Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีที่ได้รับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ - Coggle Diagram
การพยาบาลสตรีที่ได้รับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ
Vacuum Extraction delivery
หมายถึง
หัตถการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ หมายถึง การทำคลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ โดยผู้ทำคลอดออกแรงดึงบนถ้วยที่ เกาะติดกับหนังศีรษะทารกด้วยระบบสุญญากาศ เป็นการเสริมแรงเบ่งผู้ คลอด
ส่วนประกอบ
แผ่นโลหะกลมแบนและโซ่ (metal plate และ chain)
ด้ามสำหรับดึง (traction bar หรือ haddle)
ถ้วยสุญญากาศ (vacuum cup)
Rigid cup ทำด้วยโลหะ (stainless steel) มี 3 ขนาด คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของถ้วย 40, 50 และ 60 มม.
Solf cup ทำด้วย silicone หรือ polyethylene เพื่อลดอันตรายต่อ ศีรษะทารก
ท่อสายยาง (suction tube)
ขวดสุญญากาศ (vacuum tube)
เครื่องดูดสุญญากาศ (vacuum pump) มี 2 แบบ hand or foot pump ,Electric pump
ข้อบ่งชี้
ผู้คลอดไม่มีแรงเบ่งเพียงพอ
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
Prolong 2 nd stage of labor (ครรภ์แรกนาน > 2 ชม , ครรภ์หลัง นาน > 1 ชม
ผู้คลอดมีโรคประจำตัว หรือ ถาวะแทรกซ้อนที่ไม่ควรออกแรงเบ่ง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
ศีรษะทารกอยู่ในท่าผิดปกติ (OP)
ข้อห้าม
ทารกได้รับการเจาะเลือดศีรษะก่อนคลอด (fetal scalp blood sampling)
ทารกมีภาวการณ์แข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ทารกมีภาวะ fetal distress
ภาวะ CPD ส่วนนำทารกอยู่สูง
ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง ท่าก้น หรือท่าหน้า
ทารกมีภาวะ macrosomia
ทารก preterm
ข้อพิจารณาก่อนทำ
ทราบท่าทารกและระดับส่วนนำ
ไม่มีก้อนเนื้องอกมาขวางช่องทางคลอด
ปากมดลูกเปิดหมด
ได้รับยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่เพียงพอ
กระเพาะปัสสาวะไม่เต็ม
ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
หลักการและวิธีการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
การใส่ถ้วยสุญญากาศ ทา hibitane cream รอบถ้วย เพื่อหล่อลื่น, ใช้มือข้างไม่ถนัดสอดเข้าช่องคลอด ถ่างและกดฝีเย็บลง มืออีกข้างจับถ้วยเอียงและสอด ด้านข้างของถ้วยเข้าไป พลิกถ้วยกลับติดที่ศีรษะทารก , ให้ถ้วยจับบริเวณ occiput มากที่สุด โดยเกาะคร่อม sagittal suture อย่างสมมาตร เพื่อให้ศีรษะก้ม,คลำรอบขอบถ้วยเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีส่วนของปากมดลูกหรือผนังช่องคลอดดูดเข้ามาอยู่ ในถ้วย เมื่อพร้อมจึงเริ่มทำให้เกิดสุญญากาศ
ระยะเวลาในการลดความดัน ค่อยๆ ลดความดันลง 0.1 กก/ตรซม ทุก 1 นาที หรือ 0.2 กก/ตรซม ทุก 2 นาที จนถึง 0.6 – 0.8 กก/ตรซม ,ปกติใช้เวลา 8-10 นาทีเพื่อให้เกิด artificial caput succedaneum เต็มที่ ทำให้ cup จับกับศีรษะทารกแน่น ไม่ หลุดง่ายเวลาออกแรงดึง
การเตรียมผู้คลอด จัดท่า Lithotomy , ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ, ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ, สวนปัสสาวะให้กระเพาะปัสสาวะว่าง , ให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ นิยมใช้ pudendal block ห้ามใช้ยาสลบ , ตรวจภายในประเมินท่า ตำแหน่ง occiput หรือ posterior fontanelle การ molding
จังหวะ ระยะเวลาและทิศทางในการดึง การตัดฝีเย็บ ดึงพร้อมการหดรัดตัวของมดลูกและการเบ่งของมารดา ขณะมดลูกคลายตัวดึงสายยางไว้เบาๆ เพื่อไม่ให้ศีรษะทารกเลื่อนกลับขึ้นไป เมื่อดึงจนศีรษะตุงที่ฝีเย็บ ทำการตัดฝีเย็บและดึงให้อยู่แนวราบจนส่วน subocciput ยันใต้ symphysis pubis จึงดึงขึ้นบน 45 องศาตามกลไกการ คลอดปกติ เมื่อศีรษะทารกคลอด จึงปิดเครื่องดูดสุญญากาศ ค่อยๆปลดถ้วยออก และทำ คลอดไหล่ ลำตัวตามปกติ +++ ระยะเวลาการดึงไม่ควรเกิน 30 นาที นานกว่านี้อาจเกิดอันตรายต่อศีรษะทารก ได้
ภาวะแทรกซ้อนของการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ
ทารก
Cephalhematoma (เลือดออกใต้ชั้นเยื่อ หุ้มกะโหลกศีรษะ) , Caput succedaneum (การบวมของหนัง ศีรษะ) , Scalp abrasion/laceration (การถลอก หรือการฉีกขาดของหนังศีรษะ) , Scalp necrosis , Alopecia ,Intracranial hemorrhage, Neonatal jaundice
ผู้คลอด
การฉีกขาดของปากมดลูก ช่องคลอด ฝีเย็บ ,PPH , Infection
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับการรักษา เหตุผล ภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้เกิดความ ร่วมมือและคลายความกังวล
จัดท่าผู้คลอดท่า Lithotomy ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ และสวนปัสสาวะ
เตรียมเครื่องดูดสุญญากาศ อุปกรณ์สำหรับการให้ยาระงับคงวามรู้สึกเฉพาะที่ และ อุปกรณ์ช่วยเหลือทารก
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ + ยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูกตามแผนการรักษา
Forceps Extraction delivery
การใช้คีมจับที่ศีรษะทารกให้กระชับและเหมาะสม เพื่อช่วยคลอดศีรษะทารกโดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้คลอดและทารก เป็นการใช้แทนแรงเบ่งของผู้คลอด
ส่วนประกอบของคีม (forceps)
Shank
Lock
Blade
Handles
Transverse process
ข้อบ่งชี้
ด้านผู้คลอด
-ไม่มีแรงเบ่งจากอาการอ่อนหล้า ได้รับยาบรรเทาอาการปวด หรือได้รับการทำ Epidural block,มีภาวะแทรกซ้อนหากมีการเบ่งคลอด เช่น โรคหัวใจ PIH /Chronic hypertension
ด้านทารก
-Abnormal FHS,ศีรษะทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น occiput transverse ซึ่งต้องหมุนศีรษะทารกเป็นท่า occiput anterior เพื่อสะดวกในการคลอด ใช้คลอดศีรษะทารกท่าก้น (after coming head)
ชนิดของคีม (ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน)
Simpson forceps
Tucker-Mclean forceps
-ลักษณะ blade เป็นแผ่นตัน (solid blade) ทำให้มีแรงกดต่อศีรษะทารกน้อยกว่า
-ลักษณะ cephalic curve มีมากกว่าเหมาะกับศีรษะทารกที่ กลม หรือไม่มี molding
-Pelvic curve มีไม่มากใช้ในการหมุนศีรษะทารกได้
-มีลักษณะของ overlapping shank เพื่อลดการบาดเจ็บต่อช่องทางคลอดได้
Kielland forceps
น้ำหนักเบา และ pelvic curve น้อย เหมาะสำหรับการหมุนศีรษะทารก
มี sliding lock สามารถปรับแก้ asynclitism ได้ในระหว่างการดึง
ปัจจุบันไม่นิยมทำ เนื่องจากหากไม่มีความชำนาญหรือประสบการณ์อาจทำให้เกิดอันตราย
3.Piper forceps
-มีลักษณะพิเศษ คือ มี reverse pelvic curve และ parallel ยาวถึง 15 cms.
-ใช้คลอดศีรษะทารกที่เป็นท่าก้น
ชนิดของการช่วยคลอดด้วยคีม
Outlet forceps
Low forceps
Mid Forceps
High forceps
ข้อบ่งชี้การช่วยคลอดด้วยคีม
-ทารกอยู่ในท่าศีรษะหรือท่าหน้าที่เป็น (chin anterior)
-ช่วยคลอดศีรษะทารกท่าก้น (after coming head )
-ศีรษะทารกลงสู่ช่องเชิงกราน รู้ตำแหน่งศีรษะแน่นอน
-ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนศีรษะทารกกับช่องเชิงกราน (CPD) + เนื้องอกภายในอุ้งเชิงกราน
-ปากมดลูกเปิดหมด (cervical fully dilate)
ภาวะแทรกซ้อนของการช่วยคลอดด้วยคีม
ผู้คลอด
• การฉีกขาดช่องทางคลอด
• อันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ
• การหย่อนของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดมดลูก หย่อนได้
• PPH
• Infection จากการฉีกขาดของช่องทางคลอด
ด้านทารก
อันตรายต่อสมองทารก เช่น เลือดออกใน สมอง ภาวะ cerebral palsy
อันตรายต่อศีรษะทารก ทำให้กะโหลกแตก หรือเลือดออกในชั้นหนังศีรษะ (cephal hematoma)
อันตรายต่อเส้นประสาทบริเวณหน้า เช่น facial palsy , Erb palsy
การเตรียมผู้คลอด
จัดท่า Lithotomy
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
สวนปัสสาวะให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ - Outlet forceps ใช้ pudendal block - กรณี Low forceps หรือ ต่ำกว่านั้น ควรใช้การดมยาสลบ
ตรวจภายในยืนยันท่าทารกและระดับของส่วนนำ
ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการช่วยคลอด เหตุผล และภาวะแทรกซ้อนที่อาจ เกิดขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวลและให้ความร่วมมือ
จัดท่าผู้คลอดท่า Lithotomy ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก + ฝีเย็บ ด้วย น้ำยาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ และสวนปัสสาวะ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยคลอด ได้แก่ forcep, สารหล่อลื่น, อุปกรณ์ช่วยเหลือทารก
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ + ยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูกตามแผนการรักษา
ุ6. ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่อ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังคลอด
ประเมิน V/S เป็นระยะ
Cesarean section (การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง)
การผ่าตัดเพื่อคลอด ทารกออกทางรอยผ่าที่หน้าท้อง (laparotomy) และรอยผ่าที่ผนังมดลูก (hystrotomy)การผ่าตัดเพื่อคลอด ทารกออกทางรอยผ่าที่หน้าท้อง (laparotomy) และรอยผ่าที่ผนังมดลูก (hystrotomy)
ข้อบ่งชี้
การคลอดติดขัด (mechanical dystocia)
การคลอดไม่ก้าวหน้า ( failure to progress in labor) เช่น ภาวะ CPD
รกเกาะต่ำ
ทารกมีภาวะ fetal destress
ภาวะสายสะดือพลัดต่ำ
ข้อห้าม
ทารกพิการ ไม่สามารถรอดชีวิตได้หลังคลอด
ทารกตายในครรภ์ เว้น มีข้อบ่งชี้ทางมารดา เช่น ภาวะ PPH
ชนิดของการผ่าตัดคลอด
การลงมีดผ่าตัดที่ผนังมดลูก (uterine incision)
การผ่าตัดที่บริเวณส่วนล่างของมดลูก (low segment cesarean section)
การผ่าตัดที่บริเวณส่วนบนของมดลูกตามแนวตั้ง ( classical cesarean section)
การลงมีดผ่าตัดที่ผนังหน้าท้องหรือผิวหนัง (skin incision)
การลงมีดในแนวตั้งกลางตัว (vertical midline incision)
การลงมีดในแนวขวาง transverse incision)
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
ภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึก
ทารก
ขาดออกซิเจน
อันตรายจากการผ่าตัด
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา สาเหตุของการผ่าตัดคลอด
อธิบายภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
แนะนำการปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและคลาย ความกังวล
ประเมิน V/S ผู้คลอดทุก 5 – 15 นาที
ประเมินและบันทึกปริมาณปัสสาวะ ควรออก > 30 ซีซี/ชั่วโมง
ประเมิน V/S ผู้คลอดทุก 15 นาที ใน 1 ชม.แรก ทุก 30 นาที ใน 1 ชั่วโมงที่ สอง หลังจากนั้นประเมินทุก 1 ชม. จนอาการคงที่
ประเมินแผลผ่าตัดดูเลือดซึมบริเวณที่ก็อซปิดแผลไว้หรือเปล่า แนะนำไม่ให้ แผลโดนน้ำ
ดูแลการได้รับสารน้ำและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
ดูแความสุขสบายทั่วไป เช่น ความสะอาดร่างกาย และ อวัยวะสืบพันธ์ภายนอก
Placenta removal (การล้วงรก)
การล้วงรก (manual removal of placenta) เป็นหัตถการ สำคัญช่วยผู้คลอดจาการตกเลือดจากปัญหารกค้างได้
สาเหตุ
ภาวะ cervical clamp
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ภาวะรกลอกตัวช้า ลอกตัวไม่สมบูรณ์ หรือไม่ลอกตัว
รกฝังตัวลึกผิดปกติ (placenta adherens)
ข้อบ่งชี้
ภายหลังทารกคลอดครบ ระยะที่ 3 นานกว่า 30 นาที และเลือดออกไม่เกิน 400 มิลลิลิตร
มีเลือดออกมากกว่า 400 มิลลิลิตร ภายหลังทารกคลอดโดยไม่คำนึงถึง ระยะเวลาที่รกค้าง
สายสะดือขาดและหดกลับเข้าไปในช่องคลอด โดยไม่สามารถเข้าไป Clamp จุดที่ขาดได้
การเตรียม
ให้ IV fluid
เตรียมเลือดให้พร้อมอย่างน้อย 2 ยูนิต
ให้ยาระงับความรู้สึกทั่วไปโดยวิสัญญี
จัดท่า Lithotomy + ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปูผ้าสะอาดปราศจากเชื้อ และดูแลสวนปัสสาวะออกให้หมด
ผลกระทบ
มีการฉีกขาดของ fornix
มดลูกทะลุจากการเซาะ
Infecttion
มดลูกปลิ้น
PPH
การพยาบาล
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา
ดูแลการได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปโดยวิสัญญี
จัดท่า Lithotomy
เตรียมอุปกรณ์ล้วงรกให้พร้อม
ดูแลการได้รับ IV fluid ตามแผนการรักษา
6.ประเมิน V/S ทุก 5 นาที
7.ประเมิน contraction ปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอดละฝีเย็บ
8.ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
9.ประเมิน V/S , contraction , bladder , การฉีกขาดของช่องคลอดและ ปริมาณเลือด เพื่อเฝ้าระวังการเกิดภาวะ PPH
10.แนะนำการเปลี่ยนผ้าอนามัยและการทำความสะอาดภายหลังการขับถ่ายทุก ครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกต่ออย่างน้อย 2 ชม.หลังคลอด
Breech assisting (การทำคลอดท่าก้น)
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
Laceration of perineal
Uterine rupture
Infection
อันตรายจากการได้รับยาดมสลบ
PPH
Dystocia
ทารก
การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้อง
ข้อเคลื่อนหรือกระดูกหัก
Fetal distress จากการคลอดติดขัด ล่าช้า
การพยาบาล
จัดท่าผู้คลอด Lithotomy
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ภายนอกและฝีเย็บด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
ประเมิน FHS ทุก 5 นาที / On EFM
อธิบายให้ผู้คลอดทราบเกี่ยวกับความจำเป็นและขั้นตอน
แนะนำผู้คลอดผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เกร็ง
6.ประเมิน Contraction และกระตุ้นเบ่งเมื่อมดลูกหดรัดตัว
แนะนำเรื่องการเปลี่ยนผ้าอนามัย การทำความสะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
Breech presentation
Frank breech presentation คือ ข้อสะโพกงอ ข้อเข้าทั้ง 2 ข้างเหยียดตรง ขาแนบ ไปกับลำตัวและอก พบได้ร้อยละ 60 - 70
Incomplete breech presentation คือ ข้อสะโพกหรือเข่า ข้างใดข้างหนึ่งหรือ 2 ข้าง งอไม่เต็มที่ทำให้ขาของทารกอยู่ต่ำกว่าสะโพก พบได้ร้อยละ 25 – 35 - single footling - footling frank - double footling - knee presentation
Complete breech presentation คือ ข้อสะโพกและเข่าทั้ง 2 ข้างงอ เหมือนท่านั่งขัดสมาธิ พบได้ร้อยละ 5
กลไกการคลอดท่าก้น
กลไกการคลอดไหล่
2.4 External rotation เมื่อไหล่คลอดจะมีการหมุนภายนอกจน bisacromial diameter อยู่ในแนวขวางกับช่องทางคลอด
2.3 Delivery of the shoulders t ขณะไหล่หน้ายันอยู่ใต้กระดูกหัวหน่าวไหล่หลังจะคลอดออกมาพร้อมกับมี lateral flexion ของลำตัวทารกจากนั้นไหล่หน้าจะคลอดออกมา
2.2 Internal rotation ขณะไหล่เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ จาก pelvic inlet ผ่าน mid pelvic ไหล่จะหมุนเอา bisacromial diameter เข้าสู่แนวหน้า-หลังของ pelvic outlet เมื่อหมุนเสร็จไหล่หน้าจะมาอยู่ใต้กระดูกหัวหน่าว
2.1 Engagement คือไหล่ทารกเคลื่อนสู่ช่องเชิงกรานโดย bisacromial diameter เคลื่อนเข้าสู่ pelvic Inlet ในแนวเฉียงหรือแนวขวางเช่นเดียวกับก้น
กลไกการคลอดศีรษะ
3.2 Internal rotation คือ ขณะศีรษะทารกเคลื่อนที่ลงมาเรื่อยๆ จาก pelvic inlet เข้าสู่ mid pelvic ส่วน occiput ของทารกจะหมุนมาอยู่ในแนว หน้า – หลัง ของ pelvic outlet และ occiput มายันใต้กระดูกหัวหน่าว
3.3 Delivery of head เมื่อ occiput มายันใต้กระดูกหัวหน่าว มีการก้มของศีรษะทารก ทำให้ศีรษะคลอดผ่านออกมาทางช่องคลอด
3.1 Engagement คือ ศีรษะทารกเคลื่อนเข้าสู่ช่องเชิงกรานโดย sagital suture จะเข้าสู่ pelvic inlet ในแนวเฉียงหรือแนวขวาง
กลไกการคลอดก้น
1.4 External rotation คือ ขณะสะโพกทารกคลอด ไหล่จะมีการ engagement ลงมา ในแนวขวางของ pelvic inlet ทำให้เกิด external rotation ของสะโพกที่คลอดออกมา เพื่อ หลังจะได้อยู่ตามแนวปกติ
1.2 Internal rotation คือ การหมุนภายในช่องเชิงกรานจน bitrochanteric diameter เข้าสู่แนวหน้า – หลัง ของ Pelvic outlet หมุนเสร็จสะโพกหน้าจะมายันที่ใต้ กระดูกหัวหน่าว
1.3 Lateral flexion คือ ทารกมีการงอของลำตัว สะโพกหลังถูกดันให้คลอดออกมาตาม ด้วยสะโพกหน้า
1.1 Engagement คือ ส่วนที่กว้างที่สุดของก้น bitrochanteric diameter เคลื่อนผ่าน pelvic inlet ลงมาในแนวเฉียงหรือแนวขวาง และสะโพกหน้าจะอยู่ต่ำกว่าสะโพกหลัง
การคลอดทารกท่าก้น (Breech delivery) ต่างจากการคลอดท่า ศีรษะ เนื่องจากต้องใช้ความเชียวชาญและความระมัดระวังสูง พบได้ร้อยละ 3 – 4 ของการคลอด
Version (Internal version, External version)
Version ( External version)
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกจากภายนอก (externalcephalic version : ECV)
ข้อบ่งชี้
อายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์
ครรภ์เดี่ยวที่ทารกอยู่ในท่าก้น/ท่าขวาง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่าง ตั้งครรภ์
ข้อห้าม
• ครรภ์แฝด
• สตรีมีครรภ์ที่อ้วนมาก
• มีความผิดปกติของมดลูก / มีแผลผ่าตัดที่มดลูก
• ทารกท่าก้น ที่ก้นเคลื่อนที่ลงสู่เชิงกรานแล้ว
ภาวะแทรกซ้อน
มดลูกแตก
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
รกลอกตัวก่อนกำหนด
เลือดทารกรั่วเข้าสู่เลือดมารดา
น้ำคร่ำอุดกลั้นเส้นเลือดในปอด
การพยาบาล
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ทราบเกี่ยวกับแผนการรักษา ภาวะแทรกซ้อน ขั้นตอนการหมุน เปลี่ยนท่าทารก เพื่อให้เกิดความร่วมมือและลดความกังวล ขณะหมุนเปลี่ยนท่าทารก หากสตรีรู้สึกเจ็บมาก สามารถบอกให้หยุดได้
ให้ NPO อย่างน้อย 8 ชม. ก่อนทำ
3.ประเมิน FHS ทารกและอาการเจ็บปวดขณะทำการหมุนเปลี่ยนท่าเป็น ระยะๆ >> FHS > 120 ครั้ง/นาที หรือ สตรีมีอาการเจ็บปวดมากให้หยุด การหมุนเปลี่ยนท่าทันที
ประเมิน V/S มารดาเป็นระยะๆ
ดูแลให้ได้รับ Rh immunoglobulin (anti-D immune globulin
Version ( Internal podalic version)
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายใน (Internal podalic version) คือการหมุนเปลี่ยนท่าทารกโดยสอดมือผ่านปากมดลูกเข้าไปหมุนภายในโพรงมดลูก ในรายที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว เพื่อเปลี่ยนจากท่าขวางหรือท่าศีรษะเป็นท่าก้น และ ทำคลอดในท่าก้นต่อไป หัตถการนี้ค่อนข้างอันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์ ปัจจุบันทำน้อยมาก
ข้อห้าม
ส่วนนำทารกเคลื่อนลงมาต่ำมาก
ตกเลือดก่อนคลอด หรือ มีภาวะรกเกาะต่ำ
เคยผ่าตัดบริเวณมดลูก
มีอาการและอาการแสดงของภาวะมดลูกแตกคุกคาม
ข้อบ่งชี้
การคลอดแฝดคนที่สอง (ท่าขวางหรือท่าศีรษะ) มีปัญหาต้องคลอด่วน เช่น fetal distress สายสะดือย้อย หรือมีเลือดออกมาก เป็นต้น
ทารกท่าขวางที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว
ภาวะแทรกซ้อน
มดลูกแตก
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ช่องทางคลอดฉีกขาด
ทารกเสียชีวิต
การบาดเจ็บต่อทารก เช่น กระดูกหัก การคลอดติดศีรษะ
การพยาบาล
ก่อนทำ >> เช่นเดียวกับการหมุนเปลี่ยนท่าภายนอก แต่ ไม่ NPO ผู้คลอด
ขณะทำ >> อยู่เป็นเพื่อน ให้กำลังใจ + ประเมิน FHS และอาการปวดเป็นระยะ
หลังทำ>> ประเมิน FHS และ V/S ผู้คลอดเป็นระยะๆ
Emergency delivery (การท าคลอดในภาวะฉุกเฉิน)
Induction of labor (การชักนำการคลอด)
การชักนำการคลอดหรือการกระตุ้นคลอด หมายถึง การทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดโดยเทคนิคต่างๆ ในขณะที่ยังไม่มีการเจ็บครรภ์คลอดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ Defination
ข้อบ่งชี้
Premature rupture of membrane
Preeclampsia, eclampsia
Postterm pregnancy
Gestational hypertension
ข้อห้าม
Vasa previa
Placenta previa
Transverse fetal lie
Umbilical cord prolapse
Previous classical cesarean delivery
Previous myomectomy entering the endometrial cavity
Active genital herpes infection
ภาวะแทรกซ้อน
Vasa previa
Placenta previa
Transverse fetal lie
Umbilical cord prolapse
Previous classical cesarean delivery
Previous myomectomy entering the endometrial cavity
Active genital herpes infection
วิธีการชักนำการคลอด
การใช้ Oxytocin
Amniotomy
1.การใช้ prostaglandin
5.Breast stimulation
การพยาบาล
เตรียมยาให้ถูกต้องตามแผนการรักษา
อธิบายวัตถุประสงค์การให้ยา
ให้ยาแก้ผู้คลอด โดยพิจารณาจากการหดรัดตัวของผู้คลอด
ประเมิน Contraction หลังได้รับยา 15 นาที ต่อไปทุก 30 นาที และทุก ครั้งก่อน/หลังการปรับหยด 2 – 3 นาที
ปรับเพิ่มหยดทุก 15 – 30 นาที โดยเพิ่มครั้งละ 1 – 2 มิลลิยูนิต/นาที (Duration = 40 – 60 นาที, Interval = 2 – 3 นาที )
ฟัง FHS ทุก 30 นาที
ดูแลใกล้ชิด หากได้รับยาเกิน 24 ชม. ให้สังเกต Bandl’s ring ความดัน โลหิตต่ำ ภาวะสารน้ำเป็นพิษ คลื่นไส้อาเจียน กระสับกระส่าย
ระยะหลังคลอด ดูแลการได้รับยาต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อ ป้องกัน PPH