Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สมดุลน้ำ กรดด่างในร่างกาย อิเล็กทรอไลท์, 2829628F-5233-4DF3-8EFB…
สมดุลน้ำ กรดด่างในร่างกาย
อิเล็กทรอไลท์
ความไม่สมดุลของน้ํา
หน้าที่ของน้ำภายในร่างกาย
(FUNCTION OF BODY FLUID)
เป็นตัวกลางในการนำสารต่างๆไปยังระบบที่เหมาะสม
ใช้ในปฏิกิริยาเคมีที่สำคัญในร่างกายเช่น การสลาย ATP(adenosinetriphosphate) เเพื่อให้ได้พลังงาน
ช่วยในการดูดซึมและการแพร่กระจายของสาร
ควบคุควบคุมคันเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของส่วนนั้นๆ
ควบคุควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
น้ำ(WATER)
เป็นส่วนประกอบ 2 ใน 3 ของร่างกาย แบ่แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆโดยมีเยื่อกั้นบางๆ (membrane)เป็นตัวแยก:55-60%
น้ำภายในเซลล์ (intracellular fluid ; ICF ) : 40% ของน้ำหนักตัว
น้ำภายนอกเซลล์(extracellular fluid ; ECF ) : 20% ของน้ำหนักตัว
น้ำภายในหลอดเลือด( intravascular fluid หรือ plasma ) 5% ของน้ำหนักตัว
น้ำระหว่างเซลล์ ( interstitial fluid ) : 15% ของน้ำหนักตัว
WATER INTAKE (1500-3000 ML)
น้ำดื่ม อาหารเหลว น้ำที่ปนในอาหาร (500-1500 ml)
อาหาร เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ (800-1000 ml)
เมตาบอริซึมของร่างกาย วิธี water of oxidation หรือ metabolic water (200-500 ml)
ร่างกายสูญเสียน้ำ2ทางคือ
ทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (insensibleperspiration) ประมาณ 500-800ml. ได้แก่ ทางผิวหนัง 300 ml. ปอด 300-500 ml. ข้ึนอยู่กับ
ความชื้น
อุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิของร่างกาย
กิจกรรมที่ทำ อารมณ์
อัตราเมตาบริซึม
ที่ทางที่ปรับสมดุลย์ได้ (insensible perspiration) ได้แก่
ทางเดินอาหารออกไปกับอุจจาระ 100-200 ml.
ผิวหนังโดยเหงื่อ 0-10 ml. (5000 ml.ถ้าออกกําลังกายหนัก)
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ 500-3000 ml.
การควบคุมสมดุสมดุลย์น้ำในร่างกาย
การกระหายน้ำ
สมองส่วนไฮโพทาลามัส (hypothalamus) ควบคุมปริมาณน้ำในเลือดถ้าร่างกายขาดน้ำมากเกินไปจะทำให้เลือดเข้มข้นกว่าปกติเกิดการกระหายน้ำ ส่งผลให้สมองส่วนไฮโพทารามัสกระตุ้ กระตุ้นปลายประสาทในส่วนต่อมใต้สมองส่วนหลังให้หลั่งADH
การขับขับปัสสาวะ
ภาวะขาดน้ำ (Fluid deficit หรือ Dehydration)
ขาดน้ำมากกว่าเกลือ (hypertonic dehydration)
ขาดทั้งน้ำทั้งเกลือ (isotonic dehydration หรือ hypotonic dehydration)
สาเหตุ
ได้ได้รับแล้วน้อยลง ดื่มน้ำน้อยเกินไป
ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป ปัสสาวะมากผิดปกติ
เสียทางผิวหนังและปอดเหงื่อออกมากกว่าปกติ
กลไกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ระดับเซลล์
ร่างกายขาดน้ำจะมีผลทำให้ความเข้มข้นของพลาสม่าเพิ่มขึ้น จึงดึงน้ำจากภายในเซลล์ออกสู่ภายนอกเซลล์
การตอบสนองของร่างกาย
ปริมาณน้ำนอกเซลล์ที่ลดลงและความเข้มข้นของพลาสมาเพิ่มขึ้น กระตุ้กระตุ้นการหลั่ง ADH กระตุ้นศูนย์กระหายน้ำ
ปริมาณปัสสาวะลดลงน้ำและโซเดียมถูกดูดกลับ
อาการขาดน้ำ
อาการรุนแรงน้อยถึงปานกลางได้แก่ ผิวแห้ง ริมฝีแห้งปากช่องแห้ง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปัสสาวะน้อย มึนหัวเวียนศรีษะ
ขาดน้ำรุนแรง ได้แก่ กระหายน้ำรุนแรง ปัสสาวะน้อยมีสีเหลืองเข้ม ตาลึกโหล ความดันโลหิตต่ำ
ภาวะน้ำเกินและภาวะพิษของน้ำ (WATER EXCESS AND WATER INTOXICATION)
สาเหตุ
ไตพิการไตพิการ
เลือดไปเลี้ยงไตลดลง
มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
ไตปกติแต่มีการหลั่งADHมาก
กลไกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ น้ำที่เกินจะเคลื่อนที่จากภายนอกเซลล์เข้าสู่ภายในเซลล์จนกระทั่งมีความเข้มข้นเท่ากัน ทำให้เซลล์บวมระดับ Hct ทีไม่เปลี่ยนแปลง
การตอบสนองของร่างกาย
ระดับความเข้มข้นที่ลดลง
น้ำภายนอกเซลล์ที่เพิ่มขึ้นมีผลยับยั้งการหลั่ง ADH
อาการและอาการแสดง
แบบเฉียบพลันแบบเฉียบพลัน คือ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท่าทางผิดปกติ กระตุก ชัก ความดันสูง น้ำหนักตัวเพิ่ม ม่านตาขยายไม่เท่ากัน รีเฟล็กซ์ก็ไวขึ้น
อาการเรื้อรังคือ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ซึม ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม เลอะเลือน อาการบวมทั่วร่างกาย ถ้ามีอาการบวมที่ปอดจะทำให้ จะทำให้หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ไอ
การควบคุมการควบคุมสมดุลกรด-ด่าง
(regulation of acid base balance )
ในภาวะปกติในภาวะปกติpHในหลอดเลือด ในหลอดเลือดแดง (arterial blood pH )ประมาณ 7.4 และ pHในหลอดเลือดดำ (venous blood pH) มีค่าประมาณ 7.35 มีหลอดเลือดมีหลอดเลือดดำมีค่าต่ำกว่าเนื่องจาก ในเลือดดำมีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่มากกว่าในเลือดแดง
ความหมายของคำ
Acidosis ภาวะที่ร่างกายมีความเป็นกรดเกิดขึ้นที่ระดับpHในเลือด < 7.35
Alkalosis ภาวะที่ร่างกายมีความเป็นด่างเกิดขึ้นมีระดับpHในเลือดแดง > 7.45
Afterial Blood Gases วิวิธีประเมินค่าความเป็นกรดด่างของร่างกายโดยการเจาะเลือดจากหลอดเลือดแดงแล้วมันไปหาค่ะ
Buffer สารซึ่งเมื่อละลายน้ำจะคงpHของสารนั้นไว้แม้เติมกรดแก่หรือด่างแกลงไปถึงแม้pHจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพียงเล็กน้อย
การวัดความเป็นกรดด่าง
เลือดแดง (Blood) pH = 7.35-7.45
ในเลือดดำ pH มีค่าประมาณ 7.35
ภายในเซลล์ pH ปกติอยู่ระหว่าง 6.0 ถึง 7.4 แตกต่างกันในเซลล์ต่างๆ
ค่า pH ภายในเลือดแดง>7.45 เรียกว่า alkalosis
ค่า pH ภายในเลือดแดง>7.35 เรียกว่า acidosis
สิ่งที่ช่วยควบคุมภาวะกรด-ด่างในร่างกาย
Buffer มีอยู่ทั้งนอกและในเซลล์จะปรับภาวะกรดด่างให้เข้าสู่สมดุลย์ภายในไม่กี่วินาที
ระบบหายใจ ปอด ควบคุมระบบหายใจปอดควบคุมอัตราการกำจัด CO2 ออกจากร่างกายมีผลเปลี่ยนแปลง carbonic acid
ไต ควบคุมปริมาณการขับทิ้ง H+ได้ ในปัสสาวะมีประสิทธิภาพการควบคุมกรดด่างมากที่สุดแต่ต้องใช้เวลาหลายวัน
Buffer เป็นสารซึ่งเมื่อละลายน้ำจะคง pH ของสารนั้น
ทำปฏิกิริยากับกรดแก่เกิดเป็นเกลือของกรดหรือด่างนั้นจะมีสภาพเป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อน
Phosphate buffer system
เป็นbuffer ที่ที่สำคัญในซิวมากกว่าเม็ดเลือดแดงเนื่องจากมีอยู่ที่เซลล์เม็ดเลือดแดง
bicarbonate-carbonic acid buffer system
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ buffering system ในเลือด carbonic anhydrase (CA) ในเม็ดเลือดแดงจะเปลี่ยนCO2และHCO-3ไปเป็น carbonic acid และเปลี่ยนเป็นH+และHCO-3
Protein buffer system
พบทั้งภายในเซลล์และนอกเซลล์ส่วนใหญ่จะพบมีประจุลบจึงเป็นbufferที่สำคัญหน่อยในเซลล์
haemoglobin buffer system
เป็นbuffer ที่สำคัญมาก
การควบคุมภาวะกรด-ด่างโดยระบบหายใจ
สามารถปรับ pH ภายใน 1-15นาที นาทีให้ผลสูงสุดที่ 12- 24 ชั่วโมง
การควบคุม pH โดยระบบหายใจให้ผลระหว่าง 50- 75%
ถ้า pH ลดต่ำกว่ารถต่ำกว่า 7.4 ส่งผลให้H+ที่ เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการหายใจเพื่อกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้สูงpHขึ้น
ถ้า pH เพิ่มสูงกว่า 7.4 ส่งผลให้ H+ ที่ที่ลดลงจะลดการหายใจเพื่อเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้ pH ต่ำลง
การควบคุมภาวะกรด-ด่างโดยไต
กลไกวิธีการกลไกวิธีการภาวะกรด-ด่างโดยไต
ไตจะขับ HCO3-
โดยการแลกเปลี่ยน Na+ กับ H+ส่ โซเดียมไอออนจะถูกดึกกลับในท่อไตซึ่งจะแลกกับ H+ และ H+จะถูกขับออกทางปัสสาวะซึ่งเป็นกรดดังนั้นน้ำภายนอกเซลล์จะมีความเป็นกรดน้อยลง
ไตจะสามารถสร้างแอมโมเนียได้ซึ่งเมื่อรวมกับไฮโดรเจนไอแอนได้เป็นแอมโมเนียไอแอนในท่อไตร่างกายจะมีแนวโน้มที่จะเกิดกรดได้ค่อนข้างมากเพราะมีการข้างของคาร์บอนไดออกไซด์และมีการข้างของของเสียจากเมแทบอลิซึม
กลไกลวิธีการรักษาสมดุลกรด-ด่างโดยไต
การดูดซึม bicarbonate ที่กรองผ่าน glomeruli กลับที่proximal tubule รอ้ ยละ 75 ของ bicarbonate ที่ถูกกรองจากไตจะถูกดูดกลับบริเวณนี้
การขับกรดออกมาในปัสสาวะที่ distal tubule และ collecting duc
การขับ bicarbonate จาก distal tubule และ collecting duct ออกมาในปัสสาวะกรณีที่ร่างกายมีภาวะเป็นด่าง
ความผิดปกติของสมดุลกรด-ด่าง
Primary metabolic acidosis
primary metabolic alkalosis
Primary respiratory acidosis
Primary respiratory alkalosis
วิธีประเมินค่าความเป็นกรด- ด่างของร่างกาย
อิเล็กทรอไลท์
What Are Electrolytes?
•Substance when dissolved in solution dissociates into ions
•These ions are able to carry an electrical current
Types Of Electrolytes
CATION Positively charged
Electrolyte
ANION Negatively charged Electrolyte
Distribution Of Body Electrolytes In ECF and ICF
ECF Cations Na+ ( 140 mEq/L)
ECF Anions Cl- (103 mEq/L) เยอะที่สุด
Number Cations =Number Anions
ICF Cations K+ (150 mEq/L)
ICF Anions HPO4- (140 mEq/L) เยอะที่สุด
Functions Of Body Electrolytes
• K+: Essential for normal membrane excitability for nerve impulse
• Cl-: Regulates osmotic pressure and assists in regulating acid-base balance
Na+: Most abundant electrolyte in the ECF.
Ca2+: Promotes nerve impulse and muscle contraction/relaxation
Mg2+: Plays role in carbohydrate and protein metabolism, storage and use of intracellular energy and neural transmission. Important in the functioning of the heart, nerves, and muscles
Hypocalcemia
ที่พบได้บ่อยได้แก่ผู้ป่วยอุบัติเหตุ ภาวะไตล้มเหลวทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังการติดเชื้อในกระแสเลือดซึ้งเชื่อว่าอาจจะเป็นกลไ กของร่า งกายที่จะปกป้องการบาดเจ็บของเ ซลล์ในภาวะที่มีการอักเสบ
การที่มีการที่มีแคชเซี่ยมในเลือดต่ำอย่างรุนแรงได้แก่ tetany และในส่วนของภาวะแคลเซี่ยมในเลือดต่ำเรื้อรังอาจมีอาการผิดปกติทางด้านอารมณ์และจิตใจได้ผู้ป่วยอาจ มี basal ganglia calcification ที่แสดงอาการทางด้านxtrapyramidal อาการแสดงทางผิวหนังได้แก่ผื่นผิวหนังอักเสบ eczema หรืออาจมีอาการผมร่วงตรวจขึ้นไฟฟ้าหัวใจจะพบ prolonged QT interval
Hypercalcemia
ความเข้มข้นของแคลเซียมในพลาสม่ามาก กว่า
10.5 มก % แสดงว่าอยู่ในภาวะ Hypercalcemia
สาเหตุ
การละลายแคลเซี่ยมจากกระดูกเพิ่มขึ้นพ
รับประทานอาหารหรือมีการดูดแคลเซี่ยมมากเกินไป
ภาวะไต
Hyponatremia
รถดับซีรั่มโซเดียม <135 มิลลิโมล/ลิตร ความผิดปกติของโซเดียมในเลือดสัมพันธ์กับการรักษาที่ไม่ดีในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงและยังเพิ่มอัตราการเสียชีวิตในภาวะอื่นเช่น ปอดอักเสบ
สาเหตุ
เกิดจากความสามารถในการขับสารน้ำ(Free Water)ของใจนั้นผิดปกติไปหรือทำได้ไม่เพียงพอ
เกิดจากการสูญเสียโซเดียม
อาการ
สมองบวมน้ำเช่นปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ซึมลง หมดสติตรวจไม่พบความไวของ ดิ
deep tendon reflexes ลดลง ช็อค เสียชีวิตจากภาวะ Brian herniation
Hypernatremia
ระซีรั่มโซเดียมสูงกว่า 150 มิลลิโมนต่อลิตร
สาเหตุ
Medication meals
Osmotic diuretics
Diabetes insipidus
Excessive H2O loss
Low H2O intake
อาการ
เป็นผลจากค่าออสโมลาลิตีในเลือดสูงขึ้นทำให้น้ำภายในเซลล์ เคลื่อนเข้าสู่ ภายนอกเซลล์ภายนอกเซลล์ส่งผลให้ปริมาตรของเซลล์ลดลงโดยเฉพาะในระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ป่วยที่มีอาการทางประสาทเช่นสับสน ซึม ชัก
Hypokalemia
คือค่าซีรั่มโพแทสเซียม < 3.5 3.5 มิลลิโมนต่อลิตร
สาเหตุ
การได้รับโพเทสเซี่ยมไม่เพียงพอ การสูญเสียไปทางปัสสาวะหรือทางระบบทางเดินอาหารและการที่โพแทสเซียมย้ายเข้าสู่เซลล์
อาการ
มักเกี่ยวข้องอาการมักเกี่ยวข้องกับระบบประสาทเช่นกล้ามเนื้ออ่อนแรงท้องผุและอาจทำให้เกิดภาวะ rhabdomyolysis ได้ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือหัวใจเต้นผิดจังหวะโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงหัวใจล้มเหลวหรือมีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเดิมอยู่
Hyperkalemia
คือภาวะที่โพแทสเซียมในเลือดมากกว่า 5 มิลลิโมง/ลิตร
อาการ
หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย อ่อนแรง
เจ็บหน้าอก ใจสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เกิดน้ำคลั่งในร่างกาย
สาเหตุ
อาการ
นางสาวศศิวิมล จอมทิพย์
UDA6380058