Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พฤติกรรมด้านจิตพิสัย (Affective Domain), สมาชิกในกลุ่ม, อ้างอิง,…
พฤติกรรมด้านจิตพิสัย
(Affective Domain)
ความหมาย
จิตพิสัยเป็นคุณลักษณะภายใน ของคนแล้วแสดงพฤติกรรม หรือ การกระทำออกมาตามอารมณ์และความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นด้านความสนใจ เจตคติ ความชื่นชมค่านิยม ตลอดจนพัฒนาเป็นคุณลักษณะของตนเอง
ลักษณะของจิตพิสัยที่แสดงออกมาของมนุษย์
1. เจตคติ (Attitudes)
เป็นความรู้สึกชื่นชอบ หรือไม่ชื่นชอบ ความรู้สึกด้านบวกหรือด้านลบ ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นความเกี่ยวเนื่องระหว่างความรู้สึกกับสิ่งนั้นโดยเฉพาะ
เช่น เจตคติต่อครู ผู้บริหาร วิชา กิจกรรมการสอน
2. ความสนใจ (Interests)
เป็นความรู้สึกที่มีขอบเขตหรือช่วง (Range) จากระดับสูงของการกระตุ้น(Excitement)และลดต่ำลงมา หรือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุสิ่งของกับระดับความสนใจ
เช่น ผู้เรียนสนใจมากเกี่ยวกับวิชาการละคร แต่ไม่สนใจเลยเกี่ยวกับวิชาภูมิศาสตร์
3. แรงจูงใจ (Motivation)
เป็นความต้องการภายในที่แนวแน่ (Strength) ที่จะให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อที่จะค้นหาความสำเร็จ หลีกเลี่ยงความล้มเหลว ปฏิบัติตามกลุ่มและความคาดหวัง
เช่น แรงจูงใจต่อการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน
4. ค่านิยม (Values)
เป็นแนวโน้มต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความคงที่ยาวนาน ค่านิยมมีทั้งกว้างและลึก
5. ความชื่นชอบ (Preferences)
เป็นความปรารถนา (Desire) ที่จะเลือกหรือไม่เลือก
6. มโนทัศน์ของตนเองเกี่ยวกับการศึกษา (Academic self - concepts)
ไม่ใช่คุณลักษณะของจิตพิสัยโดยตรง แต่เป็นการแสดงความรู้สึกในด้านสัมพันธ์ต่อสถานศึกษาหนึ่ง ว่ามีมากกว่าสถานศึกษาหนึ่ง
7. วิถีของการควบคุม (Locus of control)
แนวคิด
การจัดระบบคุณค่า
การนำคุณค่าที่ตนเองสร้างขึ้นมา จัดระบบหรือหมวดหมู่ รวมทั้งจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมที่บุคคลเห็นคุณค่าหลาย ๆ อย่าง มายึดถือเป็นหลักปฏิบัติต่อไป ประกอบด้วยพฤติกรรมย่อย
การสร้างคุณค่า
การแสดงถึงการยอมรับคุณค่าในวัตถุสิ่งของบุคคล หรือสถานการณ์ แล้วเชื่อถือในคุณค่าของสิ่งนั้น ๆ ที่มีความหมายหรือไม่มีความหมายต่อตนเอง ประกอบด้วยพฤติกรรมย่อย
การรับรู้
การที่บุคคลเริ่มมีความรู้สึกว่า มีสิ่งเร้าเข้ามากระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมการรู้จัก เต็มใจ และเลือกที่จะรับรู้ในสิ่งเร้านั้น
การสร้างลักษณะนิสัย
การนำเอาค่านิยมที่ได้จัดระบบคุณค่าเข้ามาเป็นระบบที่ถาวรไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะแสดง พฤติกรรมที่ยึดถือตลอดไป ซึ่งจะกลายเป็นลักษณะประจำตัวของแต่ละบุคคล ประกอบด้วยพฤติกรรมย่อย
การตอบสนอง
การแสดงความตั้งใจที่จะตอบสนองและมี ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้น มีพฤติกรรมย่อย
เครื่องมือที่ใช้ในการวัด
แบบวัดเชิงสถานการณ์ (Situation form)
เป็นแบบวัดที่กำหนดเรื่องราวหรือสถานการณ์สมมุติให้ดูหรืออ่านแล้วแสดงความรู้สึก ความ คิดเห็น เหตุผล หรือให้เลือกคำตอบที่กำหนดให้
ประเภทของแบบวัดสถานการณ์
กำหนดคุณลักษณะที่ต้องการวัดให้ชัดเจน
เขียนตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้และมีจำนวนมากพอ
ควรเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริง ไม่ทำให้ผู้ตอบเครียดเกินไปและให้เหมาะสมกับระดับชั้นเรียนด้วย
แบบสอบถาม (Questionnaire)
เป็นชุดคำถามเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับความคิดเห็น ความรู้สึก ความเชื่อ หรือความสนใจ ต่าง ๆ หรืออาจใช้สำรวจพฤติกรรมก็ได้
ประเภทของแบบสอบถาม
แบบสอบถามปลายเปิด เป็นแบบสอบถามที่มีประเด็นที่ต้องการทราบกำหนดให้ผู้ให้ข้อมูลได้เขียนตอบ
แบบสอบถามปลายปิด เป็นแบบสอบถามที่มีข้อความที่ต้องการให้ผู้ให้ข้อมูลได้เลือกตอบ
แบบสอบถามที่เป็นแบบจัดอันดับ
แบบสอบถามที่เป็นแบบสำรวจรายการ
แบบสอบถามที่เป็นแบบมาตรประมาณค่า
แบบสอบถามที่เป็นมาตรประมาณค่าแบบนัยจำแนก
การสัมภาษณ์ (Interview)
การสัมภาษณ์เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีโอกาสพบปะสนทนากับผู้ให้ ข้อมูลโดยตรง
ประเภทของการสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interview)
ข้อดี คือ จัดหมวดหมู่ข้อมูลได้ง่ายและสะดวกในการวิเคราะห์ทำได้ทั้งรายบุคคลหรือกลุ่มย่อย เหมาะสำหรับผู้สัมภาษณ์ที่ยังไม่ชำนาญในการสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Interview)
เป็นการสัมภาษณ์ที่กำหนดเพียงหัวข้อสัมภาษณ์กว้าง ๆ
ผู้สัมภาษณ์จะต้องชำนาญในการสัมภาษณ์มาก
การสังเกต (Observation)
เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรม การพูด ท่าทาง บุคลิก ทักษะ ความสามารถ รวมทั้งสภาพแวดล้อมต่าง ๆ แล้วบันทึกในแบบบันทึกการสังเกตทำให้ได้ข้อมูลโดยตรง
การสังเกตขึ้นกับ 3 องค์ประกอบ
ผู้สังเกตมีสุขภาพดีอารมณ์ปกติ
ผู้สังเกตต้องมีการรับรู้ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ความตั้งใจไม่มีอคติลำเอียง
ประเภทของการสังเกต
จำแนกตามพฤติกรรมของผู้สังเกต
การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non Participation Observation) เป็นการสังเกตทางอ้อม
การสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participation Observation) เป็นการสังเกตทางตรง (Direct Observation) ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเชื่อมั่นได้
แนกตามลักษณะของการสังเกต
การสังเกตแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Observation) เป็นการสังเกตที่ไม่ได้กำหนดประเด็นไว้ล่วงหน้า
การสังเกตแบบมีโครงสร้าง (Structured Observation) มีการกำหนดประเด็นไว้ล่วงหน้า
แบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
เป็นเครื่องมือที่กำหนดรายการพฤติกรรม / คุณลักษณะที่ต้องการตรวจสอบว่ามีหรือไม่มี อาทิ พฤติกรรมความร่วมมือ พฤติกรรมกลุ่ม เป็นต้น
แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ตรวจสอบ พฤติกรรม / คุณลักษณะที่ต้องการของผู้เรียนว่าแสดงออก / เกิดขึ้นในระดับที่มากหรือน้อยเพียงใด
ประเภทของแบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า
จำแนกตามลักษณะของตัวเลือก
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบบเส้น
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบบสัญลักษณ์
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบบตัวเลข
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบบให้จัดอันดับ
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบบบรรยาย
จำแนกตามบุคคล
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณของลิเคิร์ท
เป็นแบบกำหนดคำตอบระดับ (แบบ 0,1,2,3 และ 4 หรือแบบ 1,2,3,4,5) ที่แสดงระดับความคิดเห็นที่สนับสนุน หรือไม่สนับสนุนต่อพฤติกรรม / คุณลักษณะที่กำหนดให้
แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าของออสกูด
เป็นแบบประเมินที่กำหนดตัวเลือก "คำคุณศัพท์" ที่มีความหมายตรงกันข้ามตั้งแต่พฤติกรรมต่ำสุดไปถึงสูงสุดแล้วให้ ผู้ตอบได้แสดงความรู้สึกเกี่ยวกับประเด็น / ความคิดรวบยอดที่กำหนดให้
การสร้างเครื่องมือ
การสัมภาษณ์
ระหว่างสัมภาษณ์
ใช้คำถามที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ควรรีบเร่ง ไม่แสดงอาการตำหนิ และควรสังเกตพฤติกรรมของผู้ให้สัมภาษณ์
หลังสัมภาษณ์
จดบันทึกข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เท่านั้น และคำถามที่ได้คำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ได้คำตอบควรบันทึกเหตุผลไว้ประกอบการวิเคราะห์และแปลผลด้วย
ก่อนสัมภาษณ์
ผู้สัมภาษณ์จะต้องมีการวางแผนกำหนดประเด็นล่วงหน้าและจะต้องมีการแนะนำตนเองและบอกจุดมุ่งหมายประโยชน์ที่ได้รับเงื่อนไขการดำเนินการเพื่อให้การดำเนินการเป็นที่ยอมรับระหว่างกันและกัน
แบบมาตราส่วนประมาณ
ระบุพฤติกรรมที่ต้องการวัด
ศึกษาลักษณะของพฤติกรรม
กำหนดจุดประสงค์
นำพฤติกรรมย่อยมาจัดเรียงตามลำดับก่อนหลัง
กำหนดระดับคุณภาพ
สร้างแบบประเมิน และกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนทเกณฑ์การผ่าน
แบบตรวจสอบรายการ
กำหนดพฤติกรรมหรือคุณลักษณะที่จะบ่งชี้ว่ามีพฤติกรรมนั้นๆ
เขียนข้อความที่แสดงพฤติกรรมหรือคุณลักษณะ
กำหนดพฤติกรรมหรือคุณลักษณะของสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ
ตรวจสอบความชัดเจนความซ้ำซ้อนและจัดเรียงลำดับของการเกิดพฤติกรรมหรือลักษณะนั้นๆ
นำไปทดลองจริงแล้วนำผลมาแก้ไขปรับปรุง
แบบวัดเชิงสถานการณ์
เขียนคำถาม
เขียนตัวเลือก
สร้างสถานการณ์
นำไปทดลองใช้และปรับปรุงแก้ไข
กำหนดคุณลักษณะที่ต้องการจะวัด
การสังเกต
เขียนรายงานพฤติกรรมของนักเรียน
กำหนดเครื่องมือที่ใช้ในการสังเกต
กำหนดพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะสังเกต
แบบสอบถาม
ร่างแบบสอบถาม
ตรวจสอบข้อคำถาม
กำหนดประเภทของคำถาม
ทดสอบใช้แบบสอบถาม
ระบุเนื้อหาหรือประเด็นหลักที่จะถาม
ปรับปรุงแก้ไขและจัดพิมพ์และทำคู่มือ
กำหนดวัตถุประสงค์
สมาชิกในกลุ่ม
6301102001005 นางสาว ศศิโสม อ่อนแก้ว เลขที่ 5
6301102001006 นางสาว ชนัญชิดา ดีใจ เลขที่ 6
6301102001011 นางสาว ชลิดา ไพสาลี เลขที่ 10
6301102001015 นางสาว นัจญวา เจ๊ะแล๊ะ เลขที่ 14
6301102001017 นางสาว นุสรา ดาขรี เลขที่ 16
6301102001022 นางสาว ปิยวรรณ สุขวงษ์ เลขที่ 21
กลุ่มเรียน 63003.151
อ้างอิง
พัชรินทร์ ชมภูวิเศษ. (2559). การวัดและประเมินผลการศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://portal5.udru.ac.th
.
(วันที่ค้นข้อมูล : 26 สิงหาคม 2564).
เพชราวดี จงประดับเกียรติ. (ม.ป.ป.). ระดับขั้นของพฤติกรรมทักษะพิสัย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://site.bsru.ac.th/petcharawadee.jo
.
(วันที่ค้นข้อมูล : 26 สิงหาคม 2564).
การวัดและประเมินจิตพิสัย. (ม.ป.ป). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://kruamm.files.wordpress.com/2011/07/
.
(วันที่ค้นข้อมูล : 26 สิงหาคม 2564).
พิชญ์สินี ชมภูคำ. (ม.ป.ป). หลักการสร้างแบบสอบถามที่ดี. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://www.cmmet.tmd.go.th/KM_Cmmet/042560/Questionnaire1.pdf
.
(วันที่ค้นข้อมูล : 26 สิงหาคม 2564).