Acquired Heart Disease (โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง) โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease )

การรักษา

การวินิจฉัย

ความหมาย

การพยาบาล

อาการ

สาเหตุ

พยาธิสรีรวิทยา

เป็นความผิดปกติของลิ้นหัวใจซึ่งเกิดจากกระบวนการอักเสบของกล้ามเน้ือเยื่อหุ้มและหัวใจ จากเป็นไข้รูมาติค(Rheumatic fever) นำมาก่อนภาวะการอักเสบน้ีจะส่งผลให้เกิดการเสียหน้าท่ีของลิ้นหัวใจไปในระยะหลัง คือโรคลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว(regurgitation) ตีบ(stenosis) หรือ Aortic regurgitation ซึ่งต่อมาอาจทำให้เกิดหัวใจวายและลิ้นหัวใจผิดปกติอย่างถาวร สาเหตุของโรคน้ีมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ การติดเชื้อรูมาติคและการติดเชื้ออื่นๆ

กลไกของการเกิดโรคเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน (Immunopathology) ทำให้มีการทำลายของกล้ามเน้ือหหัวใจ โดยเฉพาะท่ีผนังของ left ventricle, mitral valve, aortic valve และเยื่อหุ้มหัวใจการอักเสบจะเป็นแบบ exudative inflammation เกิด granulomatus tissue และ fibrosis การอักเสบซ้าๆ จะทำให้ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วได้

เกิดจากกระบวนการอักเสบของกล้ามเนื้ออเยื่อหุ้ม และหัวใจจากเป็นไข้รูมาติค (Rheumatic fever) นํามาก่อนภาวะการอักเสบนี้ เป็นภาวะแทรกซ้อนของคออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ จากเชื่อ แบคทีเรียที่มีชื่อว่า (beta-hemolytic Streptococcus group A)

อาการทาง major criteria

อาการทาง minor criteria

  1. Polyarthritis
  1. อาการแสดงทางผิวหนัง
  1. Chorea
  1. Carditis : เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด

มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โดยเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจร่วมกับมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้พูดไม่ชัด เขียนหนังสือไม่ค่อยเป็นตัว มีความแปรปรวนทางอารมณ์ ติดกระดุมเสื้อไม่ได้

Subcutaneous nodule เป็นก้อนรี ๆ ใต้ผิวหนังจับให้เคลื่อนไหวได้ มักจะเป็นใกล้ๆ ข้อ เป็นปุ่มๆ ติดกับเอ็นและกระดูก

Erythema marginatum เป็นผื่นแดง ไม่คัน ขอบผื่นจะหยักและสีแดงชัดเจน มักพบบริเวณแขน ขา ลำตัว เป็นๆ หายๆ

การอักเสบของข้อ โดยมักจะมีอาการมากกว่า 1 ข้อ มักเป็นข้อใหญ่ๆ เช่นเข่าศอก ข้อ เท้า อาจเป็นทีละข้อแล้วเปลี่ยนไปข้ออื่น(migration)หรือเป็นพร้อมกันหลายข้อ ตรวจพบ ลักษณะการอักเสบ คือ ปวด บวม แดง ร้อน ส่วนใหญ่มักเป็นกับข้อใหญ่ๆของแขนและขา (เดินไม่สะดวก ปวด ข้อบวม)

เมื่อถ่าย x-ray จะเห็นการบวมของ soft tissues ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการที่ข้อจะเป็นอยู่ข้อละ 1–5 วันแล้วค่อยๆดีข้ึนเองโดยไม่มีความผิดปกติหลงเหลืออยู่

พบเสียง murmur ที่ apex จากภาวะ mitral valve ตีบหรือรั่ว

หัวใจโต หัวใจวาย เชานไอ เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ตับโต บวม

  1. Fever(ไข้) : มักจะเป็นแบบไข้ต่ำ

  1. Arthalgia: มีการปวดตามข้อโดยตรวจไม่พบอาการอักเสบคือปวดบวมแดงและร้อน มักจะเป็นตามข้อใหญ่ ๆ และปวดมากกว่า 2 ข้อข้ึนไป
  1. Prolonged P-R interval
  1. Previous Rheumatic fever or RHD (Rheumatic heart disease)
  1. increase ESR, C-Reactive protein และ leukocytosis

ตรวจร่างกาย

echocardiogram

(EKG)

chestx-ray

ตรวจ Lab

ซักประวัติ

พบอาการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

เพาะเชื้อจากคอ ตรวจหา Beta hemolytic streptococcus group A

Antistreptolysin O (ASO) ในเลือดมากกว่า320 Todd unit

ESR (Erythrocyte Sedimentation rate) เพิ่มข้ึน

C-reactive protein ให้ผลบวก

ช่วยวินิจฉัยการมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจการรั่ว/ตีบ ของลิ้นหัวใจ

P-Rintervalยาวกว่าปกติ T-wave ผิดปกติ

พบเงาหัวใจโตกว่าปกติปอดบวมน้ำมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเยื่อหุ้มปอด

  1. ถ้ามี Chorea ให้ Phenobarbital, Diazepam
    -ผู้ป่วยท่ีมีภาวะหัวใจวายให้ digitalis ร่วมกับยาขับปัสสาวะ เพื่อช่วยในการขยายหลอดเลือด
  1. ให้ยากำจัดเชื้อโรค Beta hemolytic streptococcus

3.ให้นอนพัก 2-6 สัปดาห์/เคลื่อนไหวไปมาในห้องเดินบริเวณใกล้ช่วยเหลือในการทำกิจกรรมทุกอย่าง ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับ อาการของผู้ป่วย

  1. ให้ยาสำหรับลดการอักเสบ

กรณีมี Carditis โดยที่หัวใจไม่โต ให้ Aspirin ขนาดเดิม นาน 4-6 สัปดาห์

ข้ออักเสบอย่างเดียว ให้ Aspirin นาน 1-3 สัปดาห์

  1. ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม เกลือ
  1. ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนกระตุ้นเด็ก เพื่อให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ เช่น เบ่งถ่ายอุจจาระ การเล่นกีฬาแข่งขัน หรือทําให้ตื่นเต้นเร้าใจ
  1. ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Penicillin v. และสังเกตผลข้างเคียงของยา
  1. ติดตามฟังเสียง murmur และระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเติม ถ้ามีอาการเจ็บคอ หวัด ไอ ควรปิดปากเวลาไอจาม
  1. ดูแลและให้คำแนะนําเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของปากและฟันสม่ำเสมอ
  1. วัด v/s ทุก 4 ชั่วโมง และทํา tepid sponge เมื่อผู้ป่วยมีไข้สูง > 38.5 องศาเซลเซียส
  1. ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ผลการตรวจเพาะเชื้อจากคอ ติดตาม WBC, ASO titer
  1. ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา กรณีมี Carditis และหัวใจโตมาก ไม่มี heart failure ให้ Aspirin 75- 120 มก/กก/วัน และ Prednisolone 2 มก/กก/วันและสังเกตผลข้างเคียงและติดตามอาการหลังให้ยา
  1. สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน ไอ เจ็บหน้าอก น้ำมูกไหล

นางสาวมิสบะห์ จูเกะ 621001069