Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัวใจพิการแต่กําเนิดชนิดไม่เขียว, นางสาวสิริมา หลีเจริญ รหัส 621001124…
โรคหัวใจพิการแต่กําเนิดชนิดไม่เขียว
ความหมาย
ความผิดปกติในโครงสร้างของระบบหลอดเลือด และ/หรือหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด โดยทั่วไปตั้งแต่ระยะที่อยู่ในครรภ์มารดา ตั้งแต่อายุ 18 วัน จนถึง 2 เดือน ที่มีการสร้างหัวใจและหลอดเลือด มีบางชนิดเกิดในระยะท้ายกว่านี้
Atrial Septal Defect
พยาธิสภาพ
เลือดแดงในหัวใจห้องบนซ้ายมีความดันสูงกว่าด้านขวา จะไหลผ่านตรงทางรูรั่วที่ผิดปกติเข้าไปเข้าไปในหัวใจห้องบนขวาลงสู่ห้องล่างขวาเป็นผลให้เกิด left to right shunt ทำให้หัวใจห้องบนขวาและห้องล่างขวาโตและขยายตัวขึ้นเนื่องจากต้องทำงานที่เพิ่มขึ้นเมื่อเลือดมีจำนวนมากกว่าปกตินั้นไหลผ่านออกสู่หลอดเลือดในปอดเป็นเวลานานนับปีทำให้หลอดเลือดในปอดชั้น media หนาตัวขึ้นเป็นการเพิ่มแรงต้านที่ปอดเพื่อให้เลือดไหลผ่านปอดน้อยลง เเต่ขณะเดียวกันหัวใจห้องล่างขวาต้องออกเเรงบีบตัวมากขึ้นเพื่อดันเลือดจำนวนมากออกไปให้หมด เกิดภาวะ tricuspid valve รั่วตามมาได้
การพยาบาล
ดูเเลให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนเเละเเคลอรี่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
ดูเเลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ปอดโดยดูกเเลเรื่องความสะอาดของช่องปากเเละฟัน
ดูเเลให้ได้รับยาตามเเผนการรักษา
ดูเเลให้ได้รับน้ำปริมาณที่จำกัด หรือจำปริมาณนมต่อวันตามเเผนการรักษา
ดูเเลให้ทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับร่างกายเเละสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
สาเหตุ
ความผิดปกตินี้ไม่ทำให้เลือดดำ (ที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำ) จากหัวใจซีกขวามาผสมกับเลือดแดงในหัวใจซีกซ้าย ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายยังคงเป็นเลือดแดง (ที่มีปริมาณออกซิเจนสูง) จึงไม่มีอาการเขียว ความผิดปกติที่พบอาจเกิดที่ผนังกั้นหัวใจมีรู ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท (รั่ว) หรือเปิดไม่กว้างเท่าปกติ (ตีบ) หรือหลอดเลือดตีบ หรือเกินปกติ เป็นต้น
อาการเเละอาการเเสดง
อาการหัวใจวาย (congestive heart failure)
จากการที่หัวใจต้องทำงานมากเกินไป
เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง
ในเด็กเล็กมักดูดนมได้ครั้งละน้อยๆ หยุดพักบ่อย
น้ำหนักขึ้นช้า,ตัวเล็ก
การตรวจพบได้แก่ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว หัวใจโต (หน้าอกโป่ง) ตับโต
เป็นลมหมดสติ (syncope)
ส่วนใหญ่พบในรายที่มีอาการตีบแคบของลิ้นหัวใจของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงร่างกายอย่างรุนแรง
ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาออกกำลัง
ไม่มีอาการผิดปกติ
ตรวจพบแต่เสียงหัวใจผิดปกติโดยบังเอิญ ได้แก่เสียงฟู่ของหัวใจ (murmur)
การวินิจฉัย
ภาพถ่ายรังสีทรวงอกและหัวใจ (chest x-ray)
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiography)
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiography)
การสวนหัวใจและฉีดสารทึบรังสี
การรักษา
การใช้ยาควบคุมอาการ
เช่น หัวใจวาย ได้แก่ ยาเพิ่มการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
การผ่าตัดรักษา หรือบรรเทาอาการ
การปิดรูรั่วที่ผนังหัวใจ
การผูกหลอดเลือด
การสลับที่ของหลอดเลือด
การรักษาทางสายสวนหัวใจ
การรักษาอื่น ๆ
การออกกำลัง
การดูแลสุขภาพในช่องปากและฟัน
การควบคุมชนิดของอาหาร
การนัดตรวจติดตามเป็นระยะ ๆ
Ventricular Septal Defect
พยาธิสภาพ
ความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิตซึ่งเป็นผลมาจาก VSD จะมากหรือน้อยขี้อยู่กับขนาดของรูรั่วระหว่าง ventricle โดยที่เลือดจะไหลลัดจาก ventricle ซ้ายไปขวาไหลไปสู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนแลว์ไหลสู่หัวใจห้องบนซ้ายลงสู่หวใจห้องล่างซ้ายซึ่งต้องทำงานเพิ่มมากขึ้นบีบตัวให้เลือดส่วนหนึ่งออกไปสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายโดยที่เลือดอีกส่วนหนึ่งผ่านรูรั่วกลับเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวาใหม่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายจึงโตกว่าปกติเมื่อเลือดลัดวงจรจากซ้ายไปขวานาน ๆ เข้าถ้าแรงต้านของหลอดเลือด pulmonary สูงกว่าแรงต้านของหลอดเลือดทั่วร่างกายจะทำให้มีการไหลกลับของเลือดคือแทนที่เลือดจะไปสู่ปอดเลือดจะลัดวงจรไหลย้อนผ่านทางเปิดจากหัวใจห้องล่างขวาไปซ้าย (right to left shunt) ทำให้เลือดดำไปเลี้ยงทั่วร่างกายผู้ป่วยจึงเกิดอาการเขียวเรียกว่า Eisenmenger 's syndrome
การพยาบาล
การดูเเลสุขภาพอนามัยที่ดี ระมัดระวังเเละป้องกันการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจ
ดูเเลให้รับประทานอาหารเเละเเคลอรี่ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
สังเกตอาการเหนื่อยมากจากการดูุดนม ให้ดูดนมเป็ยระยะ ๆ
-หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่จำเป็นเเละให้พักผ่อนมาก ๆ
จัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการตามวัยโดยพิจารณาจากข้อจำกัด
Patent Ductus Arteriosus
พยาธิสภาพ
ความดันของเลือดในหลอดเลือด aorta สูงกว่าในหลอดเลือดแดง pulmonary เป็นเหตุให้เลือดไหลจาก aorta กลับมายังที่หัวใจห้องบนซ้ำยลงสู่ห้องล่างซ้ายออกทาง aorta ใหม่วนเวียนไปเรื่อย ๆ เลือดที่มีออกซิเจนไหลเวียนปอดใหม่ทำให้หัวใจด้านซ้ายทำงานมากกว่าปกติและเกิดหัวใจโตเมื่อเลือดแดงไหลเวียนไปสู่ปอดมากขึ้นจะทำให้ความดันในปอดสูงเกิด right to left shunt เลือดดำจะผสมกับเลือดแดงไปเลี้ยงส่วนล่างของร่างกายทำให้เกิดอาการเขียวที่ขาและเท้า แต่แขนและใบหน้าไมมีอาการเขียวเรียกภาวะนี้ว่า differential cyanosis ซึ่งในระยะท้ายจะเกิดภาวะหัวใจวายได้
การพยาบาล
จัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการตามวัยโดยพิจารณาตามข้อกำจัด
เเนะนำให้สังเกตอาการที่ผิดปกติ เช่น หายใจเร็ว เหนื่อยหอบมาก ไม่ยอมดูดนม เป็นต้น ให้รีบมาพบเเพทย์
ส่งเสริมให้ออกกำลังกายหรือออกเเรงตามที่เหมาะสม
การมาตรวจตามนัดทุกครั้ง
ดูเเลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ปอด
Coarctation of Aorta
พยาธิสภาพ
aorta ส่วนที่เป็น coarctation แคบลงทาให้หัวใจห้อง ventricle ซ้ายทางานหนักมากและ aortic blood flow ลดลงเลือดไปเลี้ยงกลามเนื้อหวใจลดลงและทาให้การทางานของ ventricle ซ้ายเสียไปเป็นผลให้ความดันเลือดใน atrium ซายสูงขึ้นมี left to right shunt ทาให้เกิดอาการหวใจวายในเด็กโตจะมีอาการที่สาคัญคือความดนโลหิตในส่วนของแขนงกวาที่ขา pulse pressure จะกว้าง
การพยาบาล
ดูเเลให้ออกซิเจนเพื่อเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในร่ากาย
ดูเเลให้นอนในท่าศีรษะ fowler's position หรือ semi-fowler's position
ดูเเลให้ได้น้ำเเละนมตามเเผนการรักษา
บันทึกสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง หรือทุก 4 ชั่วโมงเเล้วเเต่สภาวะเเละความรุนเเรง
สังเกตอาการเเสดงของภาวะหัวใจวาย
Pulmonic stenosis
พยาธิสภาพ
พยาธิสภาพเกิดการอุดกั้นของทางออกของ ventricle ขวาทำให้ ventricle ขวาต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อให้มีปริมาณของเลือดไปปอดเพียงพอกล้ามเนื้อของ ventricle ขวาจึงหนาตัวขึ้นส่งผลให้เลือดจาก atrium ขวาไหลลง ventricle ขวาได้ไม่สะดวก atrium ขวาจึงมีขนาดใหญ่และผนังหนาขึ้นและอาจทำให้ความดันใน atrium ขวาสูงกว่า atrium ซ้ายเกิดเลือดไหลลัดวงจรจาก atrium ขวาไปซ้าย (right to left shunt) ทำให้เกิดอาการเขียวได้
การพยาบาล
เปิดโอให้ครอบครัวได้ระบายความรู้สึก ซักถามปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการดูเเลเด็ก
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หายใจเหนื่อย หอบมากขึ้น มีอาการเขียวมากขึ้น
ดูเเลให้อาหารที่มีคุรค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนเเละเเคลอรี่เพียงพอ
ดูเเลให้ผู้ได้รับการดูเเลสุขภาพช่องปากเเละฟันอย่างสม่ำเสมอ
นางสาวสิริมา หลีเจริญ รหัส 621001124