เด็กชายปัณวัฒน์ อายุ 5 เดือน
Dx. Acute bronchiolitis

พยาธิสภาพของโรค

สาเหตุ

อาการ

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล

พยาธิสรีววิทยา

นิยาม

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเชื้อที่พบบ่อยที่สุดคือ respiratory syncytial virus (RSV)

รองลงมา ได้แก่ human metapneumovirus (hMPV)

influenza virus

rhinovirus,

adenovirus : parainfluenza virus

ติดเชื้อไวรัสหลายชนิดร่วมกันได้ร้อยละ 10-30 ของเด็กเล็กที่มีอาการรุนแรงจนต้องรับไว้ในโรงพยาบาล โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงและภาวะแทรกซ้อน อาทิ ภาวะหยุดหายใจและหายใจล้มเหลว ปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV ได้แก่ สภาวะเศรษฐานะและสังคมต่ำ อาศัยในที่แออัด มีประวัติสัมผัสควันบุหรี่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์และหลังเกิดและไม่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมมารดา

พยาธิสรีรภาพของหลอดลมฝอยอักเสบจากเชื้อ RSV และไวรัสบางตัว เช่น Influenza, Parain-fluenza type 3 และ Adenovirus มีลักษณะคล้ายกันโดยมีการทำลายเซลล์ขนกวัดทำให้เกิดการบวมและทำงานผิดปกติเยื่อบุชั้น Mucosa ของหลอดลมฝอยบวมมีการสร้างสารคัดหลั่งเพิ่มมากขึ้นมีการหนาตัวของผนังหลอดลมฝอยมีการหลุดลอกของเซลล์เข้าสู่ท่อหลอดลมขนาดเล็กทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหายใจออกผลที่ตามมาทำให้มีลมค้างในปอดถ้าการอุดกั้นเกิดอย่างสมบูรณ์จะนำไปสู่ภาวะปอดแฟบได้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซบกพร่องเกิดภาวะขาดออกซิเจนตามมา

หลอดลมฝอยอักเสบเฉียบพลัน (acute bronchiolitis) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อทำให้มีการอักเสบของหลอดลมฝอย เกิดการบวมและหลุดลอกของเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจส่งผลให้การระบายเสมหะไม่มีประสิทธิภาพร่วมกับมีการสร้างเสมหะเพิ่มมากขึ้นเกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนล่างมักเกิดในช่วงอายุ 1-2 ปีแรกพบบ่อยในเพศชายมีความชุกในฤดูฝนและหนาว

เริ่มจากอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน

จามน้ำมูกไหลไออาจมีไข้สูงหรือต่ำรับประทานอาหารได้น้อยต่อมามีอาการไอหายใจมีเสียงวดหายใจเร็วร้องกวนไม่ดูดนมหายใจลำบากหายใจหน้าอกปุ่มหัวใจเต้นเร็วซีดเขียวอาการมักจะรุนแรงที่สุด 2-3

น้ำมูกไหล

ไอ

ประทานอาหารได้น้อย

อาจมีไข้สูงหรือต่ำ

ต่อมามีอาการมักจะรุนแรงที่สุด 2-3 วัน

อาการไอ

หายใจมีเสียงวี๊ด

หายใจเร็ว

ร้องกวน

ไม่ดูดนม

หายใจลำบาก

หายใจหน้าอกปุ่ม

หัวใจเต้นเร็ว

ซีดเขียว

หลังจากเริ่มมีอาการไอในทารกอายุน้อยอาจเกิดภาวะหยุดหายใจได้

A2:เสี่ยงต่อภาวะชักเนื่องจากมีไข้สูง

A3 : มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อเนื่องจากเชื้อโรคสามารถติดต่อโดยระบบหายใจ

A1: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เนื่องจากการอักเสบของหลอดลมฝอย

เกณฑ์การประเมินผล(Outcome criteria)

การพยาบาล

เป้าหมาย(Goal)


Analysis

O: - Oxygen saturation 94%

S: ผู้ปกครองให้ข้อมูลว่า “มีอาการหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อย”

-เนื้อเยื่อของร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ

ภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณออกซิเจนในเนื้อเยื่อต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมักเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความผิดปกติของระบบหายใจหรือระบบไหลเวียนโลหิต โดยปกติเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายจะได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ หากปอดสามารถแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณออกซิเจนในอากาศเพียงพอต่อการหายใจ มีการไหลเวียนเลือดไปยังปอดและนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นภาวะที่ปอดไม่สามารถทำงานแลกเปลี่ยนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและมีผลที่ทำให้เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์และเกิดภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
(อัชฉราภรณ์ ชันแสง, 2559)

click to edit

  1. อัตราการหายใจปกติ 40-60 ครั้งต่อนาที
  1. ไม่มีเหนื่อยหอบ กระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าซีดหรือเขียว
  1. ไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ
  1. ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดง Oxygen saturation >95%
  1. ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาที่เหมาะสมกับอาการความรุนแรงงของการขาดออกซิเจนและอายุของเด็ก Oxygen cannula 2 LPM
    เหตุผล ในภาวะที่ร่างกายขาดออกซิเจนถุงลมในปอดจะยืดขยายไม่เต็มที่ ร่างกายจึงต้องพยายามปรับการหายใจให้ลึกและเร็วขึ้น เพื่อให้ได้ออกซิเจนเต็มถุงลม ในขณะเดียวกัน หัวใจต้องเร่งสูบฉีดโลหิต ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนัก การให้ออกซิเจนเพิ่มจากบรรยากาศ จึงเป็นการ ช่วยให้ถุงลมยืดขยายเต็มที่ (Alveolar Tension)ยิ่งขึ้น ลดอัตราการหายใจลง ลดการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจได้ในที่สุด

3.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยการให้ยาพ่น Ventolin 0.3 CC + NSS 3.5 CC q 4 hr.
กลไก : เป็นยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์กระตุ้น Adrenergic receptor ที่บริเวณกล้ามเนื้อเรียบของหลอดลม ทำให้หลอดลมขยายตัวโดยไม่มีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
ข้อบ่งใช้ : ยานี้เป็นยาขยายหลอดลม ใช้เพื่อช่วยป้องกันและรักษาอาการหายใจมีเสียงหวีดเนื่องจากหายใจขัด หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ซึ่งเกิดจากโรคปอดที่มีหลอดลมหดเกร็ง/ตีบตัวและมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด (Asthma), ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งรวมถึงโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic bronchitis) และถุงลมปอดโป่งพอง (Emphysema), หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis) ที่มีภาวะหลอดลมตีบตัวร่วมด้วย และภาวะหลอดลมหดเกร็งเนื่องจากการออกกำลังกาย
ข้อควรระวัง : อาจทำให้มีอาการมือสั่น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรผิดปกติ รู้สึกกระวนกระวาย ปวดศีรษะเล็กน้อย เวียนศีรษะ เป็นตะคริว ผื่นคัน ลมพิษ (แพ้ยา) และความดันโลหิตต่ำ (สุรเกียรติ อาชานานุภาพ, 2558)

4.จัดสิ่งแวดล้มให้สงบ รบกวนผู้ป่วยเมื่อจำเป็นและพยายามจัดกิจกรรมการพยาบาลให้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
เหตุผล เพื่อลดการใช้พลังงานและออกซิเจน โดยควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ

  1. Monitor Oxygen saturation keep > 95%
    เหตุผล เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติของความเข้มข้นของออกซิเจนและป้องกันภาวะพร่องออกซิเจน
  1. ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน เช่น การหายใจลำบาก หายใจหอบ หายใจเข้ามีเสียงดัง หน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ผิวซีด เขียว ซึม ระดับความรู้สึกตัวลดลง กระสับกระส่าย
    เหตุผล เมื่อพบความผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

6.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะและยาขับเสมหะตามแผนการรักษา
Ambroxol 1 CC Oral tid.pc
กลไก : ช่วยละลายเสมหะ ช่วยให้เสมหะเหลวลง ทำให้เสมหะที่เหนียวข้นและคั่งค้างอยู่ในหลอดลมถูกขับ

Analysis
ภาวะไข้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของเซลล์ประสาทสมอง ทำให้เซลล์ประสาทไวต่อการเกิดอาการชักได้มากขึ้น มีลักษณะชักเกร็งหรือเกร็งร่วมกับกระตุกทั่วตัว ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับอายุและการเจริญเติบโตของสมองด้วย ซึ่งอายุที่มากขึ้นก็มีโอกาสให้ได้น้อยลง ทำให้เกิดอาการชักได้น้อยลงนอกจากนี้อุณหภูมิของไข้ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเกิดอาการชัก โดยเฉลี่ยร้อยละ 75 ของเด็กที่ชักจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน39 องศาเซลเซียส

เป้าหมาย(Goal)

O: อุณหภูมิร่างกาย 38.2 องศา

ไข้ลดลงเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการชัก

เกณฑ์การประเมินผล(Outcome criteria

2.ไม่เกิดการชัก

1.อุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.5 องศา

การพยาบาล

4.สวมใสเสื้อผ้าที่บาง โปร่งสบาย ให้ผู้ป่วย
เหตุผล เนื่องจากเสื้อผ้าที่หนาๆหรือผ้าห่มที่หนาจะทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้อยาก (เกรียงศักดิ์ จีระแพทย์, 2563)

2.ดูแลให้ได้รับยาลดไข้ตามแผนการรักษา
Paracetamol drop 0.6 ml PRN q 4 hr.
แบบหยด มีตัวยา 60มก./0.6 มล. หรือ 80 มก./0.8 มล. เหมาะกับเด็กอ่อนน้ำหนักตัวไม่ถึง 10 กก.(อายุไม่ถึง 1 ปี)กลไก : paracetamolเป็นยาในกลุ่ม analgesics กลไกในการบรรเทาอาการปวดยงัไม่ ชัดเจน แต่คาดว่าไปยยับยั้งกระบวนการสร้าง prostaglandin ในระบบประสาทส่วนกลาง ข้อบ่งใช้ : แก้ปวด ลดไข้ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบข้อควรระวัง : ผู้ที่แพ้ยาพาราเซตามอลเกิดผื่น คัน แดง หรือมีไข้ ควรหยุดใช้ยาทันทีและรีบไปพบแพทย์
(สมเฮง นรเศรษฐีกุล, 2556)

  1. เมื่อมีไข้ให้เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำธรรมดา
    เหตุผล เนื่องจากการเช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำธรรมดาจะช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดที่ผิวหนัง ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย (กรรณิกา เจิมเทียนชัย, 2559)

1.วัดสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง
เหตุผล เมื่อพบความผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

5.จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีแสง เสียงรบกวน และควรเป็นที่โล่ง มีลมพัดผ่าน
เหตุผล เพื่อให้ลมนำพาความร้อนออกจากร่างกาย

6.วัดอุณหภูมิร่างกายซ้ำทุก 30 นาที
เหตุผล เพื่อเฝ้าระวังภาวะไข้สูง

เป้าหมาย(Goal)


เกณฑ์การประเมินผล(Outcome criteria)

Analysis
เชื้อไวรัส RSV ที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายโดยที่ eosinophils lymphocytes และ macrophages จะถูกกระตุ้นให้มีการหลั่งInflammatorymediator เช่น cytokine,interleukin-8 ทำให้เยี่อบุของทางเดินหายใจมีการบวม มีการสร้างเยื่อเมือกและสารคัดหลั่งเพิ่มมากขึ้น เกิด การกระตุ้น ให้มีการหดเกร็งของหลอดลม เกิดการอุดกั้น ของหลอดลมฝอยและทางเดินหายใจ (airwayobstruction) ส่งผลให้มีการไหลวนของอากาศภายในถุงลม (air trapping) ทำให้หลอดลมแฟบยุบลง (lobularcollapse)และมีปอดแฟบเป็นหย่อมๆการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง จึงส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนลดลง นอกจากนี้อาจมีการติดเชื้อลงสู่เนื้อเยื่อปอดทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบ (pneumonia) มีการสร้างน้ำและเมือกเพิ่มขึ้นบริเวณถุงลมซึ่งจะมีเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงมารวมตัวบริเวณที่มีการอักเสบมากขึ้น จะพบการบวมของเยื่อบุทางเดินหายใจและมีเสมหะจำนวนมากในถุงลมและหลอดลมฝอย ทำให้ทางเดินหายใจเกิดการอดุกั้น ความยืดหยุ่นของปอดและพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
(อลิษา ขุนแก้ว, 2562)

การพยาบาล

O: มีไอ มีน้ำมูกเขียวข้น

ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อ

  1. ผู้ปกครองล้างมือเด็กก่อนให้เด็กดื่มนม

2.ล้างมือก่อนและหลังดูแลผู้ป่วย
เหตุผล เนื่องจากถ้าหากเราไม่ล้างมือก่อนหรือหลังดูแลผู้ป่วย บุคคลนั้นอาจเป็นผู้นำเชื้อไปให้ผู้อื่นได้ เพราะเชื้อก็จะติดมากับมือของผู้ที่ไปสัมผัสไปดูแลผู้ป่วย

3.แนะนำเกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมแก่ญาติ ไม่ควรให้ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำเข้าเยี่ยม
เหตุผล เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากตัวเด็กไปสู่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำเนื่องจาก ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำนั่นจะสามารถรับเชื้อได้ง่ายกว่าที่มีภูมิคุ้มกันดี

1.ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก Aseptic technique
เหตุผล เพื่อป้องกันการสัมผัสและการแพร่กระจายเชื้อ

  1. ดูและให้ได้รับบาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
    Cefotaxime 280 mg V q 8 hr.
    กลไก : เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเซฟาโลสปอริน (Cephalosporins) ออกฤทธิ์โดยฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
    ข้อบ่งใช้ : รักษาและป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ข้อควรระวัง : การฉีดยา Cefotaxime เข้าทางหลอดเลือดดำ หากเกิดการรั่วหรือซึมอาจสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อในบริเวณรอบข้าง ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบหากเกิดอาการแดง แสบร้อน ปวด บวม เป็นแผล หรือสังเกตว่ายาเกิดการรั่วหรือซึมออกจากบริเวณที่ฉีดยา หรือมีอาการท้องเสีย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงพบได้มาก

นางสาวพัชรีวรรณ ใจมา 6101210323