใช้ในการวางแผนการสอน ระบบน้ีนับว่าเป็นระบบย่อย
ระบบหนึ่งของระบบการจัดการเรียนการสอน
๑) ขั้นการคิดออกแบบการเรียนการสอน
การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน
(Instructional Measurement and Evaluation)
เงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง ๆ
(Conditions in Teaching and Learning)
ด้านผู้เรียน
ด้านผู้สอน
ด้านโรงเรียนและผู้บริหาร
ด้านสถานที่
ด้านสื่อ วัสดุ
ด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านงบประมาณ
ด้านชุมชน
ด้านผู้ปกครอง
ด้านนโยบายของรัฐ ฯลฯ
กิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อ (Instructional Activities and Media)
ยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีในการสอน (Instructional Strategies)
วัตถุประสงค์ (Objectives)
กำหนดเนื้อหา และมโนทัศน์ (Contents and Concept)
พิจารณาหลักสูตร ปัญหาความต้องการของผู้เรียน ผู้สอน
๒) ขั้นการเขียนแผนการสอน
มโนทัศน์
กิจกรรม
สื่อ
เนื้อหาสาระ
การวัดและประเมินผล
วัตถุประสงค์
บันทึกผลการสอน
๑. ระบบการเรียนการสอนของไทเลอร์ (Robert Tyler)
การกำหนดองค์ประกอบการเรียนการสอนที่เรียกว่า ไทเลอร์ลูฟ
(Tyler Loop)
ค) การประเมินผลการเรียนการสอน
ข) กิจกรรมการเรียนการสอน
ก) จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน
ข้อมูลป้อนกลับ
การจัดระบบทุกระบบจะต้องมีการคิดอย่างเป็นระบบ คือมีการกำหนดองค์ประกอบสำคัญของระบบ และจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบเหล่านั้น จัดองค์ประกอบในรูปแบบของระบบที่สมบูรณ์
ความแตกต่างทางความคิดในเรื่องที่สำคัญ
๑. การกำหนดองค์ประกอบของระบบมีความแตกต่างกัน นักการศึกาาแต่ละคนเห็นความสำคัญขององค์ประกอบแตกต่างกัน จึงกำหนดตัวองคืประกอบแตกต่างกัน
๒. การจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความคิดเชื่อมโยง และประสบการณ์ของผู้จัดระบบ บางระบบอาจมีองค์ประกอบของระบบเป็นสำคัญ