Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว, 20150104_health-disease_1 - Coggle…
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว
left to right shunt
ความผิดปกติของผนังกั้นหัวใจห้องล่าง
(Ventricular Septal Defect: VSD)
สาเหตุ
ความผิดปกติในการแบ่งห้องหัวใจของทารกขณะอยู่ในครรภ์มารดา
ความผิดปกติทางพันธุกรรม
การติดเชื้อของมารดาโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
การได้รับยาหรือสารเคมีบางอย่างในช่วงก่อนหรือระหว่างตั้งครรภ์
เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มารดาดื่มสุรา สูบบุหรี่
ความหมาย
เป็นความพิการของหัวใจที่มีทางเชื่อมติดต่อระหว่าง ventricle ซ้ายและขวา พบได้บ่อยที่สุดในโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดทั้งหมด
การวินิจฉัย
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) : พบ left atrium และ ventricle ทั้งสองโต
การตรวจร่างกาย : พบเสียง murmur
ภาพรังสีทรวงอก (chest x-ray)
VSD ขนาดเล็ก : ขนาดหัวใจมักปกติหรือโตเล็กน้อย
VSD ขนาดปานกลาง : มักมีหัวใจโต หลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้น
VSD ขนาดใหญ่ : มักพบว่าหัวใจโตมาก หลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้นมาก พบ ventricle ขวาโต และมี atrium ซ้ายโต
การซักประวัติ : หายใจเร็วผิดปกติ เด็กตัวเล็ก โตช้า
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram) : มองเห็นขนาดรูรั่วและห้องหัวใจที่โตขึ้น
การพยาบาล
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่ายเนื่องจากมีการคั่งของน้ำในปอด/ความสามารถในการต้านทานโรคลง/ปอดขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน ไอ เจ็บหน้าอก น้ำมูกไหล
ให้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะสมกับโรค
แยกเด็กออกจากเด็กป่วยด้วยโรคติดเชื้อต่างๆ รวมทั้งจำกัดการเยี่ยมหรือการเข้าใกล้เด็ก
ของผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
ให้คำแนะนำแก่ครอบครัวเกี่ยวกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค การดูแลสุขอนามัยในเด็ก และเครื่องกำจัดแหล่งเชื้อโรค
ดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของปากและฟัน
พยาธิสภาพ
ความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิต เป็นผลมาจาก VSD จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของรูรั่วระหว่าง ventricle โดยที่เลือดจะไหลลัดจาก ventricle ซ้ายไปขวา ไหลไปสู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจน แล้วไหลสู่หัวใจห้องบนซ้ายลงสู่หัวใจห้องล่างซ้าย ซึ่งต้องทำงานเพิ่มมากขึ้นบีบตัวให้เลือดส่วนหนึ่งออกไปสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย โดยที่เลือดอีกส่วนหนึ่งผ่านรูรั่วกลับเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวาใหม่
การรักษา
การผ่าตัด
การผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการโดยการรัด pulmonary artery ให้เล็กลง
การผ่าตัดเย็บปิดรูพิการ หรือการผ่าตัดเปิดหัวใจ
กรณีมีภาวะหัวใจวาย
ให้ยา digitalis ยาขับปัสสาวะ ยาขยายหลอดเลือด
การดูแลสุขภาพทั่วไป
VSD ขนาดใหญ่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย ต้องทำการผ่าตัด
VSD ขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้การดูแลสุขภาพอนามัยที่ดี ระมัดระวังและป้องกันการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจ
อาการ
VSD ขนาดปานกลาง อาจมีอาการเหนื่อยง่าย ตัวเล็ก และมีการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย พัฒนาการทางร่างกายช้า
VSD ขนาดใหญ่ มักจะเริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย เลี้ยงไม่โต ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย หายใจเหนื่อยหอบ อาจจะเขียวเล็กน้อยเวลาร้อง หรือออกแรงมากๆ
VSD ขนาดเล็ก มักไม่มีอาการ การเจริญเติบโตปกติ
ความผิดปกติของผนังกั้นหัวใจห้องบน
(Atrial Septal Defect: ASD)
สาเหตุ
ความผิดปกติในขั้นตอนการสร้างอวัยวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส
ความผิดปกติของโครโมโซมของเด็กเอง
หาสาเหตุการเกิดของ ASD ที่ชัดเจนไม่ได้
เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มารดาดื่มสุรา สูบบุหรี่
อาการ
รูรั่วขนาดปานกลาง เติบโตปกติหรือช้า ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจบ่อย
รูรั่วขนาดใหญ่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เหงื่อออกมาก ปอดบวมบ่อยๆ
-รูรั่วขนาดเล็ก เติบโตปกติหรือช้า ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจบ่อย
ความหมาย
โรคที่มีความผิดปกติในการสร้างผนังกั้นเอเตรียมที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดรูรั่วเป็นทางติดต่อระหว่างเอเตรียมซ้ายและขวา การเกิดรูรั่วอาจมีเพียงรูเดียวหรือหลายรูก็ได้
การรักษา
การผ่าตัด โดยการเย็บปิดผนังกั้นของ ASD หรือเย็บซ่อมลิ้นหัวใจ mitral
การดูแลสุขภาพสุขภาพปาก และฟัน
การรักษาทางยา
ยาขับปัสสาวะ
ยาปฏิชีวนะ
ยา digitalis
พยาธิสภาพ
เลือดแดงในหัวใจห้องบนซ้ายมีความดันสูงกว่าด้านขวา จะไหลผ่านตรงทางรูรั่วที่ผิดปกติ เข้าไปหัวใจห้องบนขวาลงสู่ห้องล่างขวา เป็นผลให้เกิด left to right shunt ทำให้หัวใจห้องบนขวาและห้องล่างขวาโตและขยายตัวขึ้น เนื่องจากต้องทำหน้าที่เพิ่มขึ้น
การวินิจฉัย
ภาพรังสีทรวงอก : พบหัวใจโตเล็กน้อย มี ventricle ขวาโต มีหลอดเลือดที่ปอดเพิ่ม
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) : อาจมี atrium ขวาโต พบว่า มี P wave สูงแหลม
การตรวจร่างกาย : ตรวจพบ ventricle ขวาโต เสียงที่หนึ่ง (S1) ต่ำกว่าปกติ
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ : ขนาดของ atrium และ ventricle ขวารวมทั้งหลอดเลือดแดง pulmonary มีขนาดใหญ่ขึ้น เห็นรูรั่วบริเวณผนังกั้นหัวใจห้องบนชัดเจน
การซักประวัติ : หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย อกบุ๋ม ไม่มีอาการเขียว ตัวเล็ก
การตรวจสวนหัวใจและการฉีดสารทึบรังสี ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือดใน atrium ขวาเพิ่มขึ้น
การพยาบาล
ดูแลให้น้ำในปริมาณที่จำกัด หรือจำกัดปริมาณนมต่อวันตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยา Digitalis ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนและแคลอรี่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
ดูแลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ปอดโดยดูแลเรื่องความสะอาดของช่องปาก
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนกระตุ้นเด็ก ให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ การเต้นของหัวใจ สีผิว
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาและวัดความเข้มข้นของออกซิเจนเป็นระยะๆ
Patent Ductus Ateriosus: PDA
การพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความผิดปกติของหัวใจได้ง่าย (หัวใจวาย) เนื่องจากสภาพทางร่างกายและลักษณะอาการของโรค
ดูแลและให้คำแนะนำแก่เด็กและบิดา มารดา เกี่ยวกับการให้ยาปฏิชีวนะ ก่อนการตรวจ
รักษา การผ่าตัดหรือการถอนฟัน
สังเกตและบันทึกอาการและอาการแสดงของภาวะหัวใจวาย ได้แก่ กระสับกระส่าย หายใจเร็ว จมูกบาน หน้าอกบุ๋ม หัวใจเต้นเร็ว
ให้ได้รับยา และสารน้ำถูกต้องตามแผนการรักษา
ให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่จำเป็น
ให้ได้รับอาหารที่เหมาะสมและมีคุณค่าสูง
อาการ
PDA ขนาดปานกลาง อาจมีอาการเหนื่อยง่ายเล็กน้อย มีการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยๆ หัวใจซีกซ้ายโต พัฒนาการไม่สมวัย
PDA ขนาดใหญ่ จะมีอาการมากตั้งแต่วัยทารก ในทารกคลอดก่อนกำหนดจะมีหัวใจวาย เหนื่อยหอบ น้ำหนักตัวไม่เพิ่ม ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยๆ มีอาการเขียวปลายนิ้วเท้า หัวใจโต
PDA ขนาดเล็ก มักไม่มีอาการ ตรวจร่างกายพบหัวใจไม่โตหรือโตเล็กน้อย ได้ยินเสียง murmur
การรักษา
ในรายที่ไม่มีอาการ ควรทำการผ่าตัดโดยผูกหรือตัด ductus arteriosus เมื่อผู้ป่วยอายุเกิน 1 ปี
การรักษาทางยา ในทารกแรกคลอดหรือทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีอาการหัวใจวายให้ยา Indomethacin 0.2 mg/Kg.
ทางปากหรือหลอดเลือดดำซ้ำ 3 ครั้ง ห่างกัน 8 –12 ชั่วโมง
ถ้าการใช้ยาไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องผ่าตัดผูกหลอดเลือด ductus arteriosus ด้วยไหมขนาดใหญ่
สาเหตุ
มารดาเป็นโรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์
เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มารดาดื่มสุรา สูบบุหรี่
ความผิดปกติทางพันธุกรรม
พัฒนาการขณะสร้างหัวใจของตัวอ่อนภายในครรภ์ผิดปกติ
พยาธิสภาพ
ความดันของเลือดในหลอดเลือด aorta สูงกว่าในหลอดเลือดแดง pulmonary เป็นเหตุให้เลือดไหลจาก aorta กลับมายังที่หัวใจห้องบนซ้ายลงสู่ห้องล่างซ้ายออกทาง aorta ใหม่วนเวียนไปเรื่อยๆ เลือดที่มีออกซิเจนไหลเวียนผ่านปอดใหม่ ทำให้หัวใจด้านซ้ายทำงานมากกว่าปกติและเกิดหัวใจโต
ความหมาย
เกิดจากการที่หลอดเลือด ductus arteriosus ไม่ปิดภายหลังทารกคลอด ซึ่งปกติควรปิดภายใน 1 – 4 สัปดาห์
ในทารกที่ ductus arteriosus ไม่ปิดทำให้เลือดแดงไหลจาก aorta เข้าสู่ pulmonary artery ได้
การวินิจฉัย
ถ่ายภาพรังสีทรวงอก พบ ventricle ซ้ายโต หลอดเลือด pulmonary artery ขนาดใหญ่ขึ้น หลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้น
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) พบว่าหัวใจล่างซ้ายโต
การตรวจร่างกาย
ชีพจรเต้นแรง (bounding pulse)
ได้ยิน murmur ที่ลิ้น pulmonic
pulse pressure กว้างกว่า ½ ของความดัน systolic
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ พบว่า มีหัวใจด้านซ้ายโต วัดขนาดของ ductus arteriosus ได้
การซักประวัติ จากอาการตัวเล็ก น้ำหนักน้อย หายใจเร็ว
obstructive lesion
หลอดเลือดเอออร์ตาตีบ
(Coarctation of Aorta: COA)
การรักษา
Transluminal angioplasty with Balloon dilation หลัง dilate อาจเกิด aneurysm ได้
ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง แนะนำให้ทำผ่าตัดเมื่ออายุ 4–5 ปี โดยทำการตัดหลอดเลือดส่วนที่ตีบออก และต่อส่วนปลายทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หรือการตัดหลอดเลือดส่วนที่ตีบออก
รักษาทางยา digitalis ในรายที่มีภาวะหัวใจวาย
อาการ
ทารกแรกเกิดส่วนใหญ่มาด้วยอาการของหัวใจวาย ได้แก่ หายใจเหนื่อยหอบ เลี้ยงไม่โต ตรวจร่างกายจะพบว่ามีหายใจเร็ว ชีพจรที่แขนจะแรงกว่าที่ขา
เด็กโตส่วนใหญ่มักไม่มีอาการผิดปกติ ถ้ามีอาการมักจะเป็นผลจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย และติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจ
พยาธิสภาพ
aorta ส่วนที่เป็น coarctation แคบลง ทำให้หัวใจห้อง ventricle ซ้ายทำงานหนักมาก และ aortic blood flow ลดลง เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง และทำให้การทำงานของ ventricle ซ้าย
เสียไป เป็นผลให้ความดันเลือดใน atrium ซ้ายสูงขึ้น มี left to right shunt ทำให้เกิดอาการหัวใจวาย
สาเหตุ
มารดาติดเชื้อหัดเยอรมันใน 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
ความผิดปกติในขั้นตอนการสร้างอวัยวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
มารดาได้รับยาขณะตั้งครรภ์ เช่น ยาระงับชัก ยาสงบประสาท กลุ่มยาฮอร์โมน
เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มารดาดื่มสุรา สูบบุหรี่
ความผิดปกติทางพันธุกรรม
การวินิจฉัย
ภาพรังสีทรวงอก หัวใจห้องล่างซ้ายโต aorta ส่วนหน้าของบริเวณตีบแคบจะขยายใหญ่ขึ้น
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หัวใจห้องล่างซ้ายโตในเด็กโต ส่วนเด็กเล็กจะพบ ventricle ขวาโต
การตรวจร่างกาย
ความดันโลหิตมักจะสูง
ขาอาจจะเย็นกว่าแขน
ชีพจรส่วนบนของร่างกายแรง แต่ชีพจรส่วนล่างของร่างกาย
pop-eye appearance
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ พบ hypoplasia ของ aortic isthmus อาจมี post stenosis dilation
การซักประวัติ อาการและอาการแสดง
ความหมาย
การตีบแคบหรืออุดตันของส่วนใดส่วนหนึ่งของหลอดเลือด aorta ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบที่ aortic arch
การพยาบาล
ดูแลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ปอดโดยดูแลเรื่องความสะอาดของช่องปาก
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ การเต้นของหัวใจ สีผิว
ดูแลให้ได้รับยา Digitalis ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนและแคลอรี่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาและวัดความเข้มข้นของออกซิเจนเป็นระยะๆ
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนกระตุ้นเด็ก ให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
Pulmonary Stenosis (PS)
การรักษา
ในรายที่มีอาการมาก ทำผ่าตัด pulmonary valvotomy และ balloon valvuloplasty เพื่อขยายลิ้น pulmonary
ให้คำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจและผนังหัวใจ
รายที่เป็น mild pulmonary stenosis ไม่ต้องผ่าตัด
อาการ
ชนิดที่มีการตีบแคบปานกลาง อาจไม่มีอาการหรือมีอาการเหนื่อยง่ายเพียงเล็กน้อยเวลาออกแรง พบ systolic murmur
ชนิดที่มีการตีบแคบมาก จะมีอาการของภาวะหัวใจซีกขวาวาย หรือมีอาการเขียวเล็กน้อยในเด็กเล็ก ส่วนในเด็กโตมักมีอาการเหนื่อยง่าย อาจมีอาการเขียว
ชนิดที่มีการตีบแคบน้อย จะไม่มีอาการ อาจพบ systolic murmur
พยาธิสภาพ
เกิดการอุดกั้นของทางออกของ ventricle ขวา ทำให้ ventricle ขวาต้องบีบตัวแรงขึ้น เพื่อให้มีปริมาณของเลือดไปปอดเพียงพอ กล้ามเนื้อของ ventricle ขวาจึงหนาตัวขึ้น ส่งผลให้เลือดจาก atrium ขวาไหลลง ventricle ขวาได้ไม่สะดวก atrium ขวา จึงมีขนาดใหญ่และผนังหนาขึ้น และอาจทำให้ความดันใน atrium ขวาสูงกว่า atrium ซ้าย เกิดเลือดไหลลัดวงจรจาก atrium ขวาไปซ้าย ทำให้เกิดอาการเขียวได้
สาเหตุ
มารดาได้รับยาขณะตั้งครรภ์ เช่น ยาระงับชัก ยาสงบประสาท กลุ่มยาฮอร์โมน
ความเจ็บป่วยของมารดา เช่น มารดาเป็นเบาหวาน
เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มารดาดื่มสุรา สูบบุหรี่
มารดาติดเชื้อหัดเยอรมันใน 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
ความผิดปกติด้านพันธุกรรม เช่น การแบ่งตัวของโครโมโซมที่ผิดปกติ
การวินิจฉัย
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ พบ ventricle ขวาโต atrium ขวาโต
การตรวจร่างกาย ฟังได้ systolic murmur บริเวณอกด้านซ้ายด้านบน คลำได้ ventricle ขวาโต
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ พบ atrium ขวาโต ventricle ขวาหนาขึ้น และมีการตีบแคบของหลอดเลือด pulmonary
การซักประวัติ
ภาพรังสีทรวงอก พบมีการโป่งพองของ pulmonary artery หัวใจห้องบน
และล่างขวาโต หลอดเลือดที่ปอดมักจะน้อยลง
ความหมาย
การตีบของลิ้น pulmonary มีผลให้การไหลของเลือดจากหัวใจห้องล่างขวาไปยัง pulmonary artery ได้ยากขึ้น
การพยาบาล
เนื้อเยื่อต่างๆ มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากความผิดปกติของหัวใจ ทำให้ร่างกายได้รับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำหรือหัวใจทำงานหนักเกินไปทำให้ปริมาณเลือดออกจากหัวใจลดลง
สังเกตและบันทึกอาการนำหรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน หรือเป็นลม หมดสติ
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ การเต้นของหัวใจ สีผิว เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของเด็ก
ดูแลให้ได้รับยา Digitalis (Digoxin) ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษาและวัดความเข้มข้นของออกซิเจนเป็นระยะๆ
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนกระตุ้นเด็ก ให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่