Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจก่อให้เกิดอันตราย, นางสาวปิยนุช เหล็มโสะ …
สภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
ความหมายและประเภทของสิ่งแวดล้อมการทำงาน
สามารถจำแนกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ สิ่ง
คุกคามต่อสุขภาพและสิ่งคุกคามต่อความปลอดภัย เมื่อผู้ปฏิบัติงานต้องปฏิบัติงานอยู่ในสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน โดยการตอบสนองต่ออันตรายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน เกิดโรคจากการทำงาน และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ความหมายสิ่งแวดล้อมการทำงาน สิ่งแวดล้อมการทำงาน หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบตัวผู้ประกอบอาชีพในขณะทำงาน เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน เครื่องจักร แสง เสียง อุณหภูมิ เป็นต้น
ประเภทของสภาพแวดล้อมในการทำงาน การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน แบ่งสภาพแวดล้อมในการทำงานออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่
2.1 สิ่งคุกคามทางกายภาพ (Physical hazards) คือ สิ่งคุกคามที่เป็นพลังงานทางฟิสิกส์ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เกิดโรคในคนได้ เช่น อุณหภูมิ (ความร้อน+ความเย็น) ความดันบรรยากาศ ความสั่นสะเทือน เสียงดัง แสง รังสี เป็นต้น
2.2 สิ่งคุกคามทางเคมี (Chemical hazards) คือ สิ่งคุกคามที่เป็นสารเคมีทุกชนิดซึ่งมีสมบัติเป็นพิษต่อคนได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะแก๊ส ของเหลว หรือของแข็งก็ตาม
2.3 สิ่งคุกคามทางชีวภาพ (Biological hazards) คือ สิ่งคุกคามที่เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเชื้อจุลินทรีย์ แมลง หรือสัตว์ก่อโรค รวมทั้งเนื้อเยื่อหรือสารคัดหลั่งของสิ่งมีชีวิต
2.4 สิ่งคุกคามทางการยศาสตร์ (Ergonomics hazards) คือ สิ่งคุกคามที่เกิดจากสภาพการทำงานไม่เหมาะสม เช่น ทำงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำงานอย่างเร่งรีบ การทำงานเป็นกะ
สิ่งคุกคามจากสภาพแวดล้อมในการทำงานด้านกายภาพ
สภาพแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่การทำงานโดยที่ผู้ปฏิบัติงานมีโอกาสสัมผัสอันตรายเหล่านี้ได้โดยใช้ประสาทสัมผัส เช่น การมองเห็น การได้ยิน หรือสัมผัสทางผิวหนัง สภาพแวดล้อมในการทำงานด้านกายภาพนี้สามารถจำแนกออกเป็น 7 กลุ่ม ดังนี้
เสียงรบกวน (Noise) เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุแล้วส่งผ่านไปยังตัวกลางที่เป็นของแข็ง ของเหลวและก๊าซ ผ่านเข้าสู่หูของผู้ปฏิบัติงานทำให้เกิดการได้ยินเสียงที่คนเราได้ยินนั้น
Noise หมายถึง เสียงที่คนเราเมื่อได้ยินแล้วเกิดความรู้สึกไม่สบายหรือเป็นสิ่งรบกวนทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงและอาจส่งผลให้เกิดโรคจากการทำงาน
Sound หมายถึง เสียงที่ฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลินรู้สึกสบายในการรับฟังเสียงเหล่านี้ ได้แก่ เสียงดนตรี เสียงธรรมชาติ รวมทั้งเสียงเพลงบรรเลง ซึ่งแต่ละบุคคลมีความชื่นชอบแตกต่างกัน
สั่นสะเทือน (Vibration) หมายถึง การเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นคลื่นของวัตถุ ซึ่งอาจจะเป็นก๊าซ ของเหลว หรือของแข็งในลักษณะที่เป็นคลื่น
ความร้อน (Heat) เป็นพลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือนของโมเลกุลของวัตถุ ความร้อนเกิดจากแหล่งกำเนิดที่สำคัญ 3 แหล่ง คือ เกิดจากการได้รับจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เกิดจากกิจกรรมหรือการทำงาน และเกิดจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหารที่ร่างกายกินเข้าไป(Metabolism)
ความเย็น (Cold) การปฏิบัติงานในสภาวะแวดล้อมที่เย็นหรือพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ส่งผลให้ร่างกายของผู้ปฏิบัติงานมีการตอบสนองต่อความเย็นตรงข้ามกับการตอบสนองในสภาวะแวดล้อมที่ร้อน
รังสีแตกตัว lionizing Radiation และรังสีไม่แตกตัว Non- lonizing Radiation เป็นการปล่อยอนุภาคหรือพลังงานในรูปขอคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยสเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แบ่งได้หลายชนิด ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นและความถี่ของรังสีแต่ละชนิด
ความกดดันอากาศ Pressure โดยทั่วไประดับความกดดันอากาศปกติที่ระดับน้ำทะเลมีค่าเท่ากับ 760 มิลลิเมตรของปรอท การทำงานในที่ที่มีความกดดันอากาศผิดปกติส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
6.1 ความกดดันอากาศที่ต่ำกว่าปกติ คือ การทำงานในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล
6.2 ความกดดันอากาศที่สูงกว่าปกติคือ การทำงานในระดับที่ต่ำกว่าน้ำทะเล
6.3 การทำงานในที่อับอากาศ หมายถึง การทำงานที่มีทางเข้าออกจำกัดและมีการระบายอากาศที่ไม่เพียงพอ
แสงสว่าง Light เป็นพลังงานรูปหนึ่งซึ่งประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเดินทางจาก
ดวงอาทิตย์มายังพื้นผิวโลก มีย่านความยาวคลื่นต่าง ๆ มากมาย
สิ่งคุกคามจากสภาพแวดล้อมในการทำงานด้านเคมี
ทางเข้าสู่ร่างกายของสารเคมีเมื่อสารเคมีเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเกิดการดูดซึมและกระจายตัวไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งเกิดกระบวนการเมตาโบไลท์ (Metabolite) หรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารเคมีเป็นสารชนิดอื่น สารเคมีสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง
1.1 ทางการหายใจ (Inhalation) สารเคมีจะปนกับอากาศเข้าสู่ปอด
1.2 ทางผิวหนัง (Skin) สารเคมีบางชนิดดูดซึมผ่านผิวหนังปกติได้ สารเคมีบางชนิดสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายทางรูขุมขนได้
1.3 การกิน (Ingestion) สารเคมีสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยการกิน ส่วนใหญ่มักเกิดจากสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ไม่ดี เช่น รับประทานอาหารในที่ทำงาน ไม่ล้างมือหลังจากทำงาน เป็นต้น
การแบ่งชนิดของอนุภาคตามลักษณะทางกายภาพ อนุภาคของสารเคมีที่แขวนลอยในบรรยากาศ เรียกว่า แอโรซอล (Aerosol) อนุภาคตามรูปร่างและลักษณะทางกายภาพออกเป็น 7 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ฝุ่น (Dust) เป็นอนุภาคของแข็งที่ฟุ้งกระจายในอากาศ ฝุ่นเกิดจากการบดตี ทุบ กระแทก หรือการทำให้แตกด้วยความร้อน
2.2 ฟูม (Fume) เกิดเมื่อโลหะได้รับความร้อนสูงจนถึงระดับที่สามารถระเหยกลายเป็นไอได้ โดยทั่วไปจะสูงกว่าจุดหลอมเหลวของโลหะนั้น ๆ ไอของโลหะลอยตัวสูงขึ้นไปในอากาศ
2.3 ควัน (Smoke) เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารประกอบที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
2.4 ละออง (Mists) เป็นอนุภาคของเหลวที่ฟุ้งกระจายอยู่ในบรรยากาศ ที่มีขนาดน้อยกว่า 10 ไมครอน
2.5 เส้นใย (Fiber) คือ วัสดุที่มีขนาดเล็กแต่มีความยาวมาก เกิดจากการบด การตัด และการทำเหมืองแร่ เช่น เส้นใยแอสเบสตอส เส้นใยทรีโมไลท์ เป็นต้น
2.6 ก๊าซ (Gases) คือของไหลที่มีปริมาตรหรือรูปทรงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับภาชนะที่บรรจุสามารถฟุ้งกระจายในบรรยากาศได้
2.7 ไอระเหย (Vapor) หมายถึง สภาวะที่เป็นก๊าซได้ของแข็งหรือของเหลว ที่อุณหภูมิและความดันปกติ เช่น ไอระเหยของน้ำมัน ไอระเหยของทินเนอร์ ไอระเหยของเบนซีน ไอระเหยของลูกเหม็นหรือNaphthalene เป็นต้น
อาการและอาการแสดงออกของร่างกายเมื่อได้รับสารเคมี จะทำให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อสารเคมีใน 3 ลักษณะ ดังนี้
3.1 อาการเฉียบพลัน (Acute Toxicity) จะแสดงอาการเกิดพิษภายใน 24ชั่วโมงหลังจากได้รับสารเคมีหรือสารพิษ
3.2 อาการเรื้อรัง (Chronic Toxicity) จะแสดงอาการเกิดพิษหลังจากได้รับสารเคมี
ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป
3.3 อาการกึ่งเรื้อรัง (Sub chronic Toxicity) จะแสดงอาการเกิดพิษ
หลังจากได้รับ
สารเคมีติดต่อกันเป็นเวลานานประมาณ 1 – 3 เดือน
ผลกระทบต่อสุขภาพจากสารเคมี
4.1 การระคายเคือง (Irritant) หมายถึง สภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อการสัมผัสสารเคมี
มีอาการปวดแสบปวดร้อน ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น
4.2 การขาดออกซิเจน (Asphyxiants) หมายถึง การได้รับออกซิเจนในปริมาณไม่พอเพียง
ต่อความต้องการของร่างกาย อาจทำให้มีอาการเป็นลม หรือหมดสติ
ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบในการเกิดอันตรายจากสารเคมีต่อร่างกาย
5.1 ชนิดของสารที่ได้รับ
5.2 ปริมาณหรือความเข้มข้นของสารเคมีที่ได้รับ
5.3 ระยะเวลาที่ได้รับ
5.4 เพศของผู้ได้รับสารเคมี
5.5 อายุของผู้ได้รับสารเคมี
5.6 พันธุกรรม
5.7 ภูมิไวรับของผู้สัมผัสสารเคมี
6.ค่ามาตรฐานสารเคมีในสิ่งแวดล้อม
ค่ามาตรฐานของสารเคมีในสิ่งแวดล้อมมีหลาย
หน่วยงานที่พัฒนาค่ามาตรฐานนี้ ทั้งในรูปแบบของค่ามาตรฐานตามกฎหมายและค่ามาตรฐาน
แนะนำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน เช่น ค่ามาตรฐานของกฎหมายไทย ได้กำหนดไว้ใน
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการท างานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (สารเคมี)
สิ่งคุกคามจากสภาพแวดล้อมในการทำงานด้านชีวภาพ
สภาพแวดล้อมที่เกิดจากการสัมผัสอันตรายทางด้านชีวภาพหรือสิ่งมีชีวิต แล้วทำให้เกิดการก่อโรคหรือการเจ็บป่วยเกิดขึ้นอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสอันตรายทางด้านชีวภาพ อันตรายทางด้านชีวภาพสามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
1.จุลินทรีย์และพิษจุลินทรีย์ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว สามารถก่อโรคต่างๆ ได้ขึ้น
สัตว์เลื้อยคลานและแมลงกัดต่อย เป็นอันตรายอย่างมากกับผู้ปฏิบัติงาน เช่น งูพิษชนิดต่าง ๆ แมงมุม แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน ตะขาบ เป็นต้น
สารที่ทำให้เกิดการแพ้พิษจากพืช ทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ คันจากการสัมผัส เช่น ตำแยหรือหมามุ่ยหรือพืชที่มีขนชนิดต่าง ๆ
โปรตีนจากสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ทำให้เกิดการแพ้ได้แก่ ปัสสาวะ อุจจาระ ผม น้ำลายและโปรตีนจากสัตว์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการแพ้ได้
สารกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ พืชชั้นต่ำ เช่น Lichen และเฟิร์น เมื่อสูดดมเข้าไปในปอดทำให้เกิดอาการแพ้ รวมทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ โปรโตซัว พยาธิตัวกลม พยาธิตัวแบน ทำให้ร่างกายได้รับโทษจากหนอนพยาธิเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาธิใบไม้ตับทำให้เกิดมะเร็งตับได้
สิ่งคุกคามจากสภาพแวดล้อมในการทำงานด้านการยศาสตร์และทางจิตวิทยาสังคม
การปฏิบัติงานในลักษณะท่าทางฝืนธรรมชาติ เช่น มีการยืดหรือเหยียดกล้ามเนื้อมากเกินไป มีการเอี้ยวหรือบิดตัวในลักษณะที่ฝืนธรรมชาติ
การทำงานซ้ำซากจำเจ เช่น การตรวจสอบชิ้นงานขนาดเล็กตลอดทั้งวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถทำให้เกิดความเบื่อหน่ายจากการปฏิบัติงาน
การออกแบบสถานีงาน เครื่องมือไม่เหมาะสม เช่น เครื่องมือมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป ทำให้ต้องออกแรงมาก หรือสถานีงานสูงหรือต่ำเกินไป ทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายในการปฏิบัติงาน เป็นต้น
การทำงานกะ (Shift Work) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในเวลากลางคืน ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
การทำงานที่มีระยะเวลายาวนาน เช่น การปฏิบัติงานล่วงเวลาหรือ OT (Over Time)ส่งผลเสียต่อร่างกาย
นางสาวปิยนุช เหล็มโสะ
รหัสนักศึกษา6312436015