Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture) - Coggle Diagram
การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture)
เป็นหัตถการที่ทำเพื่อการวินิจฉัยการติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง และ subarachnoid hemorrhage นอกจากนี้ยังเพื่อการรักษาโดยการให้ยาเข้าน้ำไขสันหลัง เช่น ยาเคมีบำบัด ยาระงับปวด สารทึบแสง เป็นต้น หรือใช้ระบายน้ำไขสันหลังเพื่อรักษาภาวะความดันในช่องกะโหลกศีรษะ
อุปกรณ์
อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ สำลี แอลกอฮอล์ 70% หรือ povidone-iodine
ถุงมือสะอาด, ผ้าปู, forceps
เข็มเบอร์ 18 เพื่อใช้ดูดยา และเข็มเบอร์ 23-26 ยาว 1 นิ้ว เพื่อใช้ฉีดยา
หลอดฉีดยา (syringe) ขนาด 3 มล.
Lidocaine 1% without adrenaline
เข็มเจาะน้ำไขสันหลัง แบบที่มี stylet (ขนาดตามตาราง)
ขวดปลอดเชื้อ สำหรับใส่น้ำไขสันหลัง
หลอดวัดความดันน้ำไขสันหลัง และท่อต่อ 3 ทาง (three-way stopcock)
พลาสเตอร์
ขนาดเข็มเจาะน้ำไขสันหลังที่เหมาะสมตามอายุ
ทารกก่อนกำหนด
22 gauge หรือเล็กกว่า ยาว 1.5 นิ้ว
ทารกแรกเกิด - 2 ปี
22 gauge ยาว 1.5 นิ้ว
2 - 12 ปี
22 gauge ยาว 2.5 นิ้ว
มากกว่า 12 ปี
20 หรือ 22 gauge ยาว 3.5 นิ้ว
วิธีทำ
จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม เพื่อให้ช่องระหว่าง lamina กว้างขึ้น โดยให้เด็กนอนตะแคงชิด ขอบโต๊ะ ช้อนแขนใต้ศีรษะเด็กให้ก้มคางชิดหน้าอก สอดแขนอีกข้างใต้เข่าเด็ก และงอเข่าขึ้นมาชิดหน้าท้อง ผู้ช่วยจับข้อมือของตัวเองให้แน่น จะทำให้สามารถจับเด็กได้อย่างมั่นคง (ภาพที่ 13) และดูแลให้ไหล่และสะโพกของเด็กตั้งฉากกับพื้น
คลำตำแหน่ง posterior superior iliac crests ลากเส้นสมมุติตรงลงมาที่กระดูกสันหลังจะอยู่ตรงกับช่องกระดูกสันหลังที่ L3-L4 เลือกเจาะน้ำไขสันหลังที่ระดับ L3-L4 หรือ L4-L5 เด็กทารกอาจเลือกที่ระดับ L2-L3 ได้
ทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เริ่มจากตรงกลางวนไปรอบ ๆ เป็นบริเวณกว้าง ปูผ้าเจาะกลาง
ฉีด 1% lidocaine ที่ตำแหน่งที่ต้องการ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องให้ยานอนหลับร่วมด้วย
ใช้เข็มเจาะหลังแทงเข้าตรงกลางช่อง ตัวเข็มให้ตั้งฉากกับผิวหนัง ปลายเข็มชี้ไปที่สะดือ ขณะแทงเข็มผ่าน ligamentum flavum และ dura (ภาพที่ 14) จะรู้สึกว่ามีความหนืดต้านอยู่ ทันทีที่ทะลุผ่าน dura แรงต้านจะหายไป ให้เอา stylet ออก ตรวจสอบว่ามีน้ำไขสันหลังออกมาหรือไม่
ถ้าไม่มีน้ำไหลออกมาให้ลองหมุนเข็ม 90 องศา ถ้ายังไม่มีน้ำไหลให้ใส่ stylet กลับเข้าไป แล้วเลื่อนเข็มเข้าไปอีกเล็กน้อย ตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ายังไม่ไหลให้ดึงเข็มที่มี stylet ออกมา ให้ปลายเข็มอยู่ใต้ผิวหนังแล้วสอดเข็ม โดยเปลี่ยนทิศทางใหม่ ถ้าน้ำไขสันหลังมีเลือดปน อาจเป็น traumatic tap ถ้าไม่ไหลหรือมี clot ให้เปลี่ยนเข็มและอาจเปลี่ยนช่องไขสันหลังในระดับที่สูงขึ้น
วัด opening pressure โดยใช้ manometer ควรทำทุกรายถ้าทำได้ เด็กที่ดิ้นมาก ไม่ให้ความร่วมมือ ค่าที่วัดได้อาจคลาดเคลื่อน ค่าที่วัดได้จะถูกต้องถ้าเด็กอยู่ในท่านอนตะแคง ไม่เกร็ง และน้ำไขสันหลังไหลดี ต่อเข็มเจาะน้ำไขสันหลังกับ manometer ผ่านท่อต่อ 3 ทาง จนระดับน้ำขึ้นได้สูงสุดใน manometer และขยับขึ้นลงตามการหายใจ ความดันปกติอยู่ที่ 5-20 เซนติเมตรน้ำ ถ้าขาและศีรษะเหยียดออก และถ้าผู้ป่วยอยู่ในท่าก้มศีรษะและงอขา ความดันปกติจะอยู่ที่ 10-20 เซนติเมตรน้ำ
เก็บน้ำไขสันหลังจำนวนเท่าที่ต้องการส่งตรวจ
วัด closing pressure จากนั้นใส่ stylet และเอาเข็มออก เช็ดผิวหนัง ปิดแผล
ข้อห้าม
สงสัยภาวะไขสันหลังได้รับภยันตรายหรือถูกกด
มีการติดเชื้อของผิวหนังในตำแหน่งที่เจาะตรวจ
ภาวะความดันในกระโหลกสูง (increase intracranial pressure) หรือ space-occupying lesion ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิด cerebral herniation สูง
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติอย่างมาก หรือปริมาณเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000/mm3 หากจำเป็นต้องเจาะหลังควรให้สารประกอบของเลือดเพื่อแก้ไขความผิดปกติก่อนทำการเจาะหลัง
ภาวะแทรกซ้อน
ปวดหลัง มักไม่รุนแรง
Paresthesia เนื่องจากปลายเข็มถูก cauda equina เมื่อขยับเข็มอาการมักจะหายไป
ปวดศีรษะ ร่วมกับ vertigo, tinnitus และ diplopia ซึ่งเกิดจากการซึมของน้ำไขสันหลังผ่านรู dura ควรป้องกันโดยใช้เข็มเจาะขนาดเล็กและระบายน้ำไขสันหลังออกครั้งละน้อย
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆ ที่พบได้ไม่บ่อย เช่น LP-induced meningitis, subdural/epidural hematoma, epidermoid tumor, disk herniation, retroperitoneal abscess, spinal cord hematoma และ cerebral herniation