Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Bronchitis ดาวน์โหลด (2), นางสาวศิรภัทร ตุดเอียด เลขที่ 81, 1359012869,…
Bronchitis
ความหมาย
หลอดลมอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายใน
หลอดลุม ทำให้ต่อมเมือก (mucous gland) โตขึ้นและหลั่งเมือก
(เสมหะ ) ออกมามากกว่าปกติ อุดกั้นในช่องทางเดินหลอดลมแคบลงส่งผลให้เกิดอาการไอมีเสมหะ บางครั้งอาจมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วยหลอดลมอักเสบ แบ่งเป็นชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรังหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุก
วัย มักพบหลังเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่หรือการติดเชื้อของทางเดิน
หายใจส่วนต้น
สาเหตุ
- จากการติดเชื้อ ส่วนมากเกิดจากเนื้อไวรัสกลุ่ม
เดียวกับที่ก่อให้เกิดไข้หวัดใหญ่ และติดต่อแบบเดียวกับไข้หวัด บางครั้งอาจมีการติดเชื้อแบคที่เรีย( เช่น Mycoplasma, pneumonia, Clamydia pneumonia,Streptococcus, pneumonia, Hemophilus influenza, Moraxella,
catarrhalis )แทรกช้อนมักพบได้บ่อยในเด็กเล็ก
- จากการถูกสิ่งระคายเคือง ที่พบบ่อย คือ การสูบบุหรี่ในเด็กอาจจะโดยควั่นบุหรี่จากบิดา-มารดาสูบ ซึ่งทำให้ขนอ่อน (cia) ที่เยื่อบุหลอดลมเคลื่อนไหว ( โบกพัดเพื่อปกป้องผิวหลอดลม ) น้อยลง เยื่อบุหลอดลมถูกระคายเคือง ทำให้ต่อมเมือกโตขึ้น มีเสมหะมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีพวก สารเคมี ฝุ่นละออง มลพิษ
อาการและอาการแสดง
ตรวจพบไข้ต่ำ มีน้ำมูก คัดจมูก เยื่อบุตาอักเสบ คอแดงในระหว่าง
การดำเนินของโรค อาการการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจะลดลง ในระยะต่อมาจะไอมากขึ้น ฟังปอดได้ยินเสียง harsh breath sound เมื่อมีเสมหะมากขึ้น อาจฟังปอดได้ยินเสียง rhonchi หรือ coarse crepitation (crackle) ไม่มีหายใจเร็วหรือหายใจ อกบุ๋ม ผู้ป่วยที่มีโรคหืดร่วมหรือเด็กเล็กที่มีเสมหะอุดกั้นในหลอดลมอาจตรวจได้ยินเสียง wheeze
การวินิจฉัยโรค
โดยทั่วไปวินิจฉัยได้จากอาการและอาการแสดงทางคลินิก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสจึงไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ หรือตรวจภาพรังสีทรวงอก ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือนึกถึงสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่เริ่มแรก อาจมีความจำเป็นต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรค3 [D1+/-] เช่น การตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด(CBC), การตรวจเสมหะ และภาพรังสีทรวงอก เป็นต้น
การพยาบาล
1.ประเมินภาวะขาดน้ำ การทานอาหาร ให้ดื่มน้ำมากๆ หากทานไม่ได้หายใจหอบมากควรให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และงดการรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการสำลัก
2.ให้ออกซิเจน หากเหนื่อยมาก มีอาการปากเขียว หรือมีออกซิเจนในเลือดต่ำ
3.ให้ยาขยายหลอดลม อาจทางการพ่นละอองฝอยหรือรับประทาน
4.ยาละลายเสมหะ กรณีเสมหะเหนียว ทานน้ำได้น้อย ในเด็กไม่ควรได้รับยากดการไอ เพราะอาจทำให้เสมหะไปคั่งในปอดมากขึ้นได้
5.ควรได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสมโดยทำกายภาพทรวงอก เช่นเคาะปอด หรือการฝึกการไอให้ได้คุณภาพ เพื่อระบายเสมหะออกจากปอดและหลอดลม หากเอาเสมหะออกไม่ได้ควรได้รับการดูดเสมหะ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
6.แนะนำญาติ ระวังไม่ให้เด็กเจอกับ ควัน, กลิ่นฉุน, ควันบุหรี่, สารเคมี, ฝุ่น, สารระคายเคืองต่างๆ ซึ่งจะทำให้การอักเสบในหลอดลมเป็นมากขึ้น
-
-
-
-
-
-