Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สมดุลนํ้า อิเล็กโทรไลท์ กรดด่างในร่างกาย, image, image, image - Coggle…
สมดุลนํ้า อิเล็กโทรไลท์ กรดด่างในร่างกาย
สมดุลอิเล็กโทรไลท์ในร่างกาย
Types Of Electrolytes
CATION Positively charged
Electrolyte
ANION Negatively charged
Electrolyte
Distribution Of Body Electrolytes In ECF and ICF
INTRACELLULAR Electrolytes
POTASSIUM
MAGNESIUM
PHOSPHOROUS
EXTRACELLULAR Electrolytes
SODIUM
CHLORIDE
BICARBONATE
ELECTROLYTES
Na+: Most abundant electrolyte in the ECF.
K+ :Essential for normal membrane excitability for nerve impulse
Cl- :Regulates osmotic pressure and assists in regulating acid-base balance
Ca2+: Promotes nerve impulse and muscle contraction/relaxation
Mg2+ : Plays role in carbohydrate and protein metabolism, storage and use of intracellular energy and neural transmission. Important in the functioning of the heart, nerves, and muscles
Hypoglycemia
ระดับซีรั่มโซเดียมน้อยกว่า 135 มิลลิโมล / ลิตร
ความผิดปกติของโซเดียมในเลือดสัมพันธ์กับผลการรักษาที่ไม่ดีในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวจะมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้นและยังเพิ่มอัตราการเสียชีวิตในภาวะอื่น ๆ เช่นปอดอักเสบ
สาเหตุ
เกิดจากความสามารถในการขับสารน้ำ (free water) ของไตนั้นผิดปกติไปหรือทำได้ไม่พอเพียงเช่นภาวะหัวใจล้มเหลว, การติดเชื้อในกระแสเลือด
เกิดจากการสูญเสียโซเดียมเช่นสูญเสียโซเดียมทางปัสสาวะจำนวนมากในภาวะ diuretic phase ของ acute tubular necrosis หรือ cerebral salt wasting (CSW
อาการ
1.สมองบวมน้ำ (hyponatremic encephalopathy) ช่นปวดศีรษะคลื่นไส้อาเจียน, ซึมลง, หมดสติ,
2.กล้ามเนื้อเช่นตะคริวตรวจร่างกายพบความไวของ deep tendon reflexes ลดลง
Hyponatremia 2 ประเภท
Dilutional hyponatremia โซเดียมในร่างกายทั้งหมดใกล้ปกติ น้ำในร่างกายทั้งหมดเพิ่มขึ้น
Hypervolemic (บวมน้ำ) หัวใจล้มเหลวโรคตับแข็ง โรคไต
Euvolemic (ไม่มีอาการบวมน้ำ) SIADH Hypothyroidism ภาวะต่อมหมวกไตไม่เพียงพอ
hyponatremia เจือจาง โซเดียมในเลือดต่ำ สูญเสียน้ำในร่างกายทั้งหมด ลดอาการท้องร่วง ตับอ่อนอักเสบ อาเจียน ยาขับปัสสาวะ เบิร์น การสูญเสียเกลือในไต ต่อมหมวกไตไม่เพียงพอ การบาดเจ็บ
Hypernatremia
ค่าปกติ135-145 มิลลิโมล/ ลิตร
ผู้ป่วยวิกฤติมีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะโซเดียมสูงในเลือดเนื่องจากมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่นการให้ Sodium bicarbonate เพื่อแก้ไขภาวะเลือดเป็นกรดการสูญเสีย free water
อาการ : ระบบประสาทส่วนกลางผู้ป่วยจะมีอาการทางระบบประสาทเช่นสับสนซึมชักตรวจร่างกายจะพบผิวหนังตึงๆหยุ่น ๆ คล้ายก้อนแป้ง
Hypokelamia
สาเหตุ:ได้รับโพแทสเซียมไม่พอเพียง, การสูญเสียไปทางปัสสาวะหรือทางระบบทางเดินอาหารและการที่โพแทสเซียมย้ายเข้าสู่เซลล์
คือค่าซีรัมโพแทสเซียมน้อยกว่า 3.5 มิลลิโมล / ลิตร
อาการ: มักเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง
Hyperkelamia
คือภาวะที่โพแทสเซียมในเลือดมากกว่า 5 มิลลิโมล / ลิตร
การรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงขึ้นกับความรุนแรงและผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
สาเหตุ :ทำงานของต่อมหมวกไตบกพร่อง, การพร่องฮอร์โมนอินซูลิน การบาดเจ็บด้วยอุบัติเหตุ รักษาเช่นยาลดความดันเลือดกลุ่ม beta-blockers หรือกลุ่ม renin angiotensin-aldosterone blockade
อาการ
หายใจลำบาก
คลื่นไส้และอาเจียน
เจ็บหน้าอก
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
Hypocalcium
สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ ผู้ป่วยอุบัติเหตุ, ภาวะไตล้มเหลวทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง, การติดเชื้อในกระแสเลือด
อาการ :Trousseau's sign, Carpopedal spasm, Chivestek s sign
การพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยสำหรับอาการและอาการแสดงของภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการแตกหัก
ให้ฟอสเฟตเพื่อยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมของ GI
ให้ยาขับปัสสาวะแบบวนซ้ำเพื่อส่งเสริมการขับแคลเซียม ลดแคลเซียมในอาหาร
Hypercalcium
สาเหตุ
การละลายแคลเซียมจากกระดูกเพิ่มขึ้น
การรับประทานหรือการดูดซึมแคลเซียมมากเกินไป
ภาวะตับวาย
อาการ :การรู้สึกเสียวซ่ารอบปากและที่ปลายนิ้วและเท้า ชา กล้ามเนื้อกระตุกอย่างเจ็บปวดสัญญาณของ Chvostek
การพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยสำหรับอาการและอาการแสดงของภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
ดูแล IV แคลเซียมตามที่กำหนด
ยาลดกรดที่จับกับฟอสเฟต ใช้ความระมัดระวัง
กระตุ้นให้ผู้ป่วยเพิ่มการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี
Hypophosphatemia
อาการ : ท้องร่วง, อาเจียน, ภาวะอัลดอสเตอโรน, ยาขับปัสสาวะ
สาเหตุ :การบริหารกลูโคสหรือการปล่อยอินซูลิน, ระบบทางเดินหายใจ Re alkalosis,
การพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยสำหรับอาการและอาการแสดงของภาวะ hypo-phosphatemia
ให้อาหารเสริมฟอสเฟตตามที่กำหนด
สังเกตระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัส
Hyperphosphatemia
อาการ
โรคไต, ภาวะพาราไทรอยด์ต่ำหรือต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน,
การได้รับวิตามินดีมากเกินไป,
รับประทานฟอสเฟตมากเกินไป หรือเคมีบำบัด
สาเหตุ :การกลายเป็นปูนเนื้อเยื่ออ่อน (hyperphosphatemia เรื้อรัง) V ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ เป็นไปได้ด้วยบาดทะยัก เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดง
การพยาบาล
การแทรกแซงทางการพยาบาล ประเมินผู้ป่วยสำหรับอาการและอาการแสดงของภาวะแคลเซียมในเลือดสูง-ตํ่า
การกระตุกของกล้ามเนื้อ แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอาหารและยาที่มีฟอสฟอรัส
ให้ยาลดกรดที่จับกับฟอสฟอรัส เตรียมผู้ป่วยสำหรับการฟอกไตที่เป็นไปได้
Hypomagnesemia
สาเหตุ ; เบื่ออาหารผิดปกติ ลำไส้บายพาสโรคอ้วน, ท้องร่วง, ยาขับปัสสาวะหรือยาปฏิชีวนะ
อาการ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ความดันโลหิตลดลง ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็ว หัวใจเต้นเร็ว
คลื่นไส้ อาเจียน และอาการเบื่ออาหาร ระดับแคลเซียมลดลง
Hypermagnesemia
สาเหตุ : ภาวะไตวาย ภาวะต่อมหมวกไตไม่เพียงพอ หรือยาขับปัสสาวะ การทดแทนแมกนีเซียมมากเกินไปหรือการใช้นมแมกนีเซียมมากเกินไป
อาการ :ความดันโลหิตลดลง ใบหน้าแดงและรู้สึกอบอุ่นและกระหายน้ำ ง่วงซึมหรือง่วงนอน และภาวะหยุดหายใจขณะและโคม่า
สุมดุลของนํ้า
ความไม่สมดุลของนํ้า
หน้าที่ของนํ้าในร่างกาย
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ช่วยในกํารดูดซึมและแพร่กระจํายของสํารต่างๆ
เป็นตัวกลางในการนําสราต่างๆ ไปยังระบบที่เหมนะสม
ใช้ในปฏิกิริยยาเคมีท่ีสําคญัในร่างกยาเช่นการสลายATP(adenosinetriphosphate)เพื่อให้ได้พลังงาน
ควบคุมกราเปลี่ยนแปลงควมาเข้มข้นของส่วนนั้นๆ
นำ้(water)
นํ้าภายในเซลล์(intracellular fluid ; ICF ) : 40% ของน้ําหนักตัว
นํ้าภายนอกเซลล์(extracellular fluid ; ECF ) : 20% ของน้ําหนักตัว
น้ําภายในหลอดเลือด( intravascular fluid หรือplasma ) 5% ของน้ําหนักตัว
น้ําระหว่างงเซลล์ ( interstitial fluid ) ซึ่งเป็นน้ําส่วนท่ีอยู่น อกหลอดเลือด
นำ้เป็นส่วนประกอบ 2ใน3ของร่างกาย
ต่างกายสูญเสียน้ำ 2 ทางคือ
ทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (insensible
perspiration) ได้แก่ ทางผิวหนัง
อัตราเมตาบอลิซึม
อุณหภูมิของร่าวกายและอากาศ
ความชื่น
กิจกรรมที่ทำ
อารมณ์
ทางที่ปรับสมดุลได้ (insensible perspiration)
ทางเดินอทหารออกไปกับอุจจาระ 100-200 ml.
ผิวหนังโดยทางเหงื่อ 0-10 ml. (5000 ml.
ระบบขับปัสสาวะ 500-3000 ml
การควบคุมสมดุลนำ้ในร่างกาย
กลไกการรักษาสมดุลภาพของนำ้
การกระหายนำ้
ADH (anidiuretic hormone) ไปกระตุ้นท่อหน่วยไตให้ดูดนำ้กลับเข้าสู่กระแสเลือดทำให้หลอดเลือดสูงขึ้นและความกระหายนำ้ลดลง
ถ้าเลือดเจือจางไฮโพรทาลามัสจะยับยั้งการสร้าง ADH ทําให้การดูดน้ํา กลับคืนน้อยปริมาณนำ้ในร่รงกายจึงอยู่ในภาวะสมดุล
กราขับปัสสาวะ
กลไกควบคุมความเข้มข้นของพลาสมาให้คงที่โดยอาศัยADH
กลไกควบคุมปริมาตรน้ํา: การกรองไต,aldosterone, ADH
ภาวะขาดนำ้
สาเหตุ
ได้รับนำ้น้อยลง ดื่มนำ้น้อยเกินไป
ร่างกายสูญเสียนำ้มากเกินไป
ปัสสาวะมากผิดปกติ ในผู้ป่วยเบาหวาน เบาจืด โรคไต
เสียทางผิวหนังและปอดเหงื่อออกมากผิดปกติ
อาการ:ผิวหนังแห้ง ริมฝีปาก อ่อนเพลีย ปัสสาวะน้อย เวียนศีรษะ เหนื่อง่าย
กลไกการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงที่ระดับเซลล์
การตอบสนองของร่างกาย
ภาวะนำ้เกินและภาวะพิษของนำ้
สาเหตุ
ไตพิการ
เลือดไปเลี้ยงไตลดลง
มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
ไตปกติแต่มีการหลั่ง ADH มากขึ้น
อาการ
1.แบบเฉียบพลัน อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง นำ้หนักตัวเพิ่ม ม่านตาขยายไม่เท่ากัน
2.แบบเรื้อรัง อาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ซึม บวมในปอดทำให้หายใจลำบาก เหนื่อย หอบ ไอมาก
สีปัสสาวะสามารถบอกภาวะขาดนำ้ได้
สีเหลืองอ่อน ร่างกายได้รับนำ้พอดีให้ดื่มนำ้ปกติที่ดื่มอยู่
สีเหลือง ควรดื่มมากขึ้นอีกนิด
สีเหลืองเข้มนิดหน่อย ควรดื่มนำ้ครึ่งขวด
สีเหลืองเข้ม ดื่มนำ้1ขวด(500 มล.)
สีนำ้ตาล ควรดื่มน้ำ2ขวด (1ล)และควรไปพบแพทย์
สมดุลของกรด ด่าง
ความหมาย
Acidosis มีpHเลือดแดง <7.35
Alkalosis มีระดับpH >7.45
ระดับ Buffer แบ่งเป็น 4 ระบบ
Bicarbonate-carbonic acid buffer system
ภาวะเมื่อร่างกายได้รับกรด (H+) เพิ่มขึ้น
ภาวะเมื่อร่างกายได้รับด่าง (NaOH) เพิ่มขึ้น
Phosphate buffer system
เป็น buffer ที่สำคัญในเซลล์มากกว่ในเลือด
Protein buffer system
พบทั้งในเซลล์และนอกเซลล์ ส่วนมากพบในเซลล์ มีประจุลบ
4.Haemoglobin buffer system
Haemoglobin เป็น buffer ที่สำคัญมากในเซลล์
การควบภาวะกรด-ด่างโดยระบบหายใจ
สามารถปรับ pH ภายใน 1-15 นาทีให้ผลสูงสุดที่ 12-24 ชม.
การควบคุม pH โดยระบบหายใจให้ผลระหว่าง 50-75%
ถ้า pH ลดต่ำกว่า 74-ที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการหายใจเพื่อกำจัด CO2 ทำให้ pH สูงขึ้น
ถ้า pH เพิ่มสูงกว่า 2.4 G 1 ที่ลดลงจะลดการหายใจเพื่อเพิ่ม CO2 ทำให้ pH ต่ำลง
การควบคุมภาวะกรด-ด่างในไต
กรดไม่ระเหยจากโปรตีน : กรดอะมิโนที่มีกรดซัลฟิวริกและกรดฟอสฟอริก
กรดไม่ระเหยจากไขมัน : กรดคีโต
3.กรดไม่ระเหยจากคาร์โบไฮเดรต : กรดแลคติก และกรดไพรูวิก
กลไกการรักษาสมดุลกรด-ด่างของไต
1 การดูดซึม bicarbonate ที่กรองผ่าน glomeruli กลับที่ proximal tubuleที่ถูกกรองจากไตถูกดูดกลับบริเวณ
-H+ถูกขับจาก tubular cell เข้ามาใน lumen โดยการแลกเปลี่ยนกับ Na +
H+ใน tubule จะรวมกับ HCO3 เป็น H, CO, และแตกตัวเป็น H0 + CO2
-Co, ที่ได้จะกลับเข้าสู่ tubular cell และรวมกับ H, 0 เป็น H2CO3และแตกตัวเป็น H4 HCO,
-H” ที่ได้จะถูกขับเข้าไปใน tubule รวมกับ HCO3
2 การขับกรด (H) ออกมาในปัสสาวะที่ distal tubule และ collecting duct-H” ที่ถูกขับออกมาจาก tubular cell จะรวมกับ NH, เป็น NH4 หรือรวมกับเกลือฟอสเฟต NaHPO4) ทำให้ H” ถูกขับออกทางปัสสาวะ
3 การขับ bicarbonate จาก distal tubule และ collecting duct ออกมาในปัสสาวะกรณีที่ร่างกายมีภาวะเป็นด่าง
ความผิดปกติของสมดุลกรด-ด่าง
Primary metabolic acidosis เสีย bicarbonate เกิดกรดขึ้นมากในร่างกาย
Primary metabolic alkalosis มีการสะสม bicarbonate ในร่างกายเกิดจาการเสียกรดออกจากร่างกายมากกว่าปกติ
Primary respiratory acidosis: ลดการหายใจ CO2 สูงขึ้น PH ลดลง
Primary respiratory alkalosis :เพิ่มการหายใจ CO2 ต่ำลงPHเพิ่มขึ้น
การแปลผล ABGs
ชั้นที่1 ดูค่า pH (บอกค่า acid-base status) หากศา pH 47.35 = acidosis pH> 7.45 =-alkalosis2. ชั้นตอนการวิเคราะห์ค่า Arterial Blood Gas: ABG
ชั้นที่ 2 ดูค่า PaCO2 (บอกความผิดปกติของ Respiratory system) หากค่า PaCO2> 45 mmHg. = acidosis, PaCO2 <35 mmHg, = alkalosis
ชั้นที่3 ดูค่า HCO3 (บอกความผิดปกติของ Metabolism system) หากศา HC03-26 = alkalosis, HC03 <22 acidosis
ชั้นที่ 4 พิจารณาการชดเชย
1.กรณีไม่มีการซตเซย (non compensation) ค่า PaCO2, HC0g ค่าใดค่าหนึ่งเปลี่ยนอีกค่าปกติแปลผลรวมเป็นไปในแนวทางของ pH (acidosis, alkalosis)
กรณีมีการชดเชยแบ่งได้เป็น 2 แบบ
2.1ชุดเซยบางส่วน (partly compensation) pH ผิดปกติและดำ PaCO2, HC0g เปลี่ยนแปลงตรงข้ามกันคือค่าหนึ่งเป็นกรดอีกค่าเป็นต่าง
2.2 ชดเชยสมบูรณ์ (completely compensation) pH อยู่ระหว่าง 7.35-7.45 ใช้เกณฑ์ 7.40 ตัดหากค่า pH <7.4-acidosis. pH> 7.4-alkalosis
ชั้นที่ 5 ประเมินภาวะพร่องออกซิเจนให้ดูจากต่า P502 ทา 6 รุน 150 61-80-mild hypoxemia, 40-60 moderate hypoxemia, <40-severe hypoxemia