Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร - Coggle Diagram
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร
ยารักษาแผลในทางเดินอาหาร
ยาลดกรด(Antacid)
Aluminium hydroxide
มีฤทธิ์อ่อนสุด
ไม่ถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร
ผลข้างเคียง
ทำให้ท้องผูก
ถ้าใช้นานจะทำให้ฟอสเฟตในเลือดต่ำ
รบกวนการดูดซึมยาชนิดอื่นๆ
Magnesium hydroxide
มักใช้คู่กับ Aluminium hydroxide เพื่อให้มีฤทธิ์ลดกรด
ทําปฏิกิรยิากับกรดเลือดในกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียง
ทําให้เกิดระดับ magnesium ในเลือดสูง
เกิดพิษต่อหัวใจ กดระบบหายใจ
หากได้รับขนาดสูง จะท้องเดินอย่างรุนแรง เสียน้ำและเกลือ
Calcium carbonate
ถูกดูดซึมไม่แน่นอน
ลดกรดได้ดี
ผลข้างเคียง
มีอาการทางประสาท สับสน
ท้องผูก อุจจาระแข็ง ท้องอืด
หากหยุดยากะทันหัน จะเกิดภาวะการหลังกรด
ข้อดีการใช้ยาลดกรดของสารประกอบอลูมินัมและแมกนีเซียม
เป็นการรวมยาที่ออกฤทธิ์
เร็วและช้าเข้าด้วยกัน
ลดขนาดของยาแต่ละชนิดลง
ยาที่มีประสิทธิภาพดีและฤทธิ์
คงอยู่นานพอสมควร
รสชาติของยาดีขึ้น
หลีกเลี่ยงข้อเสียด้านอาการท้องผูก(อลูมินัม)ท้องเสีย(แมกนีเซียม)
ของยาแต่ละชนิด
ข้อควรระวังในการใช้ยาลดกรดของสารประกอบอลูมินัมและแมกนีเซียม
ในผู้ป่วยโรคไตควรระมัดระวัง
อาจเป็นประโยชน์ในผู้ป่วยไตวาย แต่อาจเกิดภาวะฟอสเฟตในเลือดตํ่า
หลีกเลี่ยงโดยให้ยาห่างกัน 2 ชั่วโมง
หลักการเลือกใช้ยาลดกรดในการรักษาแผลในทางเดินอาหาร
ใช้ยานํ้าดีกว่ายาเม็ด
เลือกใช้ชนิดของยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
เลือกใช้ยาที่ไม่ดูดซึมเข้ากระแสโลหิต
ควรคํานึงถึงการออกฤทธิ์ของยา
ควรระมัดระวังปฏิกิริยาที่มีต่อกันระหว่างยา
ขนาดของยา
15-30 มิลลิลิตร หลังอาหาร 1 ชั่วโมงและก่อนนอน
กรณีที่มีอาการรุนแรงจะให้ยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมง,3 ชั่วโมงและก่อนนอน
ยาที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาลดกรด
1.simethicone ,dimethyl polysiloxane เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ทําให้ฟองและแก๊ส ยาในกลุ่มนี้เช่น Air-X
2.bismuth subsalicylate เป็นยาฆ่าเชื้อ ยาในกลุ่มนี้เช่น Gastro-bismol
3.algenic acid หรือ sodium alginate ลดการระคายเคืองจาก
กรดในกระเพาะ ยาในกลุ่มนี้เช่น Gaviscon
ยายับยั้งการหลั่งกรด
Histamine H2-receptor antagonists
กลไกการออกฤทธิ์
แข่งขันกับฮีสตามีน ในการจับกับตัวรับแบบผันกลับได้
ทําให้การหลั่งกรดของ Parietal cell ลดลง
รักษา
กรดไหลย้อน
แผลในทางเดินอาหาร
ภาวะหลั่งกรดมากกว่าปกติ
จะมีอัตราการหายของแผลดีกว่า และอาการจะหายเร็วกว่ายาในกลุ่ม PPI
ขนาดยา
Cimetidine 400 mg bid Ranitidine (150 mg bid)
อาการข้างเคียง
ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดตามกล้ามเนื้อ ผื่นตามผิวหนัง คัน
cimetidine
หน้าอกโตในเพศชาย (gynecomastia)
ไปยับยั้งเอนไซม์ที่ตับ ทําให้ระดับของยาอื่นที่ให้ร่วมลดลง (enzyme inhibitor)
ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้
ควรลดขนาดยาในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะการทํางานของตับหรือไตบกพร่อง
ห้ามใช้ยาในสตรีมีครรภ์ และมารดาที่ให้นมบุตร
ยาระงับ proton pump(PPI)
กลไกการออกฤทธิ์
ถูกดูดซึมจากลำไส้เล็กส่วนต้น แล้วเปลี่ยนเป็น active
form
Enteric-coated granule เพื่อให้ไปดูดซึมที่ลําไส้เล็ก
ขนาดยา
Ome 20 mg วันละครั้ง ก่อนอาหาร 4 สัปดาห์
ข้อควรระวัง
ควรลดขนาดยาลงในผู้ป่วยโรคตับ
ควรระมัดระวังการใช้ในระยะยาว
อาการข้างเคียงที่พบไม่รุนแรงและผู้ป่วยสามารถทนได้
ยาที่มีฤทธิ์ป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหาร(Cytoprotective drug)
Sucralfate
กลไกการออกฤทธิ์
เกิดโพลีเมอร์ที่เหนียวข้นและจับกับผนังของทางเดินอาหาร
ไม่มีการดูดซึมยา ดังนั้นอาการข้างเคียงทั่วร่างกายพบได้น้อย
ขนาดยา
1 กรัม ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงและก่อนนอน ,ให้ยาเป็นเวลา 6-8 สัปดาห
การให้ยา
การให้ยาควรให้ยาตอนท้องว่าง
อาจขัดขวางการดูดซึมยาอื่น ต้องห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโม
อาการข้างเคียง
ท้องผูก
มีอาการคลื่นไส้ปวดศีรษะแบบเล็กน้อย อาหารไม่ย่อย ปากแห้ง มึนงง การรับรสเปลี่ยนไป
Misoprostol(กลุ่ม Prostaglandin)
รักษา
ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้จากการรับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือยาเอ็นเสด (NSAIDs)
ผลข้างเคียง
อาการท้องเดิน
ทําให้มดลูกหดรัดตัว ในผู้หญิงอาจทําให้แท้ง
Bismuth subsalicylate
รักษา
เคลือบกันแผลเปปติก,มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ H.pylori
ผลข้างเคียง
อาจพบลิ้นผู้ป่วยมีสีดําหรืออุจจาระดํา
ยากำจัดเชื้อ Helicobacter pylori
การให้ยา
ให้กลุ่ม PPI 1 ชนิด ร่วมกับยาปฏิชีวนะ 2 ชนิด
omeprazole 20 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนนอน+amoxicillin 1
กรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร+ clarithromycin 500 มิลลิกรัม วัน
ละ 2 ครั้ง หลังอาหารเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ยากระตุ้นการอาเจียนและยาต้านการอาเจียน(Emetics and Antiemetics)
ยากระตุ้นการอาเจียน
Central emetics
apomorphine HCl ยาออกฤทธิ์แรงและเร็วใช้ฉีดใต้ผิวหนัง 0.1 มก./กก.(ไม่เกิน 5 มก.) ทําให้อาเจียนภายใน 2-3 นาที
Local emetics
copper sulfate, Zinc sulfate และ ipecac ไม่ค่อยนิยมใช้เนื่องจากเป็นพิษต่อร่างกาย
Syrup of ipecac
ยาที่นิยมใช้ทําให้อาเจียนกรณีได้รับสารพิษ
ให้ร่วมกับ activated charcoal
ต้องให้ activated charcoal หลังจากเกิดการอาเจียนแล้ว
ยาป้องกันการคลื่นไส้อาเจียน
Dopamine D2 receptor antagonists
Metoclopramide และ Domperidone
ออกฤทธิ์ทั้งระบบประสาทส่วนกลางและทางเดินอาหาร
ทําให้ป้องกันการอาเจียนได้
อาการข้างเคียงที่พบคือ extrapiramidal effectsdomperidone จะไม่อาการนี้
Phenothiazine และ Butyrophenones
จะมีอาการข้างเคียงมาก
การใช้ยาจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
cisapride
กระตุ้นการหลั่ง acetylcholine ที่ myenteric plexus
ทําให้ทางเดินอาหารส่วนบนและลําไส้ใหญ่บีบตัวดีขึ้น
ข้อเสีย เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
Muscarinic cholinergic receptor antagonist
scopolamine
อาการข้างเคียงที่พบ คือ ปากแห้ง, มองเห็นภาพไม่ชัด, ง่วงนอน
ใช้ในการป้องกันการอาเจียนเฉพาะที่เกิดจาก motion sickness
Histamine H1 receptor antagonist
diphenhydramine, dimenhydrinate
ยับยั้ง histaminergic
ออกฤทธิ์เพิ่ม lower esophageal sphincter pressure
อาการข้างเคียงที่พบ คือ ง่วงนอน
Serotonin type3 receptor antagonists
Ondansetron และ Granisetron
ใช้ในการป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากการใช้ยารักษา
มะเร็ง
อาการข้างเคียงที่พบ คือ ปวดหัวและท้องผูก
Substance P antagonists
Aprepitant
ใช้ร่วมกับ serotonin 5 HT3 receptor antagonists
ป้องกันการเกิดการอาเจียนแบบ acute และ delayหลังได้รับ
เคมีบําบัดหรือการฉายรังสี
อื่นๆ
ยากระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร
cyproheptadine HCl , Pizotifen
อาการข้างเคียงที่พบ คือ ง่วงนอน ปากแห้ง คอแห้ง คลื่นไส้ ปวดศีรษะ
ข้อควรระวังถ้าใช้ยานานเกิน 2 อาทิตย์
ยากดความอยากอาหาร
(Drug suppress appetite)
Fenfluramine , dexfenfluramine
ประสิทธิภาพลดนํ้าหนักใกล้เคียงกัน
ยาจะให้ผลเพียงในระยะสั้น
จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ
อาการข้างเคียงที่สําคัญคือ ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
หลักการเลือกใช้ยา
ยารักษามะเร็งและการฉายแสง : ondansetron
การติดเชื้อในทางเดินอาหาร : metoclopramide
domperidone
การเมารถเมาเรือ : dimenhydrinate
การใช้ยาคลื่นไส้อาเจียนในเด็ก : domperidone
ในหญิงมีครรภ์: pyridoxine , dimenhydrinate และ
dicyclomine หรือ dimenhydrinate
สาเหตุอื่น ๆ : metoclopramide และ domperidone
การพยาบาล
ระวังการใช้ยาที่เพิ่มความดันในลูกตาแก่ผู้ป่วยโรคต้อหิน
ห้ามให้ยาที่มีฤทธิ์เพิ่มการเคลื่อนไหวทางเดินอาหารในผู้ป่วยลําไส้อุดตัน
หลีกเลี่ยงการใช้ยา metoclopramide ในผู้ป่วยลมชักและโรคพาร์กินสัน
ยารักษาอาการท้องเสีย(Antidiarrhea drugs)
ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้
Loperamide
นิยมใช้ในอาการท้องเสียมากกว่ากลุ่มอื่น
ลดปริมาตรอุจจาระ
หากทานแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้นให้หยุดยา
ไม่ควรใช้ขนาดสูงเกินไป
Diphenoxylate
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้
ให้ยาขนาดต่ำจะไม่มีผลต่อระบบประสาท
อาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง ท้องอืด ปากแห้ง
Opioids
ช่วยให้นํ้าและเกลือแร่ต่าง ๆ ถูกดูดซึมกลับมากขึ้น
ทําให้การเคลื่อนไหวของลําไส้ลดลง
ทําให้กากอาหารผ่านไปช้า
ถ้าการดูดซึมบกพร่องจะเกิดอาการท้องอืดมาก ขณะเดียวกันจะเพิ่มทําให้
อาการปวดท้อง
ยาลดอาการหดเกร็ง (Antispasmodics)
atropine และ antimuscarinc agents
ปิดกั้น muscarinic receptor
ทําให้การเคลื่อนไหวลดน้อยลง ลดแรงตึงตัว ความแรง และความถี่ของการบีบตัว
ลดการหลั่งนํ้าลายและนํ้าย่อยของกระเพาะอาหาร
ต้องใช้ปริมาณสูงซึ่งจะมีผลข้างเคียงมากและไม่ปลอดภัย
ไม่สมควรใช้ในเด็ก
อาจใช้ในรายที่มีอาการปวดท้องเป็นอาการเด่นร่วมด้วย
ยาที่ดูดซึมนํ้า (Hydrophilic Agents)
polycarbophil ,psyllium
อุจจาระมีเนื้อมากขึ้นดูเหมือนอาการอุจจาระร่วงดีขึ้น
พบว่าจะมีการสูญเสียเกลือแร่และนํ้าไปในอุจจาระมากขึ้น
เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบต่าง ๆ
ข้อเสียคือ เริ่มออกฤทธิ์ช้า อาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมง
ยาที่มีฤทธิ์ดูดซับ (adsorbents)
ผงถ่าน (Activated charcoal), Kaolin และ pectin,
Diosmectile
ดูดซับสารพิษและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดท้องร่วง
สามารถดูดซับเอายาตัวอื่นด้วย จึงห้ามใช้ร่วมกับยาอื่น
อื่นๆ
สารละลายนําตาลและเกลือแร่ (ORS, oral rehydration solution)
ช่วยเพิ่มการดูดซึม หรือช่วยลดการหลั่งนํ้าและเกลือแร่จากลําไส
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีทําให้อุจจาระร่วงลดลง และช่วยรักษาภาวะขาดนํ้าและเกลือแร่ได้ทุกอายุ
lactobacillus acidophilus
ทําให้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคและป้องกันการเกาะติดของแบคทีเรีย
รักษาผู้ป่วยท้องเสียเรื้อรัง ได้ผลดี
ประสิทธิผลของยากลุ่มนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์แน่นอน แต่เป็นยาที่
ปลอดภัย และไม่มีคุณสมบัติรบกวนกับยาอื่น
การพยาบาล
รักษาตามอาการ
พิจารณาหลักการรักษา
ควรเลือกใช้เป็นอันดับแรก คือ ORS
เลือกใช้ยาในกลุ่ม opioids ต้องระมัดระวังไม่ให้เกินขนาดที่กําหนด
ควรได้รับการประเมินและดูแล
ควรดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
หมั่นสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ให้สุขศึกษาเกี่ยวกับความสะอาดในการเตรียมอาหาร
งดรับประทานอาหารหมักดองทุกชนิด
ข้อห้ามใช้
ผู้ป่วยที่ท้องผูก
ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์
เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 60 ปี
ผู้ป่วยอุจจาระที่มีสาเหตุจากการอักเสบของลําไส้ที่ติดจากการติดเชื้อ
ผู้ป่วยโรคตับ
ยาระบาย(laxative )และยาถ่าย(cathartic)
กลไกการออกฤทธิ์ของยาระบาย
เพิ่มปริมาณและความนุ่ม เร่งการขับออกของอุจจาระ
เพิ่มปริมาณนํ้าในอุจจาระ
เปลี่ยนแปลงลักษณะของอุจจาระ
ลดการดูดซึมนํ้าและเกลือแร
ยาระบายที่เพิ่มปริมาณกากอาหาร
(pysllium seed, Metamucil®) , methylcellulose
ช่วยเพิ่มกากอาหาร
เป็นยาถ่ายที่ปลอดภัยและคล้ายธรรมชาติมาก
การถ่ายมักเกิดภายหลัง 24 ชั่วโมง
อาการข้างเคียงพบน้อย อาจพบการแพ้,ท้องอืด , มีแก๊สในลําไส้
ไม่ควรรับประทานยาแห้ง ๆ
ยาระบายชนิดมีแรงดึงนํ้า(osmotic laxative)
Lactulose
ช่วยลดการดูดซึมกลับของแอมโมเนีย ใน hepatic encephalopathy
ยาในขนาดสูงจะทําให้ท้องเสียสูญเสียโปแตสเซียมและนํ้า
Glycerin
ออกฤทธิ์โดย osmotic effect ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่นทางออกของอุจจาระ
ยาเหน็บทวารหนักจะทําให้อุจจาระภายใน 30 นาที
ยาทําให้เกิดแรงดันออสโมติก และมีผลต่อการระคายเคือง เฉพาะที่ทําให้ลําไส้เกิดการเคลื่อนไหว
เหมาะกับเด็ก สตรีมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร
ยาระบายที่เป็นเกลือ (Saline laxative)
เกลือของแมกนีเซียม โซเดียม และโปตัสเซียม
เพิ่มการเคลื่อนไหวของลําไส้ ทําให้มีการขับอุจจาระออกมาปนกับนํ้าค่อนข้างมาก
ได้ผลถ่ายภายหลังให้ยาภายใน 3 ชั่วโมง
ใช้ในการทําให้ท้องว่างก่อนการผ่าตัด ฉายรังสี ส่องกล่องทีลําไส้ใหญ่ กําจัดพยาธิ
อาการข้างเคียง
ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงยา
ผู้ป่วยโรคหัวใจให้ระวังยา
กรณีได้รับยาในขนาดสูงจึงควรดื่มนํ้ามาก ๆ
ยาที่ช่วยหล่อลื่นอุจจาระ(lubricant laxative)
นํ้ามันแร่ (mineral oil), นํ้ามันมะกอก (olive oil)
เคลือบกากอาหาร ทําให้อุจจาระอ่อนนุ่มลง
ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ต้องการออกแรงเบ่ง
ห้ามใช้ในผู้ป่วยสูงอายุและเด็กเล็ก
ยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม(Stool softener )
Docusate salts
ลดความตึงผิวของก้อนอุจจาระ
ยาทําให้อุจจาระอ่อนนุ่มลงภายใน 24-48ชม
ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ต้องให้ออกแรงเบ่ง
ยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นและทำให้ระคายเคือง(Stimulant laxative)
Bisacodyl, cascara, นํามันละหุ่ง มะขามแขก
กระตุ้นให้มีการคั่งของนํ้าอิเล็กไตรไลท์ ในทางเดินอาหารและเพิ่มการ
เคลื่อนไหวของลําไส้
รู้จักอย่างแพร่หลายและมีการใช้ยาในทางทีผิด
ข้อบ่งชี้
อาการท้องผูกเฉียบพลัน
ท้องผูกที่เกิดจากยา
ท้องผูกจากการนอนนานเกินไป
ใช้ในการเตรียมถ่ายเอ็กซเรย
ไม่แนะนําให้ใช้กับอาการท้องผูกธรรมดา หรือใช้เกิน 1 สัปดาห
ให้ผลภายใน 6-12 ชั่วโมง
การพยาบาล
ห้ามใช้ยาระบายในผู้ที่ท้องผูกและมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหต
ไม่ควรใช้ยาระบายเพื่อลดนํ้าหนัก
หากใช้เป็นประจํา จะทําให้ติดการใช้ยา
ยาระบายให้ทานก่อนนอน เพื่อออกฤทธิ์ตอน 6 โมงเช้า
ยาแบบสวนทวาร จะออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที
ไม่ใช้ยาระบายที่มีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบในผู้ป่วยโรคไต หัวใจ
และกล้ามเนื้อ
ไม่ควรใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี และหญิงมีครรภ์
ยา lactulose และ lactitol ควรระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ห้ามเคี้ยวยา bisacodyl หรือรับประทานพร้อมยาลดกรด
ยาขับลม (Antiflatulents)
Asafoetida, simethicone, peppermint oil
ใช้บรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง จุกเสียด
มีแก๊สในทางเดินอาหารมาก คุณสมบัติดูดซับแก๊ส
ช่วยขับไล่แก๊สออกโดยการเรอหรือออกทางทวารหนัก