Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีที่ได้รับการช่วย คลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ, นางสาวสายสุนีย์…
การพยาบาลสตรีที่ได้รับการช่วย
คลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ
Version (Internal version, External version)
Version ( Internal podalic version)
การหมุนเปลี่ยนนท่าทารกภายใน (Internal podalic version) คือการหมุนเปลี่ยนท่าทารกโดยสอดมือผ่านปากมดลูกเข้าไปหมุนภายในโพรงมดลูก ในรายที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้วเพื่อเปลี่ยนจากท่าขวางหรือท่าศีรษะเป็นท่าก้น และ ทําคลอดในท่าก้นต่อไป หัตถการนี้ค่อนข้างอันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์ ปัจจุบันทําน้อยมาก
ข้อบ่งชี
การคลอดแฝดคนที่สอง (ท่าขวางหรือท่าศีรษะ) มีปัญหาต้องคลอด่วน เช่น fetal distress สายสะดือย้อย หรือมีเลือดออกมาก เป็นต้น
ทารกท่าขวางที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว
ข้อห้าม
เคยผ่าตัดบริเวณมดลูก
ส่วนนําทารกเคลื่อนลงมาตํ่ามาก
ตกเลือดก่อนคลอด หรือ มีภาวะรกเกาะตํ่า
มีอาการและอาการแสดงของภาวะมดลูกแตกคุกคาม
ภาวะแทรกซ้อน
การบาดเจ็บต่อทารก เช่น กระดูกหัก การคลอดติดศีรษะ
ช่องทางคลอดฉีกขาด
มดลูกแตก
รกลอกตัวก่อนกําหนด
ทารกเสียชีวิต
การพยาบาล
ก่อนทํา >> เช่นเดียวกับการหมุนเปลี่ยนท่าภายนอก แต่ ไม่ NPO ผู้คลอด
ขณะทํา >> อยู่เป็นเพื่น ให้กําลังใจ + ประเมิน FHS และอาการปวดเป4นระยะ
หลังทํา>> ประเมิน FHS และ V/S ผู้คลอดเป็นระยะๆ
Version ( External version)
ข้อบ่งชี
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกจากภายนอก (externalcephalic version : ECV)
อายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์ ครรภ์เดี่ยวที่ทารกอยู่ในท่าก้น/ท่าขวาง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่าง ตั้งครรภ์
ภาวะแทรกซ้อน
มดลูกแตก
ถุงนํ้าครํ่าแตกก่อนกําหนด
รกลอกตัวก่อนกําหนด
เลือดทารกรั่วเข้าสู่เลือดมารดา
นํ้าครํ่าอุดกลั้นเส้นเลือดในปอด
ข้อห้าม
ครรภ์แฝด
สตรีมีครรภ์ที่อ้วนมาก
มีความผิดปกติของมดลูก / มีแผลผ่าตัดที่มดลูก
ทารกท่าก้น ที่ก้นเคลื่อนที่ลงสู่เชิงกรานแล้ว
การพยาบาล
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา ภาวะแทรกซ้อน ขั้นตอนการหมุน เปลี่ยนท่าทารก เพื่อให้เกิดความร่วมมือและลดความกังวล ขณะหมุนเปลี่ยนท่าทารก หากสตรีรู้สึกเจ็บมาก สามารถบอกให้หยุดได้
ให้ NPO อย่างน้อย 8 ชม ก่อนทํา
3.ประเมิน FHS ทารกและอาการเจ็บปวดขณะทําการหมุนเปลี่ยนท่าเป็น ระยะๆ >> FHS > 120 ครั้ง/นาที หรือ สตรีมีอาการเจ็บปวดมากให้หยุด การหมุนเปลี่ยนท่าทันที
ประเมิน V/S มารดาเป็นระยะๆ
ดูแลให้ได้รับ Rh immunoglobulin (anti-D immune globulin
Induction of labor (การชักนําการคลอด)
การชักนําการคลอดหรือการกระตุ้นคลอด หมายถึง การทําให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดโดยเทคนิคต่างๆ ในขณะที่ยังไม่มีการเจ็บครรภ์คลอดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ Defination
ข้อบ่งชี้
Postterm pregnancy
Premature rupture of membrane
Preeclampsia, eclampsia
Gestational hypertension
ข้อห้าม
Vasa previa
Placenta previa
Transverse fetal lie
Umbilical cord prolapse
Previous classical cesarean delivery
Previous myomectomy entering the endometrial cavity
Active genital herpes infection
ภาวะแทรกซ้อน
Active genital herpes infection
Vasa previa
Placenta previa
Transverse fetal lie
Umbilical cord prolapse
Previous classical cesarean delivery
Previous myomectomy entering the endometrial cavity
การพยาบาล
เตรียมยาให้ถูกต้องตามแผนการรักษา
อธิบายวัตถุประสงค์การให้ยา
ให้ยาแก้ผู้คลอด โดยพิจารณาจากการหดรัดตัวของผู้คลอด
ประเมิน Contraction หลังได้รับยา 15 นาที ต่อไปทุก 30 นาที และทุก ครั*งก่อน/หลังการปรับหยด 2 – 3 นาที
ปรับเพิ่มหยดทุก 15 – 30 นาที โดยเพิ่มครั้งละ 1 – 2 มิลลิยูนิต/นาที (Duration = 40 – 60 นาที, Interval = 2 – 3 นาที )
ฟัง FHS ทุก 30 นาที
ดูแลใกล้ชิด หากได้รับยาเกิน 24 ชมม ให้สังเกต Bandl’s ring ความดันโลหิตตํ่า ภาวะสารน8าเป4นพิษ คลื่นไส้อาเจียน กระสับกระส่าย
ระยะหลังคลอด ดูแลการได้รับยาต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน PPH
วิธีการชักนําการคลอด
1.การใช้ prostaglandin
การใช้ Oxytocin
Amniotomy
4.Breast stimulation
Emergency delivery (การทeคลอดในภาวะฉุกเฉิน)
Cesarean section (การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง)
การผ่าตัดเพื่อคลอด ทารกออกทางรอยผ่าที่หน้าท้อง (laparotomy) และรอยผ่าที่ผนังมดลูก (hystrotomy)การผ่าตัดเพื่อคลอด ทารกออกทางรอยผ่าที่หน้าท้อง (laparotomy) และรอยผ่าที่ผนังมดลูก (hystrotomy)
ข้อบ่งชี้
การคลอดติดขัด (mechanical dystocia)า
การคลอดไม่ก้าวหน้า ( failure to progress in labor) เช่น ภาวะ CPD
รกเกาะตํ่า
ทารกมีภาวะ fetal destress
ภาวะสายสะดือพลัดตํ่า
ข้อห้าม
ทารกพิการ ไม่สามารถรอดชีวิตได้หลังคลอด
ทารกตายในครรภ์ เว้น มีข้อบ่งชี*ทางมารดา เช่น ภาวะ PPH
ชนิดของการผ่าตัดคลอด
การลงมีดผ่าตัดที่ผนังหน้าท้องหรือผิวหนัง (skin incision
การลงมีดในแนวตั้งกลางตัว (vertical midline incisio
การลงมีดในแนวขวาง transverse incision)
การลงมีดผ่าตัดที่ผนังมดลูก (uterine incision)
การผ่าตัดที่บริเวณส่วนล่างของมดลูก (low segment cesarean section)
การผ่าตัดที่บริเวณส่วนบนของมดลูกตามแนวตั้ง ( classical cesarean section)
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
ภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
ทารก
ขาดออกซิเจน
อันตรายจากการผ่าตัด
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา สาเหตุของการผ่าตัดคลอด
อธิบายภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
แนะนําการปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและคลาย ความกังวล
ประเมิน V/S ผู้คลอดทุก 5 – 15 นาที
ประเมินและบันทึกปริมาณป7สสาวะ ควรออก > 30 ซีซี/ชั่วโมง
ประเมิน V/S ผู้คลอดทุก 15 นาที ใน 1 ชมม แรก ทุก 30 นาที ใน 1 ชั่วโมงที่สอง หลังจากนั้นประเมินทุก 1 ชมม จนอาการคงที่
ประเมินแผลผ่าตัดดูเลือดซึมบริเวณที่ก็อซปิดแผลไว้หรือเปล่า แนะนําไม่ให้ แผลโดนนํ้า
ดูแลการได้รับสารนํ้าและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
ูแความสุขสบายทั่วไป เช่น ความสะอาดร่างกาย และ อวัยวะสืบพันธ์ภายนอก
Forceps Extraction delivery
การใช้คีมจับที่ศีรษะทารกให้กระชับและเหมาะสม เพื่อช่วยคลอดศีรษะทารกโดยไม่ทําให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้คลอดแล ะทารก เป็นการใช้แทนแรงเบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของคีม (forceps)
Blade
Shank
Lock
Handles
Transverse process
ข้อบ่งชี้
ด้านผู้คลอด -ไม่มีแรงเบ่งจากอาการอ่อนหล้า ได้รับยาบรรเทาอาการปวด หรือได้รับการทํา Epidural block,มีภาวะแทรกซ้อนหากมีการเบ่งคลอด เช่น โรคหัวใจ PIH /Chronic hypertension
ด้านทารก -Abnormal FHS,ศีรษะทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น occiput transverse ซึ่งต้องหมุนศีรษะทารกเป4นท่า occiput anterior เพื่อสะดวกในการคลอด ใช้คลอดศีรษะทารกท่าก้น (after coming head)
ชนิดของคีม (ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน)
Simpson forceps
Tucker-Mclean forceps
-ลักษณะ blade เป็นแผ่นตัน (solid blade) ทําให้มีแรงกดต่อศีรษะทารกน้อยกว่า
-ลักษณะ cephalic curve มีมากกว่าเหมาะกับศีรษะทารกที่กลมหรือไม่มี molding
Pelvic curve มีไม่มากใช้ในการหมุนศีรษะทารกได้
-มีลักษณะของ overlapping shank เพื่อลดการบาดเจ็บต่อช่องทางคลอดได้
3.Piper forceps
-มีลักษณะพิเศษ คือ มี reverse pelvic curve และ parallel ยาวถึง 15 cms.
-ใช้คลอดศีรษะทารกที่เป็นท่าก้น
Kielland forceps
นํ้าหนักเบา และ pelvic curve น้อย เหมาะสําหรับการหมุนศีรษะทารก
มี sliding lock สามารถปรับแก้ asynclitism ได้ในระหว่างการดึง
ปัจจุบันไม่นิยมทํา เนื่องจากหากไม่มีความชํานาญหรือประสบการณ์อาจทําให้เกิดอันตราย
ชนิดของการช่วยคลอดด้วยคีม
Outlet forceps
Low forceps
Mid Forceps
High forceps
ข้อบ่งชี้การช่วยคลอดด้วยคีม
-ทารกอยู่ในท่าศีรษะหรือท่าหน้าที่เป็น (chin anterior)
-ช่วยคลอดศีรษะทารกท่าก้น (after coming head )
-ศีรษะทารกลงสู่ช่องเชิงกราน รู้ตําแหน่งศีรษะแน่นอน
-ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนศีรษะทารกกับช่องเชิงกราน (CPD) + เนื้องอกภายในอุ้งเชิงกราน
-ปากมดลูกเปิดหมด (cervical fully dilate)
ภาวะแทรกซ้อนของการช่วยคลอดด้วยคีม
ด้านทารก
อันตรายต่อสมองทารก เช่น เลือดออกในสมอง ภาวะ cerebral palsy
อันตรายต่อศีรษะทารก ทําให้กะโหลกแตก หรือเลือดออกในชั้นหนังศีรษะ (cephal hematoma)
อันตรายต่อเส้นประสาทบริเวณหน้า เช่น facial palsy , Erb palsy
ผู้คลอด
การฉีกขาดช่องทางคลอด
อันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ
การหย่อนของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดมดลูก หย่อนได้
PPH
Infection จากการฉีกขาดของช่องทางคลอด
การเตรียมผู้คลอด
จัดท่า Lithotomy
ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ
ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ
5.ให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่- Outlet forceps ใช้ pudendal block - กรณี Low forceps หรือ ตํ่ากว่านั้น ควรใช้การดมยาสลบ
สวนปัสสาวะให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ตรวจภายในยืนยันท่าทารกและระดับของส่วนนํา
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการช่วยคลอด เหตุผล และภาวะแทรกซ้อนที่อาจ เกิดขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวลและให้ความร่วมมือ
จัดท่าผู้คลอดท่า Lithotomy ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วย นํ้ายาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ และสวนปัสสาวะ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยคลอด ได้แก่ forcep, สารหล่อลื่น อุปกรณ์ช่วยเหลือทารก
ให้สารนํ้าทางหลอดเลือดดํา + ยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูกตามแผนการรักษา
ประเมิน V/S เป็นระยะ
ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่อ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังคลอด
Vacuum Extraction delivery
หมายถึง
หัตถการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ หมายถึง การทําคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ โดยผู้ทําคลอดออกแรงดึงบนถ้วยที เกาะติดกับหนังศีรษะทารกด้วยระบบสุญญากาศ เป็นการเสริมแรงเบ่งผู้ คลอด
ส่วนประกอบ
ถ้วยสุญญากาศ (vacuum cup)
Rigid cup ทําด้วยโลหะ (stainless steel) มี 3 ขนาด คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของถ้วย 40, 50 และ 60 มม
Solf cup ทําด้วย silicone หรือ polyethylene เพื่อลดอันตรายต่อ ศีรษะทารก
แผ่นโลหะกลมแบนและโซ่ (metal plate และ chain)
ขวดสุญญากาศ (vacuum tube)
ท่อสายยาง (suction tube)
ด้ามสําหรับดึง (traction bar หรือ haddle)
เครื่องดูดสุญญากาศ (vacuum pump) มี 2 แบบ hand or foot pump ,Electric pump
ข้อบ่งชี้
ผู้คลอดไม่มีแรงเบ่งเพียงพอ
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
Prolong 2 nd stage of labor (ครรภ์แรกนาน > 2 ชมม , ครรภ์หลัง นาน > 1 ชม )
ผู้คลอดมีโรคประจําตัว หรือ ถาวะแทรกซ้อนที่ไม่ควรออกแรงเบ่ง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
ศีรษะทารกอยู่ในท่าผิดปกติ (OP)
ข้อพิจารณาก่อนทํา
ถุงนํ้าครํ่าแตกแล้ว
กระเพาะปัสสาวะไม่เต็ม
ไม่มีก้อนเนื้องอกมาขวางช่องทางคลอด
ทราบท่าทารกและระดับส่วนนํา
ปากมดลูกเปิดหมด
ได้รับยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่เพียงพอ
ข้อห้าม
ภาวะ CPD ส่วนนําทารกอยู่สูง
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง ท่าก้น หรือท่าหน้า
ทารกมีภาวะ macrosomia
ทารก preterm
ทารกได้รับการเจาะเลือดศีรษะก่อนคลอด (fetal scalp blood sampling)
ทารกมีภาวการณ์แข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ทารกมีภาวะ fetal distress
หลักการและวิธีการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
การเตรียมผู้คลอด จัดท่า Lithotomy , ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ, ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ, สวนปัสสาวะให้กระเพาะปัสสาวะว่าง , ให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่นิยมใช้ pudendal block ห้ามใช้ยาสลบ , ตรวจภายในประเมินท่า ตําแหน่ง occiput หรือ posterior fontanelle การ molding
การใส่ถ้วยสุญญากาศ ทา hibitane cream รอบถ้วย เพื่อหล่อลื่น, ใช้มือข้างไม่ถนัดสอดเข้าช่องคลอด ถ่างและกดฝีเย็บลง มืออีกข้างจับถ้วยเอียงและสอด ด้านข้างของถ้วยเข้าไป พลิกถ้วยกลับติดที่ศีรษะทารก , ให้ถ้วยจับบริเวณ occiput มากที่สุด โดยเกาะคร่อม sagittal suture อย่างสมมาตร เพื่อให้ศีรษะก้ม,คลํารอบขอบถ้วยเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีส่วนของปากม ดลูกหรือผนังช่องคลอดดูดเข้ามาอยู่ ในถ้วย เมื่อพร้อมจึงเริ่มทําให้เกิดสุญญากาศ
ระยะเวลาในการลดความดัน ค่อยๆ ลดความดันลง 0.1 กก /ตร ซม ทุก 1 นาที หรือ 0.2 กก/ตร ซม ทุก 2 นาที จนถึง 0.6 – 0.8 กก /ตร ซม ,ปกติใช้เวลา 8-10 นาที่เพื่อให้เกิด artificial caput succedaneum เต็มที่ทําให้ cup จับกับศีรษะทารกแน่น ไม่ หลุดง่ายเวลาออกแรงดึง
4.จังหวะ ระยะเวลาและทิศทางในการดึง การตัดฝ;เย็บ ดึงพร้อมการหดรัดตัวของมดลูกและการเบ่งของมารดา ขณะมดลูกคลายตัวดึงสายยางไว้เบาๆ เพื่อไม่ให้ศีรษะทารกเลื่อนกลับขึ้นไป เมื่อดึงจนศีรษะตุงที่ฝีเย็บ ทําการตัดฝ;เย็บและดึงให้อยู่แนวราบจนส่วน subocciput ยันใต้ symphysis pubis จึงดึงขึ
นบน 45 องศาตามกลไกการ คลอดปกติ เมื่อศีรษะทารกคลอด จึงปิดเครื่องดูดสุญญากาศ ค่อยๆปลดถ้วยออก และทํา คลอดไหล่ ลําตัวตามปกติ +++ ระยะเวลาการดึงไม่ควรเกิน 30 นาที นานกว่านี
อาจเกิดอันตรายต่อศีรษะทารก ได้
ภาวะแทรกซ้อนของการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
ทารก
Cephalhematoma (เลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ) , Caput succedaneum (การบวมของหนัง ศีรษะ) , Scalp abrasion/laceration (การถลอก หรือการฉีกขาดของหนังศีรษะ) , Scalp necrosis , Alopecia ,Intracranial hemorrhage, Neonatal jaundice
ผู้คลอด
การฉีกขาดของปากมดลูก ช่องคลอด ฝีเย็บ ,PPH , Infection
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับการรักษา เหตุผล ภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้เกิดความ ร่วมมือและคลายความกังวล
จัดท่าผู้คลอดท่า Lithotomy ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื*อ และสวนปัสสาวะ
เตรียมเครื่องดูดสุญญากาศ อุปกรณ์สําหรับการให้ยาระงับคงวามรู้สึกเฉพาะที่และ อุปกรณ์ช่วยเหลือทารก
ให้สารนํ้าทางหลอดเลือดดํา + ยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูกตามแผนการรักษา
Breech assisting (การทําคลอดท่าก้น)
การคลอดทารกท่าก้น (Breech delivery) ต่างจากการคลอดท่า ศีรษะ เนื่องจากต้องใช้ความเชียวชาญและความระมัดระวังสูง พบได้ร้อยละ 3 – 4 ของการคลอด
กลไกการคลอดท่าก้น
กลไกการคลอดก้น
1.1 Engagement คือ ส่วนที่กว้างที่สุดของก้น bitrochanteric diameter เคลื่อนผ่าน pelvic inlet ลงมาในแนวเฉียงหรือแนวขวาง และสะโพกหน้าจะอยู่ตํ่ากว่าสะโพกหลัง
1.2 Internal rotation คือ การหมุนภายในช่องเชิงกรานจน bitrochanteric diameter เข้าสู่แนวหน้า – หลัง ของ Pelvic outlet หมุนเสร็จสะโพกหน้าจะมายันที่ต้ กระดูกหัวหน่าว
1.3 Lateral flexion คือ ทารกมีการงอของลําตัว สะโพกหลังถูกดันให้คลอดออกมาตาม ด้วยสะโพกหน้า
1.4 External rotation คือ ขณะสะโพกทารกคลอด ไหล่จะมีการ engagement ลงมา ในแนวขวางของ pelvic inlet ทําให้เกิด external rotation ของสะโพกที่คลอดออกมา เพื่อหลังจะได้อยู่ตามแนวปกติ
กลไกการคลอดไหล่
2.4 External rotation เมื่อไหล่คลอดจะมีการหมุนภายนอกจน bisacromial diameter อยู่ในแนวขวางกับช่องทางคลอด
2.3 Delivery of the shoulders t ขณะไหล่หน้ายันอยู่ใต้กระดูกหัวหน่าวไหล่หลังจะคลอดออกมาพร้อมกับมี lateral flexion ของลําตัวทารกจากนั้นไหล่หน้าจะคลอดออกมา
2.2 Internal rotation ขณะไหล่เคลื่อนตํ่าลงมาเรื่อย ๆ จาก pelvic inlet ผ่าน mid pelvic ไหล่จะหมุนเอา bisacromial diameter เข้าสู่แนวหน้า-หลังของ pelvic outlet เมื่อหมุนเสร็จไหล่หน้าจะมาอยู่ใต้กระดูกหัวหน่าว
2.1 Engagement คือไหล่ทารกเคลื่อนสู่ช่องเชิงกรานโดย bisacromial diameter เคลื่อนเข้าสู่ pelvic Inlet ในแนวเฉียงหรือแนวขวางเช่นเดียวกับก้น
กลไกการคลอดศีรษะ
3.1 Engagement คือ ศีรษะทารกเคลื่นเข้าสู่ช่องเชิงกรานโดย sagital suture จะเข้าสู่ pelvic inlet ในแนวเฉียงหรือแนวขวาง
3.2 Internal rotation คือ ขณะศีรษะทารกเคลื่อนที่ลงมาเรื่อยๆ จาก pelvic inlet เข้าสู่ mid pelvic ส่วน occiput ของทารกจะหมุนมาอยู่ในแนว หน้า – หลัง ของ pelvic outlet และ occiput มายันใต้กระดูกหัวหน่าว
3.3 Delivery of head เมื่อ occiput มายันใต้กระดูกหัวหน่าว มีการก้มของศีรษะทารก ทําให้ศีรษะคลอดผ่านออกมาทางช่องคลอด
Breech presentation
Frank breech presentation คือ ข้อสะโพกงอ ข้อเข้าทั้ง 2 ข้างเหยียดตรง ขาแนบ ไปกับลําตัวและอก พบได้ร้อยละ 60 - 70
Incomplete breech presentation คือ ข้อสะโพกหรือเข่า ข้างใดข้างหนึ่งหรือ 2 ข้าง งอไม่เต็มที่ทําให้ขาของทารกอยู่ตํ่ากว่าสะโพก พบได้ร้อยละ 25 – 35 - single footling - footling frank - double footling - knee presentation
Complete breech presentation คือ ข้อสะโพกและเข่าทั้ง 2 ข้างงอ เหมือนท่านั่งขัดสมาธิ พบได้ร้อยละ 5
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
Laceration of perineal
Uterine rupture
Dystocia
PPH
Infection
อันตรายจากการได้รับยาดมสลบ
ทารก
Fetal distress จากการคลอดติดขัด ล่าช้า
ข้อเคลื่อนหรือกระดูกหัก
การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้อง
การพยาบาล
อธิบายให้ผู้คลอดทราบเกี่ยวกับความจําเป็นและขั้นตอน
จัดท่าผู้คลอด Lithotomy
ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอกและฝีเย็บด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ
ประเมิน FHS ทุก 5 นาที / On EFM
แนะนําผู้คลอดผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เกร็ง
6.ประเมิน Contraction และกระตุ้นเบ่งเมื่อมดลูกหดรัดตัว
แนะนําเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัย การทําความสะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
Placenta removal (การล้วงรก)
การล้วงรก (manual removal of placenta) เป็นหัตถการ สําคัญช่วยผู้คลอดจากการตกเลือดจากปัญหารกค้างได้
สาเหตุ
รกฝังตัวลึกผิดปกติ (placenta adherens)
ภาวะ cervical clamp
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ภาวะรกลอกตัวช้า ลอกตัวไม่สมบูรณ์ หรือไม่ลอกตัว
ข้อบ่งชี้
ภายหลังทารกคลอดครบ ระยะที่ 3 นานกว่า 30 นาที และเลือดออกไม่เกิน 400 มิลลิลิตร
มีเลือดออกมากกว่า 400 มิลลิลิตร ภายหลังทารกคลอดโดยไม่คํานึงถึง ระยะเวลาที่รกค้าง
สายสะดือขาดและหดกลับเข้าไปในช่องคลอด โดยไม่สามารถเข้าไป Clamp จุดที่ขาดได้
การเตรียม
ให้ IV fluid
เตรียมเลือดให้พร้อมอย่างน้อย 2 ยูนิต
ให้ยาระงับความรู้สึกทั่วไปโดยวิสัญญี
จัดท่า Lithotomy + ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ และดูแลสวนปัสสาวะออกให้หมด
ผลกระทบ
มีการฉีกขาดของ fornix
มดลูกทะลุจากการเซาะ
Infecttion
มดลูกปลิ้น
PPH
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา
ดูแลการได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปโดยวิสัญญี
จัดท่า Lithotomy
เตรียมอุปกรณ์ล้วงรกให้พร้อม
ดูแลการได้รับ IV fluid ตามแผนการรักษา
6.ประเมิน V/S ทุก 5 นาที
7.ประเมิน contraction ปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอดละฝีเย็บ
8.ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
9.ประเมิน V/S , contraction , bladder , การฉีกขาดของช่องคลอดและ ปริมาณเลือด เพื่อเฝ้าระวังการเกิดภาวะ PPH
10.แนะนําการเปลี่ยนผ้าอนามัยและการทําความสะอาดภายหลังการขับถ่ายทุก ครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่ออย่างน้อย 2 ชม หลังคลอด
นางสาวสายสุนีย์ แสนสุขอุดมขวัญ เลขที่128รหัสนักศึกษา61120301132