Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
1) กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behavioral Theories) - Coggle Diagram
1) กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behavioral Theories)
1.1 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของพาฟลอฟ
อีแวน พาโตรวิช พาฟลอฟ
สิ่งเร้าที่เป็นกลาง (Neutral Stimulus) คือ เสียงกระดิ่ง
สิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข (Unconditioned Stimulus หรือ US)คือ อาหาร
การนำไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน
3) การนำเรื่องที่เคยสอนไปแล้วมาสอนใหม่
4) การจัดกิจกรรมการเรียนให้ต่อเนื่องและมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
2) การจะสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเรื่องใด อาจใช้วิธีเสนอสิ่งที่จะสอนไปพร้อมๆ กับสิ่งเร้า
5) การเสนอสิ่งเร้าที่ชัดเจนในการสอน
1) การนำความต้องการทางธรรมชาติของผู้เรียนมาใช้เป็นสิ่งเร้า
6) หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมใด ควรมีการใช้สิ่งเร้าหลายแบบ
1.2 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของวัตสัน
เด็ก
หนู
เป็นบิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม
จอห์น บี วัตสัน (John B. Watson, 1878-1958)
เขาเชื่อว่าจะสามารถวางเงื่อนไขพฤติกรรมความกลัวกับสิ่งเร้าอื่นตามต้องการและสามารถลบพฤติกรรมความกลัวให้หายไปได้
การนำไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน
เมื่อสามารถทำให้เกิดพฤติกรรมใดๆ ได้ ก็สามารถลดพฤติกรรมนั้นให้หายไปได้
2.1 ในการสร้างพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดขึ้นในผู้เรียน ควรพิจารณาสิ่งจูงใจหรือสิ่งเร้าที่เหมาะสมกับภูมิหลังและความต้องการ
2.2 การลบพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา สามารถทำได้โดยหาสิ่งเร้าตามธรรมชาติที่ไม่ได้วางเงื่อนไขมาช่วย
พฤติกรรมเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมให้เกิดได้โดยการควบคุมสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข
ให้สัมพันธ์กับสิ่งเร้าตามธรรมชาติ และการเรียนรู้ก็จะคงทนถาวร
องค์ประกอบของการเรียนรู้
สิ่งเร้า
การตอบสนอง
แรงขับ (ความหิว)
การเสริมแรง
1.3 ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
เอ็ดเวิร์ด ลี ธอร์นไดค์
กฏของธอร์นไดค์
2) กฎแห่งการฝึกหัด (law of exercise) การฝึกหัดจะทำให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวร
3) กฎแห่งการใช้ (law of use and disuse) การนำไปใช้บ่อยๆ การเรียนรู้จะคงทน
1) กฎแห่งความพร้อม (law of readiness) ถ้าผู้เรียนพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
4) กฎแห่งผลที่พึงพอใจ (law of effect) ผลแห่งความพึงพอใจ เป็นผลให้กระทำพฤติกรรม
นั้นซ้ำ ๆ
การนำไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน
2) สำรวจความพร้อมหรือสร้างความพร้อมของผู้เรียน
3) หากต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะด้านใดจะต้องช่วยให้เขาเกิดความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างแท้จริง
1) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง
4) เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้วต้องให้ผู้เรียนนำการเรียนรู้นั้นไปใช้บ่อยๆ
5) ให้สิ่งเร้าหรือรางวัลเพื่อให้ผู้เรียนพอใจ
1.4 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ (สกินเนอร์)
นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน
การจัดทำเนื้อหาในหลักสูตร คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้
เรียน
การสร้างสื่อการสอนควรให้เกิดการเชื่อมโยงความรู้และลงรหัสให้
เก็บไว้ในหน่วยความจำระยะยาว
จัดเรียบเรียงข้อมูลข่าวสารที่ต้องการให้ผู้เรียน เรียนรู้ออกเป็นหมวดหมู่
จัดกิจกรรมโดยการเชื่อมโยงสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ใหม่ กับหลักการหรือ
ความรู้เดิม
สรุปเป็นกฎการเรียนรู้ได้ดังนี้
1) การกระทำใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรงจะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีกถ้าไม่มีการเสริมแรง แนวโน้มของความถี่ในการกระทำนั้นจะลดลงและหายไปในที่สุด
2) การเสริมแรงที่ไม่แน่นอนทำให้การตอบสนองคงทนมากกว่าการเสริมแรงที่แน่นอน
3) การลงโทษทำให้เรียนรู้เร็วและลืมเร็ว
4) การให้แรงเสริมหรือรางวัลกับพฤติกรรมที่ต้องการ ช่วยปรับ/ปลูกฝังนิสัยที่ต้องการได้
เบอร์ฮัส เอฟ สกินเนอร์
สกินเนอร์ แบ่งการเสริมแรงออกเป็น 2 ประเภท
การเสริมแรงทางบวก
การเสริมแรงทางลบ