Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพัฒนางานหัวหน้าพยาบาล - Coggle Diagram
การพัฒนางานหัวหน้าพยาบาล
การจัดสรรบุคลากร
ความหมาย
การจัดสรรบุคลากร หมายถึง กระบวนการของการวิเคราะห์ความต้องต้องการกำลังคนอย่างเพียงพอ โดยคนมีคุณภาพมีความรู้ความสามารถที่ปฏิบัติงานเพื่อให้ผู้รับบริการหรือผู้ป่วยปลอดภัยโดยได้รับบริการพยาบาลมีคุณภาพการจัดอัตรกกำลังทางการพยาบาลเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งในกระบวนการบริหารการพยาบาลเพราะบุคลากรเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญต่อการบริหารองค์กรการจัดการด้านบุคลากรที่ดีจะต้องมีบุคลากรที่เพียงพอทั้งด้านปริมาณและคุณภาพสามารถใช้คนได้เต็มกำลังความสามารถ
ความสำคัญ
ทำให้เกิดการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนของบุคลากร
ทำให้มีการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรอย่างเหมาะสม
ทำให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทำให้ได้คนดีและมีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กร
ทำให้มีบุคลากรทำงานที่เพียงพอและต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์
เพื่อสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในองค์การ (Recruitment and Selection)
เพื่อใช้คนให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Utilization)
เพื่อบำรุงรักษาพนักงานที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์การนาน ๆ (Maintenance)
เพื่อพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถ (Development)
กระบวนการ
การวางแผนทรัพยากรมนุษย์มี 4 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนเตรียมการ ผู้ดำเนินการวางแผนจะต้องศึกษาวัตถุประสงค์ขององค์กร
ขั้นตอนการสร้างแผน ผู้ดำเนินการวางแผนจะทำการกำหนดรายละเอียดของกิจ
ขั้นตอนการปฏิบัติตามแผนการนำแผนไปปฏิบัติโดยการกำหนด์ผู้รับผิดชอบและทำความเข้าใจร่วมกัน
ขั้นตอนประเมินผล เพื่อให้การวางแผนทรัพยากรมนุษย์มีประสิทธิภาพมากที่สุด
การสรรหาการจัดสรรกำลังคนเข้าไปทำงานตามโครงสร้างขององค์กร
การคัดเลือกการคัดเลือกบุคคลมากปฏิบัติงานจะต้องใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เทคโนโลยี สภาพแวดล้อมและความซับซ้อนขององค์กรทำให้ทุกองค์กรต่างมีการแข่งขันเพื่อให้ดำรงอยู่ได้
การบริหารค่าตอบแทนเป็นปัจจัยที่จงใจและส่งเสริมความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
สวัสดิการเป็นการสร้างความมั่นคงและแบ่งเบาภาระบางส่วนของบุคคลากร
7.การประเมินผลการปฏิบัติงานทำให้งานมีประสิทธิภาพและได้มาตราฐาน
การวางแผนอัตรากำลัง
เป็นการคาดการณ์เกี่ยวกับประเภท คุณภาพ คุณสมบัติของบุคลากร เพื่อตอบสนองเป้า
หมายขององค์กร แบ่งเป็น
1) แผนระยะสั้น เป็นการวางแผนกำหนดอัตรากำลังให้มีเพียงพอที่จะให้บริการในแต่ละวัน ตลอดทั้งปี
2)แผนระยะยาวเป็นการวางแผนอัตรากำลังในอีก 3, 5 และ 10 ปี
การจัดการงบประมาณ (Budget)
ความหมาย
แนวทางการพิจารณาและช่วงเวลาของงบประมาณแสดง ให้ทราบถึงรูปแบบความรับผิดชอบที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของอํานาจทางเมือง หรือ หมายถึง แผน เบ็ดเสร็จซึ่งแสดงออกมาในรูปของตัวเงิน แสดงโครงการดําเนินงานทั้งหมดในระยะเวลาหนึ่ง แผนนี้รวมถึงการ กะประมาณบริการ กิจกรรม โครงการและการใช้จ่ายตลอดจนทรัพยากรที่จําเป็นในการสนับสนุนการ ดําเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามแผน
ชนิดของงบประมาณ
งบบุคลากร
เงือนเดือน
ค้าจ้างประจำ
ค้าจ้างชั่วคราว
งบดําเนินการ
ค่าตอบแทน
ค่าใช้สอย
ค่าวัสดุ
ค่าสาธารณูปโภค
งบลงทุน
งบเงินอุดหนุน
งบเงินสด
งบแผนงาน
ขั้นเตรียมงบประมาณ (Budget preparation)
การกําหนดวัตถุประสงค์ หรือจัดทําแผน โครงการต่างๆ ประมาณการรายจ่าย
การรวบรวมปัญหาวิเคราะห์การใช้จ่ายในแต่ละโครงการของแต่ละงาน
แก้ไขปรับปรุงยอดรายจ่าย ซึ่งอาจมีการพิจารณาตัดทอน หรือเพิ่มเติม
เสนอแผนงบประมาณต่อฝ่ายบริหาร
ความสำคัญและประโยชน์
1.ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารองค์กรตามแผนงานและกำลังเงินที่มีอยู่โดยให้มีการปฏิบัติงานสอดคล้องกับแผนงานที่วางไว้เพื่อลดการปฎิบัติงานที่ไม่จำเป็นต่อองค์กร
2.ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาหน่วยงานถ้าหน่วยงานจัดงบประมาณการใช้จ่ายอย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพโดยองค์กรต้องพยายามใช้จ่ายและจัดสรรงบประมาณให้เกิดประสิทธิผลไปสู่โครงการที่จำเป็นเพื่อก่อให้เกิดความก้าวหน้า
3.เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพเนื่องจากทรัพยากรหรืองบประมาณของหน่วยงานมีอยู่จำกัดดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรและมีการวางแผนการปฎิบัติงานการใช้จ่ายทรัพยากรนั้นนั้นเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วัตถุประสงค์ของงบประมาณ
องค์กรมีการวางแผนในการจัดสรรงบประมาณ
ให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจ ซึ่งงบประมาณจะเปลี่ยนแผนต่างๆให้อยู่ในรูปตัวเลขทำให้เห็นภาพชัดเจน
ทำให้เกิดการระมัดระวังในการใช้จ่ายการจัดทำงบประมาณจะทราบถึงขอบเขตการใช้จ่ายในหน่วยงาน
ทำให้มีผลการดำเนินงานและฐานะการเงินตามเป้าหมาย
การจัดสรรงบประมาณทางด้านสุขภาพ
แบบงบยอดรวม(Global budget/Block grant)
แบบเหมาจ่ายรายหัวประชากร (Capitation)
แบบรายกิจกรรม มีหรือไม่มีราคากลาง (Fee-for-service and price schedule)
แบบตามรายโรคที่ป่วย ดูตาม DRGs(Cases-based budget)
แบบอัตราคงที่
-แบบรายวัน
การบริหารการเปลี่ยนแปลง
ความหมาย
การจัดการกับเหตุการณ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม และทําให้เกิดการพัฒนาองค์กรทั้งเชิง ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
รูปแบบของการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive) เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลง
จากผู้อื่นซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์ และแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อเตรียมการรองรับถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีผลในเชิงลบก็จะทําให้เกิดผลที่ไม่รุนแรง
การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ (Reactive) เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่น อาจจะเป็นในเชิงจาก หน่วยงานต้นสังกัด หรือเป็นนโยบายระดับองค์กร ระดับประเทศก็ได้ ทั้งๆ ที่ บุคคลในองค์กรอาจไม่ยอมที่จะ เปลี่ยนแปลง หรือมีความคิดติดยึดในแบบเดิมๆมานาน
แนวทางการบริหารความเปลี่ยนแปลง
ผู้บริหารต้องเป็นผู้นําในการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารทางการพยาบาลที่ดี คือ เป็นตัวอย่างที่ดี ดังนั้น ต้องริเริ่มหรือกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ต้องบริหารเชิงรุก หรือ Proactive การบริหารที่ต้องมีการคาดการณ์และวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเหมาะสมเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและประชากร (The physical environment and population)
เทคโนโลยี (Technology)
กระบวนการทางวัฒนธรรม (Cultural processes)
การพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Economic development)
การขยายตัวของกระแสประชาธิปไตย(Democracy)
ลักษณะการต่อต้านมีทั้งหมด 3 รูปแบบ
การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง (Denial) บุคคลประเภทนี้จะหลีกหนีการร่วมมือใดๆ ทั้งสิ้น
การต่อต้านเงียบ (Passive Resistance) บุคคลประเภทนี้ จะแสดงตนเหมือนพร้อมให้ความ ร่วมมือแต่เมื่อต้องปฏิบัติงานจะไม่ให้ความร่วมมือ
การต่อต้านอย่างเปิดเผย (Active Resistance) บุคคลประเภทนี้ จะแสดงความไม่เห็นด้วย อย่างเปิดเผย และมักจะโน้มน้าวให้ผู้อื่นคล้อยตามตนเอง
ปัจจัยที่สำคัญ
1.ปัจจัยภายนอก (External Change Driver) คือ สิ่งที่ผลักดันจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภาครัฐ ปัจจัยต่างๆทางเศรษฐกิจ การเมืองความต้องการของผู้รับบริการ การแข่งขันสภาพของตลาดคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีซึ่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะก่อให้เกิดรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ ๆ ของผู้คน
2.ปัจจัยภายใน (Internal Change Driver) คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นภายในองค์กรที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ได้แก่ การปรับทิศทางหรือกลยุทธ์ใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การเปลี่ยนผู้บริหาร การปรับเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ การกระจายอำนาจหรือรวมอำนาจ การรวมองค์กรหลายองค์กรเข้าด้วยกันเป็นต้น
ทรัพยากร
ความหมาย
เป็นการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างคนงานและผู้บริหาร
ความสำคัญของจัดการทรัพยากร
ทำให้มีการพัฒนาทรัพยากรและมีการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการอย่างเหมาะสม
ทำให้มีบุคลากรเพียงพอต่อความต้องการของผู้รับบริการและองค์กร
ทำให้มีการใช้ศักยภาพของทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด
ทำให้ได้บุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กร
ทำให้องค์การสามารถดำเนินการอย่างมั่นคงท่ามกลางสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง
ทำให้มีแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูง
ความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการทำงาน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ขนาดและความซับซ้อนขององค์การ
การรับรู้ข้อมูลทางพฤติกรรมศาสตร์
เทคนิค วิธีการถ่ายทอดความรู้
ผลการปฏิบัติงานของหน้าที่หลักด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ประโยชน์ของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
ช่วยวางแผนพัฒนาการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้กิจกรรมด้านทรัพยากรมนุษย์และเป้าหมายขององค์การในอนาคตมีความสอดคล้องกัน
ช่วยในด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างมีระบบและมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
ช่วยให้การจ้างพนักงานใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปตามความต้องการของแผนหรือฝ่ายต่างๆ
ส่งเสริมและพัฒนาโอกาสความเท่าเทียมกันของพนักงานในหน่วยงานต่างๆ ขององค์การ
เป็นแนวทางสำหรับองค์การ จะได้ผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของหน่วยงาน
การมอบหมายงานและความรับผิดชอบ
ความหมาย
เป็นบทบาทพื้นฐานอันสำคัญที่ผู้บริหารจะต้องปฏิบัติเป็นประจำในการจัดการหลังจากได้จัดคนเข้าทำงานตามความรู้ ความสามารถและความถนัดแล้ว หรือที่เรียกว่า Put the Right Man on the Right Job
ลักษณะงานหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรที่มีต่อองค์กร
ทำความกระจ่างชัดกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร
คิดว่างานที่ได้รับมอบหมายเป็นงานที่ท้าทายความรู้ ความสามารถและศักยภาพของตนเอง
ช่วยกันดูแลทรัพยากรที่มีอยู่ให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด ไม่ฉวยโอกาสจากองค์กร
ร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ร่วมกัน ส่งเสริมให้มีการกล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าลงมือทำ
พัฒนาตนเองในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่
การมอบหมายงานในหอผู้ป่วยในลักษณะ
การมอบหมายงานเป็นหน้าที่
การมอบหมายงานเป็นรายบุคคล(case method)
การมอบหมายงานแบบทีม (Team Method)
การมอบหมายงานแบบเจ้าของไข้ (Primary Nursing)
การมอบหมายงานแบบผสม (Multiple Method)
ข้อควรคำนึงถึงในการมอบหมายงาน
ใครเหมาะสมกับงานที่จะมอบหมายนี้ คือต้องใส่ใจและคำนึงว่าควรเลือกคนที่เหมาะสมมารับผิดชอบงานเพื่อ ประกันความสำเร็จ และลดความเสี่ยง ซึ่งคำที่คุ้นเคยกันคือ Put the right man to the right job นั่นเอง
งานที่มอบหมายบางงานต้องมีผู้ปฎิบัติร่วมกันหลายคนควรคำนึงถึงหลักการทำงานเป็นทีมกล่าวคือควรพิจารณาคนที่สามารถทำงานร่วมกันได้
ประโยชน์ของการมอบหมายงาน
ทำให้มีเวลามากขึ้น โดยสามารถนำเวลาไปทำกิจกรรมงานอื่นๆได้เช่น การแก้ปัญหางาน หรือคิดสร้างสรรค์สิงใหม่
เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานซึ่งถือว่า เป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางหนึ่ง
เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อการเป็นหัวหน้างานใน อนาคตซึ่งอาจถือว่าเป็นการประเมินศักยภาพของเขาไปด้วย
การวางแผน
ความหมาย
การวางแผน คือ การกําหนดการไว้ล่วงหน้า ว่าจะทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร อย่างไร
ประโยชน์
ประหยัดแรงงาน วัสดุและเวลา
เกิดระเบียบในการปฏิบัติงาน
ผู้นิเทศสามารถควบคุมติดตามและประเมินผลได้
เป็นไปตามที่กําหนดไว้ ประหยัดทรัพยากรที่ใช้ และช่วยควบคุมติดตามและประเมินผลได้
ช่วยให้ผู้รับผิดชอบทราบงานล่วงหน้า
เกิดประสิทธิภาพในการทํางาน
ขั้นตอน
การดําเนินก่อนการวางแผน
ปฏิบัติตามแผน
ติดตามผล
การวางแผนท่ีดี
เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วมในการวางแผน
ปรับปรุงแก้ไข้เมื่อจำเป็น
มีวัตถุประสงค์แน่นอน ชัดเจน เข้าใจง่าย
นําไปปฏิบัติได้
มีการกําหนดแผนงานชัดเจน
วัตถุประสงค์ของการจัดทําแผนปฏิบัติการ
เพื่อให้มั่นใจว่ามีแนวทางในการสร้างความสําเร็จให้กับเป้าหมายที่กําหนดไว้ได้
เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดข้ึนในการทํางานไว้ล่วงหน้า
เพื่อลดความขัดแย้งในการทํางานที่ต้องเก่ียวข้องกับหลายหน่วยงาน
เพื่อลดความผิดพลาดและลดความซํ้าซ้อนในการทํางาน
เพื่อจัดลําดับความสําคัญและเร่งด่วนของการทํางานไว้ล่วงหน้า
เพื่อใช้ในการมอบหมายงานให้กับผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะทุกคนจะทราบว่าใครจะต้องทําอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร
เพื่อใช้ในการกําหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายประจําปี
เพื่อให้แผนท่ีวางไว้มีความเป็นไปได้และใกล้เคียงกับการที่จะปฏิบัติจริงให้มากท่ีสุด
ขั้นตอนการจัดทําแผนปฏิบัติการ
วิเคราะห์ความจําเป็นของการจัดทําแผนปฏิบัติการ ( Action Plan Needs)
จัดลําดับความสําคัญของแผนปฏิบัติการ
ดําเนินการจัดทําแผนปฏิบัติการ
การวางแผนเชิงกลยุทธ์
เป็นการวางแผนการติดสินใจกําหนดทิศทางอนาคตขององค์กร เป็นการกระทําที่ส่งผลให้ปฏิบัติตามแบบ
กระบวนการ
กําหนดเป้าหมาย
วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก การแข่งขัน
เลือกกลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งขององค์กร
นํากลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติความสําคัญ
ความสำคัญการวางแผนกลยุทธ์
ป็นการบริการท่ีมุ่งเน้นสู่อนาคต
เป็นการบริการที่มุ่งเน้นจัดการสู่การเปลี่ยนแปลง
เป็นการบริการองค์กรเป็นองค์รวม
มุ่งเน้นผลลัพธ์ในการดําเนินการ
มุ่งเน้นส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร
มุ่งเน้นการบริหารระยะยาว
รูปแบบ
กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโต
กลยุทธ์การรักษาเสถียรภาพ
กลยุทธ์การถอนตัว
กลยุทธ์การผสมผสาน
ความแตกต่าง
การวางแผนปฏิบัติการ (Operational Plans) ใช้อธิบายเป้าหมายในการปฏิบัติงานขององค์กรในลักษณะท่ีเป็นหน้าที่เฉพาะของหน่วยงาน หรือมีลักษณะท่ีเป็นงานท่ี ต้องทําเป็นประจําวันต่อวัน การวางแผนปฏิบัติการเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับล่างที่จะต้องกระทําตามเป้าหมายปฏิบัติการ และให้สอดคล้องกับแผนยุทธวิธี และแผน กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ และให้สอดคล้องกับแผนยุทธวิธี และแผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการจึงมีลักษณะการวางแผนระยะสั้น ซึ่งมักเก่ียวข้องกับปัจจัยต่าง ๆภายใน องค์กร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ผู้บริหารสามารถควบคุมได้
การวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) เป็นการวางแผนที่ถูกจัดทําขึ้นโดยผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้สอดคล้องกับเป็นหมายกลยุทธ์ขององค์กรแล้วประสานไปยังผู้ บริหารระดับกลาง และระดับล่าง ทําให้การวางแผนกลยุทธ์มีลักษณะการบริหารแบบลงล่าง (Top-Dow Planning) ท่ีผู้บริหารระดับสูงมีบทบาทสําคัญที่สุด การวางแผน กลยุทธ์จะกล่าวถึงขอบเขตกว้างๆ ของการจัดกิจกรรมขององค์กร ซึ่งต้องครอบคลุมทรัพยากรทั้งหมดที่องค์กรมีอยู่ตลอดจนการพยากรณ์สภาวะแวดล้อมท้ังภายในและ ภายนอก เป้าหมายของการวางแผนกลยุทธ์ โดยท่ัวไปจะมุ่งเน้นให้องค์กรเจริญเติบโตและดํารงอยู่ได้ในอนาคต กับการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ดําเนินงานขององค์กร