Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การทำหัตถการตามขอบเขตวิชาชีพพยาบาล : - Coggle Diagram
การทำหัตถการตามขอบเขตวิชาชีพพยาบาล :
การทำแผลและการตกแต่งบาดแผล
1.การประเมินบาดแผล
ซักประวัติข้อมูลต่างๆจากผู้ป่วย
วัน เวลาเกิดบาดแผล
สาเหตุเกิดบาดแผล
การรักษาบาดแผลมาก่อน
ประเมินลักษณะบาดแผล
ตำแหน่ง ขนาด (ความกว้าง ยาว ลึก)
ลักษณะเนื้อเยื่อแผล ผิวหนังรอบๆแผล
สิ่งแปลกปลอมและสิ่งขับหลั่งในแผล
พิจารณาการจัดการบาดแผล
บาดแผลที่ควรเย็บ
แผลไม่เกิน 6 ชั่วโมงหรือ
นานเกิน 6 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 12 ชั่วโมง
ขอบแผลเรียบ ไม่ชอกช้ำ
ไม่มีสิ่งแปลกปลอมในแผล
กรณีบาดแผลเกิน 12 ชั่วโมง
จะไม่เย็บแผล แต่นัดทำแผลทุกวัน
บาดแผลที่ต้องส่งต่อทันที
มีกระดูกหักร่วม
เส้นเลือดฉีกขาด
เนื่อเยื่อหายไป จนไม่สามารถดึงผิวหนังมาชิดได้
2.การทำความสะอาดผิวหนังๆรอบแผล
1.จัดท่าให้ผู้ป่วยวางแขวน
ขาที่มีบาดแผลบนตระแกรงล้างแผล
2.เตรียมภาชนะใส่น้ำและภาชนะตักน้ำ เพื่อล้างแผล
3.ใส่ถุงมือ ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำและสบู่ฟอกรอบๆแผล
4.ใช้ผ้าสะอาดซับผิวหนังรอบแผลให้แห้ง
3.การใช้ยาชาเฉพาะที่
ชนิดของยาชา
Procaine Hydrochloride
นิยมใช้บ่อย ราคาถูก ออกฤทธิ์เร็ว
ออกฤทธิ์นาน 30 นาที - 2 ชัวโมง
ผลข้างเคียง: คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
Lignocaine Hydrochloride
มีฤทธิ์ต่อประสาทส่งความรู้สึกมากกว่า
ประสาทสั่งการเคลื่อนไหว
ขนาดที่นิยมใช้คือ 0.5%,1% และ 2%
ห้ามใช้ในบริเวณอวัยวะส่วนปลาย เช่น ใบหู นิ้วมือ นิ้วเท้า อวัยวะเพศ และหัวนม
Pontocaine Hydrochloride
มีฤทธิ์ระงับความรู้สึกดี แต่มีพิษมาก
มีประโยชน์สำหรับทาลงบริเวณเยื่อเมือก ในการทำหัตถการที่ลูกตา จมูก ปากและคอ
การแก้ไขการแพ้ยาชา
1.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งและรายงานแพทย์
2.ให้นอนพักศีรษะสูง ให้O2 Inhalation
3.วัดสัญญาณชีพ ถ้ามีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเร็ว ควรให้สารน้ำชนิด 5%D/NSS1000 ml.IVdrip
4.หากมีอาการชักให้ Valium 10 mg.IV push ช้าๆ
5.หากหัวใจหยุดเต้นอาจให้ Adrenaline 1:1,000 IV, Epinephline 0.1-0.5 cc. เจือจาง 1:10,000 IV
ช่วยหายใจ เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับใส่ Tracheostomy tube
วิธีการใช้ชาเฉพาะที่
การใช้ทาหรือหยอด (Topical application)
การใช้ยาชาที่ดูดซึมง่าย Cocaine หรือ Tetracaine ทาหรือหยอดลงไปบนเนื้อเยื่อของร่างกาย
ดูดซึมได้ดี ควรใช้ยาชาน้อยที่สุดที่จะระงับความปวดได้
การฉีดเฉพาะที่ (Infiltration)
ตรงในบริเวณที่ต้องการผ่าตัดหรือบริเวณที่ปวด แต่ไม่ควรใช้บริเวณที่อักเสบหรือมีหนอง
พยายามฉีดช้า ๆ และหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉีดเข้าหลอดเลือด
การสกัดบริเวณ (Field block)
ฉีดยาชาลงไปตามแนวเส้นประสาทที่ไป
เลี้ยงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
การฉีดยาสกัดประสาท (Nerve block)
การฉีดยาชาลงไปตามแนวเส้นประสาทเส้นใด้เส้นหนึ่งโดยเฉพาะทำให้บริเวณที่มีเส้นประสาทนั้นไปเลี้ยงชาทั้งหมด
การทำให้ชาโดยฉีดที่ไขสันหลัง (Spinal block)
การฉีดยาชาที่ไขสันหลังแล้วทำให้ชาที่ลำตัวตลอดจนขาทั้งสองข้าง
การฉีดยาชาเฉพาะที่
เตรียมอุปกรณ์ฉีดยาชา ประกอบด้วย Syringe sterile ขนาด 3, 5 ,และ 10 cc.เข็มดูดยาชา No. 20 และเข็มดูดยาชา NO. 24 ความยาว 1.5 นิ้ว
ดูดยาชา 2% Lidocaine ชนิดไม่ผสม Adrenaline ขนาด 4.5 mg. ต่อน้ าหนักตัว 1 kg.
3.ใช้สำลีชุบ 70% Alcohol เช็ดบริเวณที่จะฉีดยาชา
4.ฉีดยาชาเฉพาะที่ ขณะแทงเข็มผ่านผิวหนังเข้าสู่ชั้น Intramuscular ควรตรวจสอบทุกครั้งเพื่อป้องกันการฉีดยาชาเข้าหลอดเลือด
5.ฉีดยาชารอบ ๆ แผล (Infiltration)
4.การชะล้างบาดแผล
1.เตรียมชุดทำความสะอาดบาดแผล
2.กรณีแผลเป็นโพรงลึกตั้งแต่ 1 เซนติเมตร ขึ้นไปให้เตรียมSyringe sterile ขนาด 20 cc. และเข็มเบอร์ 18 ใส่ไว้ในชุดทำความสะอาดบาดแผลด้วย
3.ใส่ถุงมือ Sterileและใช้น้ำเกลือ เพื่อใช้ล้างแผล
4.กรณีมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ให้ใช้ผ้าก๊อซชุบ NSS เช็ดเบาๆจนสิ่งแปลกปลอมหลุดออก และสะอาด
5.ชะล้างบาดแผลและใช้ผ้าก๊อซ Sterile ซับแผลให้แห้ง
การเย็บแผล
วิธีการเย็บแผล
เตรียมชุดเย็บแผลและอุปกรณ์ให้พร้อม
เตรียมบริเวณบาดแผลก่อนการเย็บแผล หากมีขนบริเวณที่จะเย็บต้องโกนขนก่อน
ทำความสะอาดบาดแผล
ฉีดยาชาและควรฉีดให้ถึงก้นแผล
เลือกเข็มให้เหมาะสมกับแผลที่เย็บ
6.การจับ Needle Holder ควรจับให้ด้ามอยู่ในอุ้มมือโดยสอดนิ้วโป้งกับนิ้วนางเข้าไปในเครื่องมือ
7.การตักเข็มโดยปักลงไปตรงๆ ไม่กว้างจนเกินไป
8.ใช้ข้อมือหมุนเข็มให้ปลายเสยขึ้น แล้วปล่อย Needle Holder จากโคนเข็มมาจับปลายที่แทงกับผิวหนัง
อีกด้านหนึ่ง แล้วหมุนเข็มตามความโค้งของเข็ม
9.พร้อมกับดึงขอบแผลให้มาติดกัน แล้วผูกเงื่อนตายและใช้ปลาย Needle Holderดึงปลายด้ายรอดเข้าบ่วง ดึงให้ตึง ใช้กรรไกรตัดไหม ตัดด้ายโดยให้เหลือโคนไว้ยาวประมาณครึ่งเซนติเมตร
10.ทำความสะอาดแผล ปิดแผลด้วยก๊อศปราศจากเชื้อ
หลักปฏิบัติในการให้ยาชนิดต่าง ๆ
แผลปนเปื้อนเนื้อเยื่อช้ำ แผลกระรุ่งกระริ่ง ขอบแผลไม่เรียบ มีสิ่งแปลกปลอมในแผลนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง
ให้ยา Cloxacillin หรือ Dicloxacillin (500 mg) qid ac ติดต่อกันนาน 5 วัน
กรณีผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยากลุ่ม Pencillin
ให้ยา Roxithromycin (150) ผู้ใหญ่ 1x2 ac, เด็ก <40kg 5-8 mg/kg/d ติดต่อกันนาน 5 วัน
หากมีอาการปวด
Paracetamol
ปวดรุนแรงให้ยากลุ่ม NSAIDs ร่วมด้วย เช่น Ibuprofen
การให้ภูมิคุ้มกันบาดทะยัก
คำแนะนำ
ระวังอย่าให้แผลสกปรก และเปียกน้้ำ
แผลที่ต้องพันผ้า หรือเข้าเฝือก ให้สังเกตการไหลเวียนเลือดถ้าบวม ปวด และแน่นมาก ให้มาพบแพทย์
ถ้ามีอาการอักเสบ ได้แก่ แผลบวมแดง มีไข้หรือมีอาการปวด มีหนอง ให้มาพบแพทย์
ให้มาตัดไหมตามนัด
การตัดไหม
แผลบริเวณใบหน้า
ควรตัดไหมเมื่อครบ 5 วัน
แผลบริเวณศีรษะ
ควรตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน
แผลบริเวณลำตัวที่ผิวหนังไม่ตึงมาก
ควรตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน
แผลบริเวณแขนขาหรือผิวหนังที่ตึงมาก
ควรตัดไหมเมื่อครบ 7-10 วัน หรืออาจถึง 10-14 วัน
ประเภทของการเย็บแผล
เย็บแบบธรรมดาชนิดปล้อง(Simple interrupted suture )
เย็บแบบซ้อน ( Mattress suture)
หลักการเย็บแผล
ยึดหลักปราศจากเชื้อ (Sterile Technique)
2.เลือกเข็มให้เหมาะกับแผลที่จะเย็บ เข็ม Cutting คือเข็มที่มีคมด้านข้าง ใช้สำหรับเย็บเนื้อที่มีความเหนียว ส่วนเข็มกลม (Round) ใช้สำหรับเย็บเนื้อที่อ่อนและไม่ต้องการให้ขอบเข็มบาดเนื้อ
การจับเข็ม ถ้าเป็นเข็มเย็บผ้าหรือเข็มตรงใช้มือจับเย็บ แต่ถ้าเป็นเข็มโค้ง ต้องใช้คีมจับเข็มที่ประมาณ1/3
ค่อนมาทางโคนเข็ม
การใช้คีมจับเข็ม(Needle Holder) แนะนำให้จับ needle holder โดยสอดนิ้วโป้งกับนิ้วนาง
เข้าในเครื่องมือตลอดเวลาจะสะดวก
5.เวลาตักควรปักเข็มตั้งฉากกับผิวหนัง มักเย็บห่างขอบแผลประมาณ 1 ซม. และแต่ละฝีเข็มห่างกัน 1 ซม.
6.หมุนเข็มให้ปลายเข็มเสยขึ้นแล้วให้ปล่อยคีบจาก
โคนเข็มมาจับปลายที่โผล่พ้นผิวหนังอีกด้านหนึ่งของ
แผลขึ้นมาให้ปลายแหลม แล้วค่อย ๆ หมุนเข็มตามความโค้งของเข็มจนกระทั้งโคนเข็มหลุดจากผิวหนัง
7.ดึงขอบแผลให้มาติดกัน แล้วผูกเงื่อนตาย
8.ใช้กรรไกรตัดไหม ตัดด้ายโดยให้เหลือโคนไว้ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร
เครื่องมือสำหรับเย็บแผล
ชุดเย็บแผล
Tooth Forceps
ใช้สำหรับหยิบจับภายนอก
Non Tooth Forceps
ใช้สำหรับหยิบจับภายใน
Needle Holder
ใช้สำหรับการจับเข็ม
วัสดุเย็บหรือด้าย
วัสดุที่ละลายได้เอง (Absorbable Sutures)
Catgut ทำมาจาก Collagen
เส้นใยสังเคราะห์ เช่น Polyglycolic acid (Dexon), Polyglycan (Vicryl) และ Polydioxanone (PDS)
วัสดุที่ไม่ละลายเอง (Non-Absorbable Sutures)
เส้นใยสังเคราะห์ เช่น Nylon
ไหมดำ (Silk)
กรรไกรตัดไหม
ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง
ถุงมือ sterile
ยาชาเฉพาะที่
วัตถุประสงค์ในการเย็บแผล
เพื่อการห้ามเลือด
ซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ
ลดอาการปวดและการติดเชื้อ
ลดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดจากบาดแผลนั้นๆ
เพิ่มการหายของแผล
การประเมิน
1. ประเมินการสูญเสียเลือด
มีเลือดออกภายนอกให้เห็น หรือว่ามีเลือดออกภายใน
ประเมินโดยใช้สัญญาชีพ
เป็นหลัก
ประเมินขนาดและลักษณะของบาดแผล
บาดแผลที่ควรเย็บ
บาดแผลหลังได้รับอุบัติเหตุนานไม่เกิน 6 ชั่วโมง หรือนานเกิน 6 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 12 ชั่วโมง ขอบแผลเรียบ เนื้อเยื่อในแผลชอกช้ำ
บาดแผลที่ไม่ควรเย็บ
สุนัขกัด แผลติดเชื้อ บาดแผลสกปรกและชอกช้ำมาก
บาดแผลเรื้อรังสกปรก เช่นบาดแผลที่นานกว่า 24 ชั่วโมง บาดแผลไฟไหม
แนวทางปฏิบัติในการผ่าฝีและเลาะซีสต์(cyst)
ความหมาย
ฝี
ตุ่มหนองที่เกิดการอักเสบ เจ็บปวดเมื่อสัมผัสโดน และก่อตัวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ซีสต์(cyst)
ก้อนหรือตุ่มที่เกิดขึ้นตามร่างกาย โดยมีลักษณะเป็นถุงที่บรรจุอากาศ ของเหลว น้ำ ไขมัน หรือมีเนื้อเยื่อ
อุปกรณ์และเครื่องมือ
ใบมีดผ่าตัด (Blades)
ด้ามมีด
Towel clips: ใช้ในการจับผ้า
Retractor: ใช้ถ่างขยายแผล
Arterial clamp: ใช้หนีบจับเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ
Metzenbaum: ใช้ตัดและเลาะเนื้อเยื่อ
Sponge holder: ใช้สำหรับจับก๊อซเช็ดทำความสะอาดตำแหน่งที่จะทำผ่าตัดก่อนการผ่าตัด
น้ำยาต่าง ๆ ได้แก่ 0.9%NSS, Hibiscrub, Providine scrub,
อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สำหรับเย็บแผล และยาชา
วิธีการผ่าตัดก้อนใต้ผิวหนังที่พบบ่อย
Sebaceous cyst
นก้อนใต้ผิวหนังและติดกับผิวหนัง ถ้าบีบจะมีสารสีขาว ๆ ออกมา แตกเองได้
การผ่าตัด
1.ฉีดยาชารอบถุงถึงก้นถุง ลงมีดเป็นรูปวงรี ตัดส่วนที่ติดกับผิวหนังออก เลาะลงไปทั้งสองข้าง
ใช้ Forceps/Arterial clamp หรือ Metzenbaum แหวกเลาะ จับขั้วขึ้นมาแล้วตัดถุงออก
3.เช็ดทำความสะอาดแผลและเย็บปิด
fibroma
ลักษณะแข็ง ไม่ติดกับผิวหนัง เคลื่อนที่ได้
fibroma
ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง ค่อนข้างนิ่ม
การผ่าตัด
1.ฉีดยาชา ลงมีด
2.ใช้นิ้วมือ/ Forceps/Arterial clamp แหวกเลาะปลิ้นก้อนออกมา
3.ให้ใช้ Arterial clamp จับที่ฐาน แล้วตัดก้อนออก ผูกเส้นเลือด จากนั้นเช็ดทำความสะอาดแผลและเย็บปิด
Wart
เป็นตุ่มผิวหนังที่นูนสูงขึ้นเป็นแท่งปลายตัด ที่ปลายเป็นขุยๆ
การผ่าตัด
1.ฉีดยาชารอบถุงถึงก้นถุง ลงมีดเป็นรูปวงรี
2.ใช้ Tooth forceps จับที่ตัวหูดใช้มีดตัดที่ฐาน
3.เช็ดทำความสะอาดแผลและเย็บปิด
การถอดเล็บ (nail extraction)
ใช้สายยางรัดโคนนิ้วให้แน่น แล้วฉีดยาชา และสอดปลายกรรไกรเข้าใต้เล็บ
2.ถ่างปลายกรรไกรออกเพื่อแยกเล็บออกจากพื้นเล็บ
3.ใช้คีมจับปลายเล็บแล้วดึงออกและทำความสะอาดแผลหลังดึงเล็บออก
4.ใช้ผ้าพันแผลพันปลายนิ้วให้แน่น
5.ดึงสายยางรัดที่โคนนิ้วออก
การล้างตา (Eye irrigation)
1.ใช้สำลีสะอาดอุดหูข้างที่จะล้างตา จัดท่าผู้ป่วยนอนราบไม่หนุนหมอน และเอียงหน้าเล็กน้อยไปทางตาข้างที่จะล้าง
2.หยอดยาชา tetracaine eye drop 1 หยด
3.ให้ผู้ป่วยหลับตาแล้วปล่อยน้ำเกลือชนิด 0.9% Normal Saline ให้ไหลลงบนแก้มผู้ป่วยก่อนแล้ว จึงล้างหนังตาหรือผิวหนังรอบตา
4.ล้างตา
ดึงหนังตาล่างลง ให้ผู้ป่วยมองขึ้นด้านบนแล้วจึงล้างเยื่อบุตาล่าง
ดึงหนังตาบนขึ้น ให้ผู้ป่วยมองลงข้างล่างแล้วจึงล้างเยื่อบุตาบน
ให้ผู้ป่วยกลอกตาไปมาทางซ้ายและขวา สลับกันไปเพื่อล้างเยื่อบุให้ทั่วถึง
เมื่อเสร็จแล้ว ใช้สำลีสะอาดเช็ดซับบริเวณรอบ ๆ ตาให้เรียบร้อย
หยอด poly - oph 1 - 2 หยด หรือยาตามแผนการรักษา