Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลุ่มพฤติกรรมนิยม - Coggle Diagram
กลุ่มพฤติกรรมนิยม
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
อีแวน พาโตรวิช พาฟลอฟ (Ivan Petrovich Pavlov, 1849-1936)
นักสรีรวิทยา ชาวรัสเซีย
ได้รับรางวัลโนเบลจากการวิจัย เรื่อง สรีรวิทยาการย่อยอาหาร เมื่อปี ค.ศ.1904
ขณะวิจัยเขาสังเกตสุนัขมีน้ำลายไหลออกมาเมื่อเห็นผู้ทดลองนำอาหารมาให้
เขาสนใจพฤติกรรมนี้มาก จนหันมาสนใจเกี่ยวกับ ด้านจิตเวช
การนำไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน
1) การนำความต้องการทางธรรมชาติของผู้เรียนมาใช้เป็นสิ่งเร้า
2) การจะสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเรื่องใด อาจใช้วิธีเสนอสิ่งที่จะสอนไปพร้อมๆ กับสิ่งเร้า
3) การนำเรื่องที่เคยสอนไปแล้วมาสอนใหม่
4) การจัดกิจกรรมการเรียนให้ต่อเนื่องและมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
5) การเสนอสิ่งเร้าที่ชัดเจนในการสอน
6) หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมใด ควรมีการใช้สิ่งเร้าหลายแบบ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของวัตสัน
จอห์น บี วัตสัน (John B. Watson, 1878-1958)
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
เป็นบิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม เป็นผู้ริเริ่มคำศัพท์ Behaviorism
เขาเชื่อว่าจะสามารถวางเงื่อนไขพฤติกรรมความกลัวกับสิ่งเร้าอื่นตามต้องการและสามารถลบพฤติกรรมความกลัวให้หายไปได้
ต่อมาเขาได้เป็นบิดาแห่งการบำบัด
วัตสันได้สรุปเป็นกฎการเรียนรู้ ดังนี้
พฤติกรรมเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมให้เกิดได้โดยการควบคุมสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขให้สัมพันธ์กับสิ่งเร้าตามธรรมชาติ และการเรียนรู้ก็จะคงทนถาวร
เมื่อสามารถทำให้เกิดพฤติกรรมใดๆ ได้ ก็สามารถลดพฤติกรรมนั้นให้หายไปได้
2.1ในการสร้างพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดขึ้นในผู้เรียน ควรพิจารณาสิ่งจูงใจหรือสิ่งเร้าที่เหมาะสมกับภูมิหลังและความต้องการ
2.2การลบพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา สามารถทำได้โดยหาสิ่งเร้าตามธรรมชาติที่ไม่ได้วางเงื่อนไขมาช่วย
ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
เอ็ดเวิร์ด ลี ธอร์นไดค์ (Edward Lee Thorndike, 1814-1949)
นักการศึกษา ชาวอเมริกัน
เป็น บิดาแห่งจิตวิทยาการศึกษา
เขาเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
S-R Model
รวมถึงให้ความสำคัญต่อการให้การเสริมแรง (reinforcement)
จากการทดลอง สรุปเป็นกฎได้ว่า
1) กฎแห่งความพร้อม (law of readiness) ถ้าผู้เรียนพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
2) กฎแห่งการฝึกหัด (law of exercise) การฝึกหัดจะทำให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวร
3) กฎแห่งการใช้ (law of use and disuse) การนำไปใช้บ่อยๆ การเรียนรู้จะคงทน
4) กฎแห่งผลที่พึงพอใจ (law of effect) ผลแห่งความพึงพอใจ เป็นผลให้กระทำพฤติกรรมนั้นซ้ำ ๆ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ (สกินเนอร์)
เบอร์ฮัส เอฟ สกินเนอร์ (Burhus F. Skinner, 1904-1990)
เจ้าของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำ
เป็นนักจิตวิทยาและนักการศึกษา ชาวอเมริกัน
เขามีแนวคิดค้านกับพาฟลอฟและวัตสัน
พฤติกรรมโอเปอร์แรนต์ หรือแบบการกระทำ เขาเห็นคล้องกับธอร์นไดค์ในเรื่องการเสริมแรง
เป็นผู้ค้นคิด skinner box และ teaching machine
การนำไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน มีแนวทางดังต่อไปนี้
1) ให้การเสริมแรงหลังการตอบสนองที่เหมาะสมของเด็กช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองนั้น
2) การเว้นระยะการเสริมแรงอย่างไม่เป็นระบบหรือเปลี่ยนรูปแบบการเสริมแรงช่วยให้การตอบสนองของผู้เรียนคงทนถาวร
3) การลงโทษที่รุนแรงเกินไปมีผลเสียมาก ผู้เรียนอาจไม่เรียนรู้หรือจำในสิ่งที่เรียนได้เลย
4) หากต้องการปลูกฝังนิสัย ให้แยกปฏิกิริยาตอบสนองออกเป็นลำดับขั้นตอน