Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวม ในทารกแรกเกิดที่มี …
การพยาบาลแบบองค์รวม
ในทารกแรกเกิดที่มี
ภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพ
การบาดเจ็บ
จากการคลอด
ทารกที่คลอดท่าก้น
มีขนาดตัวโต
ระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนาน
ได้รับการช่วยคลอดด้วยคีม
เครื่องดูดสุญญากาศ
ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
2.ก้อนโนเลือดที่ศีรษะ
(Cephalhematoma )
สาเหตุ
เกิดจากมารดามีระยะเวลา
การคลอดยาวนาน
ศีรษะทารกถูกกดจาก
ช่องคลอด
จากการใช้เครื่องสูญญากาศ
ช่วยคลอด
เป็นผลให้หลอดเลือดฝอยบริเวณ
เยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
ทารกฉีกขาด
เลือดซึมออกมานอกหลอดเลือด
ใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
ภาวะแทรกซ้อน
หากก้อนในเลือดมีขนาดใหญ่
จะเกิดภาวะระดับบิลิรูบิน
ในเลือดสูง (hyperbilirubinemia)
อาจเกิดการติดเชื้อจากการดูด
เลือดออกจากก้อนโนเลือด
อาการและอาการแสดง
จะปรากฏให้เห็นชัดเจน
ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิด
ลักษณะการบวมจะมีขอบเขต
ชัดเจนบนกระดูกกะโหลกศีรษะ
ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง
รายที่มีอาการรุนแรงอาจพบ
อาการแสดงทันทีหลังเกิด
พบก้อนโนเลือดมีสีดำหรือน้ำเงินคล้ำ
แนวทางการรักษา
ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน ก้อนโน
เลือดจะค่อยๆหายไปได้เอง
อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์
ในรายที่ก้อนเลือดมีขนาดใหญ่
อาจรักษาโดยการดูดเลือดออก
เป้าหมายทางการพยาบาล
ระบุความเสี่ยงของทารก
เลือกวิธีการคลอดที่ปลอดภัย
ต่อทารก
ภายหลังคลอดทารกจะต้อง
ได้รับประเมินการบาดเจ็บจาก
การคลอดทุกราย
เพื่อให้ได้รับการแก้ไขปัญหา
อย่างรวดเร็ว
1.ก้อนบวมโนที่ศีรษะ
(Caput succedaneum)
ก้อนบวมโนนี้จะขามรอยต่อ
( suture )ของกระดูกกะโหลกศีรษะ
เกิดจากการคลั่งของของเหลว
ระหว่างชั้นหนังศีรษะกับชั้นเยื่อ
หุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
สาเหตุ
เกิดจากแรงดันที่กดลงบนบริเวณศีรษะ
ทารกระหว่างคลอดท่าศีรษะ
ทำให้มีของเหลวซึมออกมานอก
หลอดเลือดในชั้นใต้เยื่อหุ้มหนังศีรษะ
จากการใช้เครื่องดูดสูญญากาศ
ช่วยคลอด(V/ E)
อาการและอาการแสดง
พบได้บริเวณด้านข้างของศีรษะ
ก้อนบวมโนนี้ทำให้ศีรษะ
มีความยาวมากกว่าปกติ
แนวทางการรักษา
สามารถหายได้เองโดย
ไม่จำเป็นต้องรักษา
จะหายภายในไม่กี่ชั่วโมง
หลังคลอด
ประมาณ 3 วัน ถึง2-3 สัปดาห์
ขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนบวม
ในที่เกิดขึ้น
3.เลือดออกใต้เยื่อบุนัยน์ตา
(Subconjunctival hemorrhage)
สาเหตุ
เกิดจากการที่มารดาคลอดยาก
ศีรษะทารกถูกกด
หลอดเลือดที่เยื่อบุนัยน์ตาแตก
ทำให้มีเลือดซึมออกมา
แนวทางการรักษา
สามารถหายไปได้เองโดย
ไม่ต้องการการรักษา
โดยใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
4.เส้นประสาทที่มาเลี้ยง
ใบหน้าบาดเจ็บ
(Facial nerve palsy)
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกด
ในระหว่างที่ศีรษะผ่าน
หนทางคลอดหรือถูกกด
จากการใช้คีมช่วยคลอด
(forceps extraction)
สาเหตุ
เกิดจากการได้รับบาดเจ็บจาก
การคลอดโดยเฉพาะในรายที่คลอดยาก
พยาธิสรีรภาพ
จากการที่มารดามีภาวะคลอดยาก
หรือทารกได้รับบาดเจ็บจาก
การคลอดทำให้เนื้อเยื่อ
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
ของใบหน้าทารกถูกทำลาย
เป็นผลให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
และรอบดวงตาทำงานผดปกติ
ซึ่งในรายที่เส้นประสาท
ถูกทำลายอย่างรุนแรงจะ
มีผลให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
และตาข้างที่เส้นประสาทถูก
ภาวะแทรกซ้อน
ในรายที่มีอาการรุนแรง
ไม่สามารถปิดตาได้อาจ
ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
คือกระจกตาเป็นแผล
(corneal ulcer) ที่ตาของทารกข้าง
ที่กล้ามเนื้อหน้าเป็นอัมพาต
อาการและอาการแสดง
กล้ามเนื้อใบหน้าข้างที่
เส้นประสาทเป็นอัมพาตจะอ่อนแรง
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่สามารถ
เคลื่อนไหวหน้าผากข้างที่เป็น
อัมพาตให้ย่นได้
ไม่สามารถปิดตาได้
เมื่อร้องไห้มุมปากจะเบี้ยวไม่
สามารถเคลื่อนไหวปากข้างนั้นได้
กล้ามเนื้อจมูกแบนราบ
6.กระดูกไหปลาร้าหัก
(Fracture clavicle)
• กระดูกไหปลาร้าหัก
• กระดูกต้นแขนหัก
• กระดูกต้นขาหัก
กระดูกหักใน
ทารก(Fracture)
กระดูกไหปลาร้าหัก
:check: มีอัมพาตเทียม (pseudoparalysis)
:check: ) ไม่เคลื่อนไหวแขนข้างที่กระดูก
ไหปลาร้าหัก(ไม่มีmoro reflex)
:check: คลำบริเวณที่หักได้ยินเสียง
กรอบแกรบ (crepitus) และไม่เรียบ
กระดูกสะโพกเคลื่อน (hip dislocation)
หัวกระดูกขาหลุดออกจากเบ้ากระดูกสะโพก
เส้นเอ็นถูกยืดออกเป็นผลทำให้
หัวกระดูกต้นขา ถูกดึงรั้งสูงขึ้น
การหักของกระดูกแขน (humerus)
หรือกระดูกขา
ได้ยินเสียงกระดูกหักขณะทำคลอด
บริเวณที่มีกระดูกหักมีสีผิวที่ผิดปกติ
การตรวจร่างกาย
โดยการทำให้ทารกผวาตกใจ
จะพบว่าทารกไม่มีเคลื่อนไหว
แขนข้างที่หัก ทารกมีการเคลื่อน
ของกระดูกข้อสะโพกหรือไม่นั้นทำ
โดยวิธี Ortolani maneuver คือ
วางหัวแม่มือให้อยู่บริเวณต้นขาด้านใน
อีกสี่นิ้วอยู่ด้านนอกจับเข่าทารก
งอแล้วกางขาออกถ้าได้ยินเสียง “click”
และรู้สึกว่ามีแรงต้านต่อการกาง
ขาออกแสดงว่ามีการเคลื่อนของกระดูก
ข้อ สะโพก
อาการและอาการแสดง
• มีอาการบวม เวลาทำ
passive exercise ทารกจะร้อง
เนื่องจากเจ็บปวด
• กระดูกเดาะ(greenstick fracture)
อาจไม่มีอาการใด ๆ ประมาณ 7 – 10
วันหลังเกิดอาจจะคลำได้
กระดูกที่หนาขึ้น (callus formation)
การรักษา
• อยู่นิ่งอย่างน้อย2 – 4 สัปดาห์
• กระดูกไหปลาร้าหักโดยให้แขน
และไหล่ด้านที่กระดูกไหปลาร้าหัก
อยู่นิ่ง พยายามไม่ให้เคลื่อนไหว
• กระดูกต้นแขนเดาะใช้ผ้าตรึงแขน
ติดลำตัว
• กรณีที่หักอย่างสมบูรณ์รักษาโดย
ใช้ผ้าพันรอบแขนและลำตัวหรือ
ใส่เฝือกอ่อนจากหัวไหล่ถึงสันหมัด
• ถ้าหักไม่สมบูรณ์(incomplete fracture)
รักษาโดยการใส่เฝือกขา
• ถ้าหักแยกจากกัน (complete fracture)
รักษาด้วยวิธีการใช้แรงดึง
5. อัมพาตที่แขน
(Brachial plexus palsy)
สาเหตุ
การทำคลอดไหล่ที่รุนแรง
การทำคลอดท่าศีรษะผิดวิธี เช่น
ทำคลอดโดยการเหยียดศีรษะ
และคอของทารกอย่างรุนแรง
การทำคลอดแขนให้อยู่เหนือ
ศีรษะในรายทารกใช้ก้นเป็นส่วนนำ
1. Erb – Duchenne paralysis
2. Klumpke’ s paralysis
3. Combined หรือ Total
brachial plexus injury
การรักษา
• ให้เริ่มทำ passive movement
เมื่อเส้นประสาทยุบบวม
• โดยทั่วไปจะรอจนกว่า
ทารกอายุ 7 – 10 วัน
• ให้แขนอยู่นิ่ง
(partial immobilization)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
• ภาวะแลกเปลี่ยนแก๊สบกพร่อง
เนื่องจาก ร่างกายได้รับออกซิเจน
ไม่เพียงพอเนื่องจากขาดออกซิเจน
ขณะอยู่ในครรภ์การคลอดลำบาก
ได้รับการบาดเจ็บจากการคลอด
• ภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่อง
จากการบาดเจ็บจากการคลอด
• ภาวะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
เนื่องจากเนื้อเยื่อบาดเจ็บเนื่องจาก
การคลอดยากคลอดเฉียบพลัน
กิจกรรมการพยาบาล
:check: ทบทวนประวัติการฝากครรภ์
และการคลอด
:check: ประเมินทารกโดยวางใต้
radiant warmer
:check: สังเกตท่าทางการนอนของทารก
ดูความสมดุลของการงอแขน
ขา การเคลื่อนไหว
:check: ประเมินสีผิวอาการฟกช้ำจุดจ้ำ
เลือดรอยถลอกและแผลฉีกขาด
:check: ประเมินขนาดรูปร่างการยืดขยาย
ของหน้าท้อง ฟังเสียง ลำไส้เคลื่อนไหว
:check: . ประเมิน Moro Reflex,
Barbinski Reflex และการคดงอของกระดูก
การเคลื่อนไหวร่างกายบกพร่อง
เนื่องจากเนื้อเยื่อ และเส้นประสาท
บาดเจ็บเนื่องจากการคลอดยาก
กิจกรรมการพยาบาล
:check: ทบทวนบันทึกประวัติการคลอด
:check: ประเมินการเคลื่อนไหวของอวัยวะ
ที่บาดเจ็บแรงของกล้ามเนื้อ ท่าทาง
ความเจ็บปวด
:check: ใส่เสื้อผ้าและสัมผัสทารกอย่าง
นุ่มนวล หลีกเลี่ยงการวางของ
ทับส่วนที่ทารกบาดเจ็บ
:check: สอนครอบครัวดูแลทารกโดย
ไม่ให้ออกแรงตรง อวัยวะที่บาดเจ็บ
:check: ช่วยทารกออกกำลังกล้ามเนื้อข้างที่มี
ภาวะ Erb’s palsy ทุก 2- 4 ชม
การกำซาบของเนื้อเยื่อบกพร่อง
: สมองเนื่องจากสมองได้รับเลือด
และออกซิเจนไปเลี้ยงน้อยลง
เนื่องจากร่างกายมีภาวะขาด
ออกซิเจน แรงดันภายในสมอง
เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีเลือด
ออกในสมอง
กิจกรรมการพยาบาล
:check:จำแนกความเสี่ยงของ
ทารก การเตรียมบุคลากร
และเครื่องมือ
:check: แรกคลอดประเมินลักษณะ
การหายใจอัตราการเต้นของหัวใจ
สีผิว และช่วยเหลือกู้ชีพทารก
ตามอาการ
:check: ประเมินและจดบันทึกคะแนน
แอปการ์และค่าแก๊สในเลือด
ที่สายสะดือทารก
:check: ดูแลให้ได้รับออกซิเจน
ตามแผนการรักษา
:check: บันทึกค่า SaO2 , TCO2
และ ABGs
:check: จัดท่าให้ทารกนอนศีรษะสูง
ลำคอตรง
:check: ดูดมูกในทางเดินหายใจ
เฉพาะเมื่อจำเป็น และให้ออกซิเจน
ทุกครั้งก่อนและหลังทำ
นางสาวสุธิตา หมื่นนันทะ เลขที่ 140 รหัสนักสึกษา 61120301144 ชั้นปีที่ 4