Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ - Coggle Diagram
บทที่ 8 พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
มีภาวะโรคเบาจืดเป็นโรคเกี่ยวกับการเสียสมดุลของนํ้าในร่างกาย ซึ่งมีอัตราการเกิดน้อยมาก นานๆ
มีภาวะ Psychogenic polydipsiaเป็นความผิดปกติในด้านพฤติกรรม คือ ติดนิสัยการทาน นํ้าปริมาณมาก เป็นพฤติกรรมที่บางครั้งเชื่อมโยงกับระบบประสาท
มีโรคเบาหวานอันที่จริงตัวโรคเบาหวานเองไม่ได้มีอะไรที่เป็นอันตรายจนน่าวิตกกังวลนัก แต่สิ่งที่แทรก ซ้อนเข้ามาต่างหากที่อันตราย อาการปัสสาวะมากก็เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนเหล่านั้น
โรคเกียวกับไตประเด็นนี้เน้นหนักไปที่โรคอะไรก็ตาม ที่ทําให้ไตไม่สามารถเก็บนํ้าเอาไว้ได้
อาการปัสสาวะมาก จําพวก Polyuria ออกเป็นส่วนย่อยๆ ตามองค์ประกอบของปัสสาวะได้ 2 กลุ่ม
กลุ่ม Solute diuresisเป็นภาวะปัสสาวะมากที่มีต้นตอมาจาก เกิดปริมาณสารบางอย่างที่ดึงนํ้า ออกจากร่างกาย แล้วกลายเป็นปัสสาวะ โดยที่จะเป็นสาร electrolyte หรือ nonelectrolyte
กลุ่ม Water diuresisเป็นภาวะที่ปัสสาวะถูกขับออกมาเร็วกว่าปกติ ลักษณะจะเป็นของเหลวที่เจือ จางมาก หากพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ นํ้าผ่านกระบวนการดูดซึมน้อยเกินไปนั่นเอง
ความสําคัญของค่า ADH
ADH หรือ Antidiuretic hormone เป็ นฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ เราอาจเคยได้ยินชื่ออื่นๆ นอกจากนี้มาบ้าง เช่น เวโซเพรสซิน
การตรวจวินิจฉัยอาการปัสสาวะมาก
อาการปัสสาวะมากนี้จะไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงในระยะสั้น แต่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยจนกลายเป็น ปัญหาใหญ่
บันทึกความถี่ในการปัสสาวะ และสิ่งที่ทําให้คิดว่าปริมาณปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
สังเกตสีและลักษณะอื่นๆ ของปัสสาวะ
สังเกตอาการปวดปัสสาวะช่วงเข้านอน ว่าต้องตื่นและลุกมาเข้าห้องนํ้ากลางดึกหรือไม่ บ่อยแค่ไหน
การตรวจวินิจฉัยอาการปัสสาวะมาก
การซักประวัติผู้ป่วย การซักประวัติเป็นขั้นตอนแรกของการรักษาทุกโรค มีรูปแบบและวิธีการที่ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และ ทักษะของแพทย์ผู้ดูแล
เมื่อเทียบกับเวลาปกติ อาการที่เกิดขึ้นคือ ปัสสาวะมากขึ้น หรือปัสสาวะบ่อยขึ้น
ในช่วงเวลากลางคืนที่นอนหลับไปแล้ว เคยตื่นเพื่อลุกมาเข้าห้องนํ้าหรือไม่ บ่อยมากแค่ไหน
มีโรคประจําตัวอื่นๆ หรือไม่ เช่น โรคเบาจืด โรคเบาหวาน เป็นต้น
เคยมีความกระทบกระเทือนทางสมอง มีอุบัติเหตุหรือโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับสมองหรือไม่
มียาอะไรที่ใช้เป็นประจําหรือไม่
นํ้าหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงจนผิดสังเกตหรือไม่
เมื่อซักประวัติเรียบร้อย ก็พอจะได้ข้อมูลคร่าวๆ
การตรวจวินิจฉัยอาการปัสสาวะมาก
ตรวจปัสสาวะ ทีมแพทย์จะทําการตรวจวัดปริมาณปัสสาวะ 24 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะมักมีปัญหาว่าเก็บ ปัสสาวะไม่ครบ จนเป็นเหตุให้การวินิจฉัยผิดเพี้ยนไปมาก เมื่อเก็บตัวอย่างปัสสาวะเรียบร้อยแล้ว
Urine specific gravity : การตรวจเบื้องต้นที่ถือว่าง่ายที่สุด เป็นการวัดค่าความถ่วงจํา
Urine osmolality : นี่เป็นการตรวจวัดค่าความเข้มข้นของสารละลายในปัสสาวะ
Urine glucose : เป็นการตรวจหานํ้าตาลกลูโคสในปัสสาวะ
แนวทางการรักษาภาวะปัสสาวะมาก
กรณีผู้ป่ วยมีภาวะ Center DI หรือมีภาวะเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน ADH ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับการเสียสมดุลของ
กรณีผู้ป่ วยที่มีภาวะ Nephrogenic DI หรือภาวะเบาจืดจากความผิดปกติของหน่วยไต
กรณีที่ผู้ป่วยเป็น Primary polydipsia ก็สามารถรักษาเบื้องต้นได้ง่ายๆ ด้วยการจํากัดนํ้า และอาจใช้การรักษาในทางจิตเวชร่วมด้วย
ปัสสาวะออกน้อย ( Oliguria and Anuria )
อาการปัสสาวะออกน้อย เราจะให้ความสําคัญกับปริมาณ มีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 400 มิลลิลิตรต่อ 24 ชั่วโมงในวัยผู้ใหญ่ และ100 มิลลิลิตรต่อ 24 ชั่วโมงในวัยเด็ก หากปัสสาวะมีปริมาณน้อยกว่านี้ก็จะถือว่า เข้าสู่ภาวะปัสสาวะน้อยแล้ว
AKI คืออะไร
ก่อนจะไปถึงตัวอยางของสาเหตุที่พบได้บ่อย จําเป็นต้องรู้จักกับ AKI เสียก่อน เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น AKI หรือ Acute kidney injury
ในส่วนของอาการปัสสาวะออกน้อย หากไม่ได้เข้าข่ายของการดื่มนํ้าน้อยเกินไปที่กล่าวไว้ข้างต้น
Pre-renal AKI : เป็นภาวะที่ effective arterial blood volume ลดลงอยางรวดเร็ว
Intrinsic AKI : นี่คือการเกิดพยาธิสภาพบริเวณ renal parenchymal
Post-renal AKI : มักเป็นอาการอุดตันบริเวณ bladder outlet
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนจากภาวะปัสสาวะน้อย
มีอาการบวมของร่างกาย เพราะไม่สามารถขับของเสียออกไปได้ตามปกติโซเดียมและแร่ธาตุต่างๆ
ระดับฮอร์โมนอดรีนัลเพิ่มขึ้นสูงกวาปกติ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี ่้มีหน้าที่หลักในการควบคุมการทํางานของกลุ่ม ท่อต่างๆ ภายในหน่วยไต
มีการหลั่งสารเรนินจากเซลล์ผนังหลอดเลือดในส่วนของไตมากขึ้น
เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะตามมา และถ้ารุนแรงเรื้อรังไปเรื่อยๆ
การตรวจร่างกายและวินิจฉัยโรคปัสสาวะน้อย
ประวัติการสูญเสียนํ้าออกจากร่างกายในช่วงระยะที่ผิดปกติเป็นอยางไร
ประวัติการใช้ยา ทั้งยาที่ใช้เฉพาะกิจและยาที่ต้องทานประจํา ต้องซักให้แน่ใจวาเป็ นยาช ่ นิดใด ทานต่อเนื่อง ด้วยขนาดเท่าไร มีการทานยาที่ผิดวิธีหรือผิดขนาดด้วยหรือไม่
ความเสี่ยงต่อการเจ็บป่ วยและติดเชื้อ ต้องสอบถามวาก่ ่อนหน้านี้มีไข้หรืออาการเจ็บป่ วยใดมาก่อนล่วงหน้า
ประวัติเกี่ยวกบไตโดยเฉพาะ หากผู้ป่ วยเคยมีโรคหรืออาการเจ็บป่ วยอื่นใดเก ั ี่ยวกบไตมาก ั ่อน กต้องบันทึก ็ เอาไว้เป็ นอีกหนึ่งข้อมูลที่สําคัญด้วย ถึงแม้วาจะหายขาดไปแล้วก ่อย
โรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
โรคกลั้นปัสสาวะไม่อยูและกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกัน ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยมาก ทั้งกลางวัน กลางคืน ปวด กลั้นมากขณะที่จะไปห้องนํ้าจนบ่อยครั้ง
สาเหตุและผลของโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
สาเหตุหลักที่สําคัญและเกี่ยวข้องโดยตรงในสตรีเพศเป็ นเพราะวา กล้ามเนื ่้ออุ้งเชิงกรานหยอนลง
ประเภทโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ปัสสาวะกลั้นไม่อยูที่เป็ นมาแต ่ ่กาเนิด ํ (Congenital)
ปัสสาวะรดที่นอน (Bed Wetting Enuresis)
ปัสสาวะกลั้นไม่อยูจากระบบประสาท ่ (Neurogenic)
ปัสสาวะเล็ดเมื่อออกแรงเบ่ง (Stress Urinary Incontinence)
ปัสสาวะราดกลั้นไม่ได้ (Urge Incontinence)
ปัสสาวะบ่อยมากในช่วงกลางวัน (Urinary Freguency Daytime)
ปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน (Nocturia Night Time)
ความชุกของโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การตรวจวินิจฉัยและการรักษา
เริ่มเน้นที่การซักถามประวัติและอาการปัจจุบันอยางละเอียดเป็ นสําคัญ จะสามารถแยกแยะอาการแสดง
ประวัติการเจ็บป่ วยในอดีต รวมทั้งโรคที่เป็ นอยูถึงปัจจุบัน เช ่ ่น โรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ระบบประสาท
ประวัติการคลอดบุตร และในเพศชายเน้นอาการโรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งระบบทางเพศและฮอร์โมน ฯลฯ
ประวัติการใช้ยารักษาในปัจจุบัน โดยเฉพาะยาขับปัสสาวะ ยานอนหลับ กล่อมประสาท
อาชีพความเป็ นอยูทางสังคม ฯลฯ ่
อาหารและนํ้าดื่ม เครื่องดื่ม นํ้าชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่ ฯลฯ
การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์
ตรวจปัสสาวะเพื่อตัดปัญหาการอักเสบ
ตรวจสอบความแรงของสายปัสสาวะ (Uroflowmetry, Residual Urine)
ตรวจระบบประสาททางเดินปัสสาวะ ถ้าจําเป็น (Urodynamic)
ตรวจส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ ถ้าจําเป็น
อื่น ๆ
ปัสสาวะคั่งค้าง(Urinary Retention)
ปัสสาวะคั่งค้าง เป็น ภาวะที่ไม่สามารถขับปัสสาวะได้ตามปกติแม้ว่ารู้สึกปวดปัสสาวะมาก
ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน (Acute Urinary Retention)
ปวดปัสสาวะ แต่เบ่งหรือปัสสาวะไม่ออก
ท้องอืดบริเวณท้องช่วงล่าง
ถ่ายปัสสาวะไม่สุด
การวินิจฉัย
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกน (CT-scan)
การส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ (Cystoscopy)
การตรวจเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging: MRI)
การตรวจพลศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urodynamic Study)
การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อหรืออีเอ็มจี (Electromyography)
การตรวจอื่น ๆเช่น การตรวจเลือด ดูการทํางานของไตหรือการติดเชื้อ การตรวจปัสสาวะดูความผิดปกติของ สารในร่างกาย
การรักษา
การระบายนํ้าปัสสาวะ (Bladder Drainage)
การใช้ยา มักใช้รักษาอาการฉี่ไม่ออกที่มีสาเหตุมาจากโรคต่อมลูกหมากโต ตัวยาจะไปหยุดการเจริญเติบโตของต่อม ลูกหมาก
การผ่าตัด หากการรักษาในข้างต้นไม่ช่วยให้อาการให้ดีขึ้นหรือผู้ป่ วยมีอาการรุนแรงมาก
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะเสียหายหรือทํางานผิดปกติ
ไตทํางานผิดปกติ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้