Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ, นางสาวศศิวิมล จอมทิพย์ UDA6380058…
พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ
ANATOMY OF RENAL SYSTEM
•ไต kidney
• ท่อไต (ureter)
• กระเพราะปัสสาวะ (Bladder)
• ท่อปัสสาวะ (urethra)
• เส้นเลือดดำเส้นเลือดแดงและระบบท่อน้ำเหลือง (Renal a., vein, lymphatic drainage)
•ไตมี2ขา้งซ้ายและขวา
• อยู่บริเวณตาแหน่ง T12-L3, ขนาด 6
11
3cm •เป็นRetroperitonealorgan
•ชั้นของไต ผนังหุ้มไต (Renal capsule) ไตชั้นนอก (Cortex)
ไตชั้นใน (Medulla) Calyx/calyces กรวยไต (Renal pelvis)
หน่วยไต (NEPHRON)
• เป็น anatomical unit of kidney function
ประกอบด้วย
• Glomerulus มี Renal corpuscle, Bowman capsule ,Afferent & efferent arteriole
• Renal tubule มี Proximal tubule ,loop’s of Henle
Distal tubule ,Collecting duct
•Vascular supply
ANATOMY OF URETER, BLADDER AND URETHRA
ท่อไต (Ureter) เป็น retroperitoneal structures ที่ต่อจาก renalpelvis ถึงกระเพาะปัสสาวะ(bladder) มีความยาวประมาณ 25-30cm แบ่งเป็น 3 ส่วน
abdominal ureter จาก renal pelvisสู่ the
pelvic brim
pelvic ureter: จาก the pelvic brim สู่ the bladder
intravesical or intramural ureter: ในthe bladder wall)
ANATOMY OF URETER, BLADDER AND URETHRA
กระเพาะปัสสาวะ (Urinary Bladder)
เป็นอวัยวะมีลักษณะเป็นถุง ประกอบด้วยชั้นกล้ามเนื้อวางในช่องท้องส่วนล่าง มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด
ขนาดความจุ 400-600ml ประกอบด้วย Body , fundus, Trigone
ท่อปัสสาวะ (Urethra)
•Male urethra ยาวประมาณ 20 cm แบ่งออกเป็น 3ส่วนคือ
Prostatic urethra (3-4 cm)
Membranous urethra (1 cm)
Penile urethra (U) ยาวประมาณ 15 cm
•Female urethra
oความยาว 3-5 cm long
นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
(STONE/CALCULI)
•แบ่งตามตำแหน่งการเกิดเป็น
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ส่วนบน; renal calyces, renal pelvis, ureter
นิ่วในทางเดินระบบปัสสาวะ ส่วนล่าง; bladder, urthra
• แบ่งตามส่วนประกอบ
1.นิ่ว calcium oxalate ซึ่งพบได้ ร้อยละ80
2.นิ่วกรดยูริค
อาการแสดง (clinical manifestation)
•ปวดตื้อบั้นเอว
•ปัสสาวะสะดุด
• ปัสสาวะเป็นทราบ/กรวด/เม็ดหิน
ตรวจร่างกาย (physical examination)
•Palpate mass at male urthra
การส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
• Urine analysis : ส่องกล้องพบผลึกในรูปแบบต่างๆ
• Film KUB : พบabnormal opacityในurinary tract
การรักษา (Treatment)
1.การผ่าตัด
2.การใช้คลื่นshock waveยิงสลายนิ่ว
3.การใช้ยาลดการเกิดนิ่ว/สลายนิ่ว
4.รักษาตามอาการ
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (URINARY TRACT INFECTION)
อาการแสดง (clinical manifestation)
ปัสสาวะแสบขัด (dysuria)
เบ่งปัสสาวะ
กลั้นปัสสาวะไม่ได้(urgency) ปัสสาวะขุ่น/มีฟอง/ปนเลือด
ปวดท้องน้อย
ปวดบั้น เอว (flank pain)
มีไข้
ตรวจร่างกาย (physical examination)
• Tender at suprapubic are
• CVA Tenderness positive
การส่งตรวจทางห้องปฎิบัติการ
• Urine analysis พบleukoce+ve, nitrite+ve, WBC>5cell/mm3
• Urine culture
• Film KUB พบabnormal opacityในurinary tract
การรักษา (Treatment)
•Medical treatment
Antibiotic ใหย้ าท่ีครอบคลุมเชื้อgram negative เช่น กลุ่มfluoroquinolone (ofloxacin, ciprofloxacin), กลุ่ม3rd generation cephalosporin (Ceftriaxone)
Supportive เช่น ยาแก้ปวด
ปัสสาวะมาก ( Polyuria ) ปริมาณปัสสาวะในแตล่ะวันจะไมเ่กิน3ลิตรในวัยผู้ใหญ่ และไม่ควรเกิน 2 ลิตรในวัยเด็ก
ปัสสาวะมากเกิดจากอะไร
มีภาวะโรคเบาจืด
มีภาวะ Psychogenic polydipsia
มีโรคเบาหวาน
4.โรคเกี่ยวกับไต
ประเภทของอาการปัสสาวะมาก
1.กลุ่ม Solutediuresis:เป็นภาวะปัสสาวะมากท่ีมีต้นตอมาจากเกิดปริมาณสารบางอย่างท่ีดึงน้ำ ออกจากร่างกายแล้วกลายเป็นปัสสาวะ
กลุ่ม Water diuresis : เป็นภาวะท่ีปัสสาวะถูกขับออกมาเร็วกว่าปกติลักษณะจะเป็นของเหลวท่ีเจือ จางมาก
ความสําคัญของค่าADH หรือ Antidiuretic hormone
เป็นฮอร์โมนต้านนการขับปัสสาวะ หนา้ ที่หลกั ของ ADH ก็คือควบคุมการทำงานของไต กลไกการดูดซึมและ การดูดซึมและกรองสารพิษต่างๆ ไม่ส่งผลกระทบในทางไม่ดีต่อร่างกาย รักษาสมดุลย์น้ำในร่างกายให้ปกติ
การตรวจวินิจฉัยอาการปัสสาวะมาก
การซักประวัติผู้ป่วย
ตรวจปัสสาวะ
ตรวจเลือด
กระบวนการ Water deprivation test
แนวทางการรักษาภาวะปัสสาวะมาก
กรณีผู้ป่วยมีภาวะ Center DI หรือมีภาวะเบาจืดท่ีเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน ADH
• Low solute diet : การใช้อาหารท่ีมีความเข้มข้นต่ำ เพื่อลดการขับปัสสาวะของร่างกาย
• Desmopressin:เป็นการใช้สารสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เทียบเท่ากับฮอร์โมนADHในร่างกาย
• ใช้ยาอื่นๆ เช่นcarbamazepine,NSAIDs,thiaziddiureticเป็นต้น
กรณีผู้ป่วยท่ีมีภาวะ Nephrogenic DI หรือ ภาวะเบาจืดจากความผิดปกติของหน่วยไต
• Lowsodium,Lowproteindiet
• ใช้ยาในกลุ่มamiloride
• Desmopressin : ใช้เมื่อรักษาด้วยแนวทางอื่นแล้วยับไม่ได้ผลท่ีน่าพอใจ
กรณีก็รณีที่ผู้ป่วยเป็น Primary polydipsiaก็สามารถรักษาเบื้องต้นได้ง่ายได้วยการจำกัดน้ำและอาจใช้การรักษาทางจิตเวชร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีสัญญาณเกี่ยวกับภาวะทางจิต
ปัสสาวะออกน้อย ( Oliguria and Anuria )
AKI คืออะไร
AKI หรือAcutekidneyinjuryเป็นภาวะไตวายเฉียบพลันอวยัวะส่วนไตเกิดการเสียสมดุลไปจนถึงเสีย ประสิทธิภาพในการทำงานไปอย่างรวดเร็ว
1.Pre-renalAKI:เป็นภาวะที่effectivearterialbloodvolumeลดลงอย่างรวดเร็วมักเกิดกับผู้ป่วยท่ีมีการเสียเลือด หรือเสียน้ำอย่างมาก
Intrinsic AKI : นี่คือการเกิดพยาธิสภาพบริเวณ renal parenchymal
3.Post-renalAKI:มกั เป็นอาการอุดตันบริเวณbladderoutletและการอุดตันที่ทางเดินปัสสาวะ
Sepsis-associated AKI : นี่คือการติดเชื้อในกระแสเลือด
5.PostoperativeAKI:ส่วนใหญ่แล้วPostoperativeAKIเป็นภาวะที่เกิดมาจากการผ่าตัด
Burn and acute pancreatitis : กรณีน้ีจะเป็นการสูญเสียน้ำปริมาณมากอย่างฉับพลัน
Nephrotoxic drug associated AKI
8.Endogenoustoxin:
Tumor lysis syndrome
ผลกระทบ
• มีอาการบวมของร่างกาย
• ระดับฮอร์โมนอดรีนัลเพิ่มข้ึนสูงกว่าปกติ
• มีการหลั่งสารเรนินจากเซลล์ผนังหลอดเลือดในส่วนของไตมากข้ึน
• เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะตามมา
การตรวจร่างกายและวินิจฉัย
ประวัติการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายในช่วงระยะท่ีผิดปกติเป็นอย่างไร
ประวัติการใช้ยา
ความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและติดเชื้อ
ประวัติเก่ียวกับไตโดยเฉพาะ
ลักษณะของปัสสาวะ
ประวัติโรคมะเร็ง
อาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น อาการปวดปัสสาวะท่ีผิดปกติ
การรักษา
• ทานน้ำให้มากขึ้น โดยค่อยๆเพิ่มที่ละนิด
• ป้องกันและอัตราการสูญเสียน้ำของร่างกายในทุกกรณี
• ดูแลเรื่องสารอาหารให้สมดุลย์
• ฝึกวินัยในการปัสสาวะ
ปัสสาวะคั่งค้าง(UrinaryRetention)
อาการ
ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน (Acute Urinary Retention)
ปวดปัสสาวะ แต่เบ่งหรือปัสสาวะไม่ออก
ปวดแน่นท้องรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องช่วงล่าง
ปัสสาวะไม่ออกเรื้อรัง (Chronic Urinary Retension)
ปัสสาวะบ่อยมากกว่า8ครั้งต่อวัน
ถ่ายปัสสาวะไม่สุด
มีอาการแสบขัดขณะปัสสาวะ
สาเหตุ
ท่อปัสสาวะอุดตัน
ต่อมลูกหมากโต
อวัยวะภายในอุงเชิงกรานหย่อน
ท่อปัสาวะตีบแคบ
โรคเบาหวาน
โรคหลอดเลือดสมอง
การวินิจฉัย
การวัดปริมาณปัสสาวะทที่ตกค้าง (Post-Voiding Residual Volume)
การส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ (Cystoscopy)
เอกซเรยค์อมพิวเตอรห์รือซทีสีแกน(CT-scan)
การตรวจเอ็มอาร์ไอ(MagneticResonanceImaging:MRI)
การตรวจพลศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urodynamic Study)
การรักษา
การระบายนํ้าปัสสาวะ (Bladder Drainage)
การใช้ยา
การผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะเสีหายหรือทำงานผิดปกติ
ไตทำงานผิดปกติ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
ภาวะโปรตีนในปัสสาวะ
วิธีการตรวจโปรตีนในปัสสาวะ
โดยการใช้แทบตรวจปัสสาวะจุ่มในปัสสาวะแล้วเทียบสี
วัดปริมาณโปรตีนที่ขับออกมาตลอด 24 ชั่วโมง
การตรวจปัสสาวะหาค่า Protein Creatinine
ผู้ป่วยท่านใดที่เสี่ยงต่อการเกิดโปรตีนในปัสสาวะ
ผู้ป่าวโรคเบาหวานทงัชนิดที่1และชนิดที่2
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคไตอีกเสบ
ปัจจัยทมี่ผีลต่อโปรตีนในปัสสาวะ
การออกกำลังกาย
ภาวะหัวใจวาย
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
มีไข้
การใช้ยาNSAID,aceI,ARB
คนอ้วน
ความสําคัญ ของการตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
ปริมาณโปรตีนในปัสสาวะจะเป็นตัวท่ีกำหนดว่าผู้ใด จะกลายเป็นโรคไตวาย นอกจากนั้นปริมาณโปรตีนในปัสสาวะยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจอัตราการเสียชีวิต จะกลายเป็นโรคไตวาย
โปรตีนในปัสสาวะแบ่งออกเป็นสามชนิด
โปรตีนในปัสสาวะที่หายเองได้ Transient proteinuria
โปรตีนในปัสสาวะเมื่ออยู่ในท่ายืน Orthostatic (postural) proteinuria
เมื่อตรวจปัสสาวะ 2-3 ครั้งยังพบโปรตีนทุกครั้งท่ีตรวจเราเรียกว่าPersistent proteinuria
นางสาวศศิวิมล จอมทิพย์
UDA6380058