Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ - Coggle Diagram
พยาธิสรีรภาพของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ
ปัสสาวะมาก (Polyuria )
ปัสสาวะมากเกิดจากอะไร
มีภาวะโรคเบาจืด
มีภาวะ Psychogenic polydipsia
มีโรคเบาหวาน
โรคเกี่ยวกับไต
ประเภทของอาการปัสสาวะมาก
•กลุ่มSolutediuresis:เป็นภาวะปัสสาวะมากท่ีมีต้นตอมาจากเกิดปริมาณสารบางอย่างที่ดึงน้ำ ออกจากร่างกายแลว้กลายเป็นปัสสาวะโดยท่ีจะเป็นสารelectrolyteหรอื nonelectrolyteก็ได้
• กลุ่มWater diuresis : เป็นภาวะท่ีปัสสาวะถูกขับออกมาเร็วกว่าปกติ ลักษณะจะเป็นของเหลวท่ีเจือ จางมากหากพูดใหเ้ขา้ใจง่ายก็คือน้ำผ่านกระบวนการดดูซมึนอ้ยเกินไปนั่นเองซึ่งจะตอ้งวินิจฉยัดว้ยค่า
urine osmolality < 250 mosm/kg
การตรวจวินิจฉัยอาการปัสสาวะมาก
อาการปัสสาวะมากนี้จะไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงในระยะสั้น
บันทึกความถี่ในการปัสสาวะ และสิ่งท่ีทำให้คิดว่าปริมาณปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
สังเกตสีและลักษณะอื่นๆ ของปัสสาวะ
สังเกตอาการปวดปัสสาวะช่วงเข้านอนว่าต้องตื่นและลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึกหรือไม่ บ่อยแค่ไหน
ตรวจปัสสาวะ
Urine specific gravity
Urine osmolality
Urine glucos
ตรวจเลือด
Serumsodium
Blood suger
Serumcalcium
แนวทางการรักษาภาวะปัสสาวะมาก
กรณีผู้ป่วยมีภาวะ Center DI
Low solute diet : การใช้อาหารท่ีมีความเข้มข้นต่ำเพื่อลดการขับปัสสาวะของร่างกาย
Desmopressin:เป็นการใช้สารรสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เทียบเท่ากับฮอร์โมนADHในร่างกายโดยจะเริ่มที่5mcg ก่อน แล้วค่อยปรับค่าเพิ่มหรือ ลดตามความเหมาะสม
ใช้ยาอื่นๆที่สามารถลดปริมาณปัสสาวะได้ตัวอย่างเช่นcarbamazepine,NSAIDs,thiaziddiuretic
กรณีผู้ป่วยท่ีมีภาวะ Nephrogenic DI หรือ ภาวะเบาจืดจากความผิดปกติของหน่วยไต
Lowsodium,Lowproteindiet
ใช้ยาในกลุ่มamilorideซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะชนิดหนึ่งโดดเด่นในเรื่องของการลดปริมาณน้ำและเกลือแร่ในปัสสาวะ
Desmopressin : ใช้เมื่อรักษาด้วยแนวทางอื่นแล้วยังไม่ได้ผลท่ีน่าพอใจ
กรณีท่ีผู้ป่วยเป็น Primary polydipsia ก็สามารถรักษาเบื้องต้นได้ง่ายๆ ด้วยการจำกัดน้ำและอาจใช้การรักษาในทางจิตเวชร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีสัญญาณเก่ียวกับภาวะทางจิต
ปัสสาวะออกน้อย
อาการปัสสาวะออกน้อย เราจะให้ความสำคัญกับปริมาณ มีเกณฑม์ าตรฐานอยู่ที่ 400 มิลลิลิตรต่อ 24 ชั่วโมงในวัยผู้ใหญ่ และ100 มิลลิลิตรต่อ 24 ชั่วโมงในวัยเด็กหากปัสสาวะมีปริมาณน้อยกว่านี้ก็จะถือว่า เข้าสู่ภาวะปัสสาวะน้อยแล้ว โดยไม่เก่ียวกับจำนวนครั้งหรือความถี่ที่ปวดปัสสาวะเลย
AKI
Pre-renalAKI:เป็นภาวะที่effectivearterialbloodvolumeลดลงอย่างรวดเร็ว
Intrinsic AKI : นี่คือการเกิดพยาธิสภาพบริเวณ renal parenchymal
Post-renalAKI:มักเป็นอาการอุดตันบริเวณbladderoutlet
Sepsis-associated AKI : นี่คือการติดเชื้อในกระแสเลือด
PostoperativeAKI:ส่วนใหญ่แล้วPostoperativeAKI
Burn and acute pancreatitis : กรณีน้ีจะเป็นการสูญเสียน้ำปริมาณมากอย่างฉับพลัน
Nephrotoxic drug associated AKI : เนื่องจากไตเป็นหน่วยกรองทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกาย หากเรารับสารพิษเข้าไปมาก ภาระก็ไปตกที่หน่วยไตนี่เอง
.Endogenoustoxin:อาจเรียกได้ว่าเป็นอาการติดพิษจากสารท่ีร่างกายสร้างข้ึนมาเอง
. Tumor lysis syndrome : ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดข้ึนหลังจากการบำบัดด้วยเคมี
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนจากภาวะปัสสาวะน้อย
มีอาการบวมของร่างกาย เพราะไม่สามารถขับของเสียออกไปได้ตามปกติ โซเดียมและแร่ธาตุต่างๆ
ระดับฮอร์โมนอดรีนัลเพิ่มข้ึนสูงกว่าปกติ
มีการหลั่งสารเรนินจากเซลล์ผนังหลอดเลือดในส่วนของไตมากข้ึน
เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะตามมา และถ้ารุนแรงเรื้อรังไปเรื่อยๆ
การรักษา อาการปัสสาวะออกน้อย ( Oliguria and Anuria )
•ทานน้ำให้มากขึ้น โดยค่อยๆ เพิ่มทีละนิดๆ
• นอกจากน้ีก็จะเป็นการใช้ยาและการบกวัดเชิงเทคนิคในทางการแพทย์ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง
• ป้องกันและลดอัตราการสูญเสียน้ำของร่างกายในทุกกรณี
• ดูแลเรื่องสารอาหารให้สมดุลและลดในส่วนที่จะเพิ่มโซเดียมให้ร่างกาย
• ฝึกวินัยในการปัสสาวะไม่อั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
การตรวจร่างกายและวินิจฉัยโรคปัสสาวะน้อย
ประวัติการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายในช่วงระยะท่ีผิดปกติเป็นอย่างไร
ประวัติการใช้ยาทั้งยาท่ีใช้เฉพาะกิจและยาที่ต้องทานประจำ
ความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและติดเชื้อ ต้องสอบถามว่าก่อนหน้าน้ีมีไข้หรืออาการเจ็บป่วยใดมาก่อนล่วงหน้าในเวลาไล่เลี่ยกันหรือไม่
ประวัติเก่ียวกับไตโดยเฉพาะ หากผู้ป่วยเคยมีโรคหรืออาการเจ็บป่วยอื่นใดเกี่ยวกับไตมาก่อน
ลักษณะของปัสสาวะ ตามปกติปัสสาวะของคนสุขภาพดีจะเป็นสีใส
6.ประวัติโรคมะเร็งต้องไม่ลืมที่จะเก็บประวัติของมะเร็งในส่วนของอวัยวะท่ีใกลเ้คียงกัน
อาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น อาการปวดปัสสาวะท่ีผิดปกติ อาการหน่วงบริเวณช่องท้อง
การป้องกันอาการปัสสาวะออกน้อย
ปรับแก้ที่ต้นเหตุคือการทานน้ำ ให้มากเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเข้าห้องนำทุกครังที่รู้สึก ปวดปัสสาวะไม่อั้นเอาไว้หลังจากเข้าห้องน้ำหรือสูญเสียน้ำในทางอื่น เช่น เหงื่อ น้ำตา น้ำเลือดเป็นต้น ก็ให้ดื่มน้ำชดเชยทนั ที เพื่อไม่ให้ร่างกายเสียสมดุลของน้ำไป
การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
สาเหตุและผลของโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
จำกัดการดื่มน้ำ25.9%
มีปัญหากับการนอนหลับ 30.2%
ไม่กล้าออกจากบ้าน18.7%
มีความกังวลกับอาหารปัสสาวะ
ประเภทโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
•ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ที่เป็นมาแต่กำเนิด(Congenital)
• ปัสสาวะล้นซึม (Over Flow Incontinence)
• ปัสสาวะราดกลั้นไม่ได้ (Urge Incontinence)
• ปัสสาวะปวดกลั้น(Urgency)
• ปัสสาวะรดท่ีนอน(BedWettingEnuresis)
• ปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน(NocturiaNightTime)
•ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่จากระบบประสาท(Neurogenic)
• ปัสสาวะบ่อยมากในช่วงกลางวัน(UrinaryFreguencyDaytime)
•ปัสสาวะเล็ดและราดร่วมกัน(MixedIncontinence)หมายถึงอาการข้อ 4และข้อ5เป็นร่วมกัน
• กระเพาะ, ปัสสาวะไวเกิน (Over Active Bladder) หมายถึงกลุ่มอาการในขอ้ 5, 8, 9 และ10 รวมๆกัน)
การตรวจวินิจฉัยและการรักษา
• เร่ิมเน้นที่การซักถามประวัติและอาการปัจจุบันอย่างละเอียดเป็นสำคัญ
• ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตรวมทั้งโรคท่ีเป็นอยู่ถึงปัจจุบัน
• ประวัติการใช้ยารักษาในปัจจุบันโดยเฉพาะยาขับปัสสาวะยานอนหลับ
• อาหารและน้ำดื่ม เครื่องดื่ม น้ำชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่
•ประวัติการคลอดบุตรและในเพศชายเน้นอาการ โรคต่อมลูกหมากโต
• สภาพทางจิตใจและอารมณ์
• อาชีพความเป็นอยู่ทางสังคม
• การออกกำลังกาย พักผ่อนนอนหลับ
การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์
• ตรวจปัสสาวะเพื่อตัดปัญหาการอักเสบ
• ตรวจส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ ถ้าจำเป็น
• ตรวจระบบประสาททางเดินปัสสาวะ ถ้าจำเป็น (Urodynamic)
• ตรวจสอบความแรงของสายปัสสาวะ (Uroflowmetry, Residual Urine)
การรักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
• การบริหารฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งกรานKegelExercise
• การผ่าตัดรักษาผ่านบริเวณช่องคลอด
• การบริหารทานยา
ปัสสาวะคั่งค้าง
อาการ
ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน(Acute Urinary Retention)
ปวดแน่นท้อง รู้สึกไม่สบายบริเวณท้องช่วงล่าง
ปวดปัสสาวะ แต่เบ่งหรือปัสสาวะไม่ออก
ท้องอืดบริเวณท้องช่วงล่าง
ปัสสาวะไม่ออกเรื้อรัง (Chronic Urinary Retension)
ปัสสาวะบ่อยมากกว่า8 ครังข้ึนไปต่อวัน
มีอาการแสบขัดขณะปัสสาวะ
ต้องออกแรงเบ่งให้ถ่ายปัสสาวะออก
ถ่ายปัสสาวะไม่สุด
สาเหตุ
โรคเบาหวาน
โรคหลอดเลือดสมอง
ต่อมลูกหมากโต
ท่อปัสสาวะอุดตัน
การใช้ยา
ยารักษาอาการซึมเศร้าบางตัว (Tricyclic Antidepressants:TCA)
ยาคลายกลา้มเน้ือเช่นยาไดอะซีแพม(Diazepam)
ยาในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิก(AntimuscarinicDrug)
ยากลุ่มแก้แพ้ลดน้ำมูกหรือยาต้านแอนติฮิสตามีน
กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง
การวินิจฉัย
เอกซเรยค์อมพวิเตอร์หรือซทีสีแกน(CT-scan)
การตรวจเอ็มอาร์ไอ(MagneticResonanceImaging:MRI)
การตรวจพลศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urodynamic Stud
การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อหรืออีเอ็ม จี(Electromyography)
การรักษา
การระบายนํ้าปัสสาวะ (Bladder Drainage)
การใช้ยา มักใช้รักษาอาการฉี่ไม่ออกท่ีมีสาเหตุมาจากโรคต่อมลูกหมากโต
การผ่าตัด หากการรักษาในข้างต้นไม่ช่วยให้อาการให้ดีข้ึนหรือผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมาก
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะเสียหายหรือทำงานผิดปกติ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
ไตทำงานผิดปกติ
ปัสสาวะมีโปรตีน
วิธีการตรวจโปรตีนในปัสสาวะ
โดยการใช้แทบตรวจปัสสาวะจุ่มในปัสสาวะแล้วเทียบสี
วัดปริมาณ Protein ท่ีขับออกมาตลอด 24 ชั่วโมงโดยการเก็บปัสสาวะตลอดทั้งวัน
การตรวจปัสสาวะหาค่า Protein Creatinine
ค่าอัตราส่วน Protein/ Creatinine ค่าปกติจะน้อยกว่า 0.2
ค่าอัตราส่วน Albumin/ Creatinineค่าปกติจะน้อยกว่า30 mg/g
ผู้ป่วยท่านใดที่เสี่ยงต่อการเกิด โปรตีนในปัสสาวะ
ผู้ป่วยโรคเบาหวานทงัชนิดที่1และชนิดที่2
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคไตอักเสบ
ปัจจัยทที่มีผลต่อโปรตีนในปัสสาวะ
คนอ้วน
การใช้ยาNSAID,aceI,ARB
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การออกกำลังกาย
ภาวะหัวใจวาย
มีไข้
ความสําคัญของการตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
ปริมาณโปรตีนในปัสสาวะจะเป็นตัวท่ีกำหนดว่าว่าผู้ใดจะกลายเป็นโรคไตวาย ผู้ที่มีโปรตีนใน ปัสสาวะน้อยโอกาศเสี่ยงท่ีจะกลายเป็นโรคไตวายจะต่ำ ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะสูงมีโอกาศจะกลายเป็นโรคไตวายสูง
ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะจะมีอาการอะไรบ้าง
ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะจะไม่มีอาการอะไรหากมีปริมาณโปรตีนในปัสสาวะปริมาณมากเวลา ปัสสาวะลงในโถส้วมจะเป็นฟอง
โปรตีนในปัสสาวะหายเองได้หรือไม่
โปรตีนในปัสสาวะที่หายเองได้ Transient proteinuria มักจะพบในคนที่มีไข้
โปรตีนในปัสสาวะเมื่ออยู่ในท่ายืนOrthostatic (postural) proteinuria
เมื่อตรวจปัสสาวะ 2-3 ครั้งยังพบโปรตีนทุกครังท่ีตรวจเราเรียกว่า Persistent proteinuria
เมื่อตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะแพทย์จะตรวจอะไรต่อ
ซักประวัติเพิ่มเติมโดยเฉพาะประวัติการใช้ยา
เจาะเลือดตรวจเช่น การทำงานของไต
วัดความดันโลหิต
น้ำปัสสาวะไปส่องกล้องตรวจหาเม็ด เลือดแดง เม็ดเลือดขาว
ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลในเลือด
ตรวจเลือดหาระดับไขมันในเลือด
วัดระดับโปรตีนในปัสสาวะ24 และระดับ creatini
Protein/creatinine ratio >100 mg/mmolผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์โรคไต
Protein/creatinine ratio >45 mg/mmolและตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
ปริมาณ Protein มากกว่า 3.5 กรัมต่อวันจะจัดอยู่ในกลุ่มเนฟโฟติค
ตรวจเลือดเพื่อหาว่ามีโรคSLE
ตรวจ Ultrasound ของไต
บางรายอาจจะต้องเจาะชิ้นเน้ือไตเพื่อตรวจเน้ือไตทางกล้องจุลทศัน