Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยระยะท้ายสุดท้ายของชีวิต(Terminal stage) - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยระยะท้ายสุดท้ายของชีวิต(Terminal stage)
วัตถุประสงค์ของการพยาบาลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
บรรเทาอาการทุกข์ทรมานช่วยให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขมากที่สุด
ตอบสนองความต้องการในด้านต่าง ๆของผู้ป่วยทั้งทางร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ
ดูแลให้ผู้ป่วยตายอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ประคับประคองให้ครอบครัวของผู้ป่วยสามารถปรับตัวรับสถานการณ์ ในขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในระยะสุดท้ายใกล้ตายและในขณะเสียชีวิต
แนวคิดผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิตการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
เป็นการดูแลแบบประคับประคอง เป็นการดูแลผู้ป่วยที่ไม่มีความหวังที่จะหาย เป็นการดูแลให้ผู้ป่วยมีความสุขทั้งทางร่างกายจิตใจและ จิตวิญญาณ ตามที่ผู้ป่วยและญาติต้องการจนเสียชีวิต ทำให้มีความสุข และมีศักดิ์ศรีโดยไม่พยายามเหนี่ยวรั้งและเร่งรัดการตาย
เป็นแนวทางปฏิบัติในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อเผชิญกับปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับความเจ็บป่วยที่คุกคามชีวิต ผ่านกระบวนการป้องกันและบรรเทาความทุกข์ทรมาน
หลักการพยาบาลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะสุดท้ายของชีวิต สร้างและคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีระหว่างพยาบาลผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถระบายความทุกข์ ความเศร้าโศก ความคับข้องใจ และแสดงความรู้สึก
ดูแลช่วยเหลือ และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย บรรเทาความไม่สุขสบายต่าง ๆ
ควบคุมอาการเจ็บปวด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่พยาบาลจะต้องให้การช่วยเหลือ
สนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวให้มีส่วนร่วมในการดูแล ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และถูกทอดทิ้ง ไม่ยึดกฎระเบียบของโรงพยาบาลมากเกินไป
สร้างสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่รบกวนเวลาพักผ่อน และให้เวลาเป็นส่วนตัวที่จะอยู่กับครอบครัว
การพยาบาลเพื่อสนองความต้องการของผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
ด้านจิตใจและการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย สิ่งที่คนใกล้ตายกลัวที่สุด คือ การถูกทอดทิ้ง การอยู่โดดเดี่ยว สิ่งที่คนใกล้ตายต้องการมากที่สุด คือ ใครสักคนที่เข้าใจและอยู่ข้างๆเมื่อผู้ป่วยต้องการ
การติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต ที่สำคัญ
ยอมรับและให้เกียรติผู้ป่วยในฐานะเป็นบุคคล การเข้าไปติดต่อกับผู้ป่วยต้องเหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์
ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการพูดคุยกับพยาบาล การมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยจะทำให้เกิดความไว้วางใจและมั่นใจ
ใช้เทคนิคการพูดคุยกับผู้ป่วยในเรื่องอื่น ๆประกอบ ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อหาสาระสำคัญโดยต้องคำนึงถึงความต้องการ ความพร้อมของผู้ป่วย
ใช้เทคนิคความเงียบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ทบทวนความรู้สึก นึกคิด ของตนเอง และระบายความคับข้องใจกับพยาบาล
รักษาความลับ เคารพและป้องกันสิทธิของผู้ป่วย
ด้านจิตวิญญาณ มีความเชื่อว่าขณะที่ตายเป็นจุดสำคัญผู้ตาย ต้องมีจิตใจที่ดี คือ มีสติ หมายถึง
จิตใจไม่ฟันเฟือน เศร้าหมอง ขุ่นมัว มีจิตที่ดีงาม ผ่องใส เบิกบาน นึกถึงแต่สิ่งที่ดี จึงมักให้ผู้ป่วยสวดมนต์ทำให้จิตคิดเกี่ยวกับเรื่องบุญกุศล
ด้านร่างกาย พยาบาลควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการพยาบาลที่ไม่จำเป็น ไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเผชิญต่อความตายตามลำพัง
การดูแลด้านร่างกาย
การดูแลแบบประคับประคองทางกาย เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจอย่างชัดเจนถึงเป้าหมายแนวทางการรักษา และการปฏิบัติจริง ซึ่งผู้ป่วยและญาติควรได้รับการอธิบายให้เข้าใจ มีความเห็นและยอมรับร่วมกัน โดยมีความเชื่อมโยงกับลักษณะทางวัฒนธรรม ศีลธรรม และจริยธรรมของผู้ป่วย
การประเมินความปวด
ลักษณะความปวด
ตำแหน่ง
ความรุนแรงของความปวด
การตรวจติดตามผลการระงับปวด ต้องมีการประเมินความปวดอย่างสม่ำเสมอ (อย่างน้อย วัน
ละ1 ครั้ง)
การตรวจวินิจฉัย การประเมินสัญญาณชีพ สังเกตลักษณะการหายใจ ฟังเสียงปอดของผู้ป่วย
อาการซีด หรือเขียวที่เล็บ การใช้กล้ามเนื้ออื่น ๆ ช่วยหายใจ
การรักษา การรักษาอาการหายใจลำบากในผู้ป่วยระยะท้าย จะมุ่งรักษาที่สาเหตุซึ่งสามารถ
แก้ไขได้ เช่น ภาวะหลอดลมหดเกร็ง รักษาด้วยยาขยายหลอดลม
การวางแผนการรักษา
การบำบัดความปวด
Palliative radiotherapy ใช้รักษาแบบประคับประคอง โดยเฉพาะอาการปวดกระดูก
การจัดการความปวดโดยไม่ใช้ยา เช่น การนวด
การพยาบาลด้านร่างกาย
การดูแลอาหารและน้ำ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีพลังงาน ควรดูแลให้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าสูง และได้รับน้ำตามความต้องการของร่างกาย
การดูแลความสะอาดปากฟัน ในระยะใกล้ตายผู้ป่วยจะไม่สามารถกินอาหารได้เอง ทำให้มีสิ่งขับลังเหนียวคนสะสมในปากและคอ อาจทำให้สำลัก
การดูแลความสะอาดจมูกและตา ควรใช้สำลีชุบน้ำเกลือหมาดๆ เช็ดในรูจมูก บริเวณตาให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือหมาดๆ อาจเช็ดทำความสะอาด
การทำความสะอาดผิวหนัง อาจมีอุณหภูมิสูงขึ้น เหงื่อออก ตัวเย็น ควรประเมินผิวหนังและดูแลรักษาความสะอาดให้แห้งอยู่เสมอ พลิกตะแคงตัว อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ
การดูแลความสุขสบายและลดอาการเจ็บปวด ควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในที่เงียบสงบ จัดท่านอนให้เหมาะสมใช้หมอนรองรับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายอยู่ในท่าที่ถูกต้อง และเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
การดูแลด้านจิตใจ
การดูแลด้านจิตใจผู้ป่วยในระยะสุดท้าย (Psychological)
ซักประวัติการเจ็บป่วยทั่วไป (ประวัติส่วนตัว ครอบครัว การเจ็บป่วยทางกายและจิตใจในอดีต ประวัติความสัมพันธ์ในครอบครัว/ดูแล ภาระรับผิดชอบของผู้ป่วยและผู้ดูแล สิทธิการรักษาพยาบาล
การประเมินด้านจิตใจ ภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยโดยใช้แบบประเมิน 2Q, 9Q และแบบประเมินการฆ่าตัวตาย8Q ของกรมสุขภาพจิต
ประเมิน: Five stage reaction ของ Kubler-Ross (1969) ปฏิกิริยาต่อการเจ็บป่วยของผู้ป่วยทุกวันเพื่อวางแผนให้การรักษาพยาบาล
บทบาทของพยาบาลในการดูแลประคับประคองจิตใจญาติควรปฏิบัติ
การแจ้งข่าว การตายหรือใกล้ตายให้ญาติทราบ บอกญาติในสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ญาติได้แสดงออกตามธรรมชาติ พยาบาลควรบอกเวลาที่ผู้ป่วยเสียชีวิต
ให้เวลาญาติเพื่อพูดคุยซักถามควรตอบคำถามและอธิบายง่ายง่ายให้ญาติเข้าใจ
อนุญาตให้ญาติได้อยู่ดูแลผู้ป่วยข้างเตียง ขณะผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตหรือเสียชีวิตแล้ว เพื่อให้ได้มีโอกาสดูแลผู้ป่วยครั้งสุดท้าย ปล่อยให้ญาติอยู่กับผู้ป่วยด้วยความสงบ
อนุญาตให้ญาติแสดงความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ แสดงความรัก พยาบาลควรปลอบโยนแสดงความเข้าใจเพื่อให้ญาติผู้ป่วยยอมรับ
แนะนำญาติเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการในการรับศพออกจากโรงพยาบาล การแจ้งตาย ซึ่งต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย
ภาวะสูญเสีย (The loss)
ภาพการณ์ที่บุคคลต้องแยกจาก สูญหาย หรือต้องปราศจากบางสิ่ง บางอย่างที่เคยมีอยู่ในชีวิต ซึ่งมีลักษณะเกิดขึ้นทันทีทันใด หรือค่อยเป็นค่อยไป
ปฏิกิริยาต่อการสูญเสียของบุคคล3 ระยะ
ระยะ shock and disbelief อาการตื่นตะลึงเป็นปฏิกิริยาตอบสนองในระยะแรกเมื่อรับรู้ ถึงการสูญเสียจะมีความรู้สึกตกใจ ไม่เชื่อ ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น
ระยะ developing awareness เป็นระยะที่บุคคลเริ่มมีสติรับรู้มากขึ้นและได้ตระหนักถึงการสูญเสีย
ระยะ restitution เป็นระยะการปรับตัวเพื่อฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ
ความเศร้าโศก (Grief)
ปฏิกิริยาตอบสนองปกติของบุคคล หรือครอบครัวเมื่อประสบกับการสูญเสีย ความเศร้าโศกเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากการสูญเสีย
ปฏิกิริยาเศร้าโศกจากการสูญเสียเป็น 5 ระยะ
ปฏิเสธ (Denial) เป็นระยะเวลาที่บุคคลพยายามปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกลไกปกป้องของบุคคลที่ต้องเผชิญความจริงที่เจ็บปวด
โกรธ (Anger) โดยแสดงความโกรธต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น โทษบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือ สิ่งแวดล้อม
ต่อรอง (Bargaining) ในระยะนี้เริ่มมีการรับรู้การสูญเสีย แต่ยังพยายามมองหาสิ่งต่อรอง เพื่อปลอบใจในการที่ยังไม่สามารถยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ซึมเศร้า (Depression) เป็นระยะที่มีพฤติกรรมแยกตัว แสดงความรู้สึกเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น เนื่องจากคิดว่าไม่สามารถจัดการแก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
ยอมรับ (Acceptance) เป็นระยะที่เริ่มกลับสู่สภาพเดิม ยอมรับการสูญเสีย เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกและอารมณ์เศร้า รวมถึงสติค่อยๆ ฟื้นกลับมา
ผู้ป่วยระยะท้าย (End of Life or Terminal illness)
ผู้ป่วยที่แพทย์ให้การวินิจฉัยว่า เป็นโรคที่ไม่สามารถจะรักษาให้หายได้ และไม่มีโอกาสที่จะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตของตนให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นได้อีก
การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในระยะท้ายของชีวิต (palliative care)
การดูแลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย(ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก) และครอบครัว ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่คุกคามชีวิต รวมถึงการป้องกันและบรรเทาความทุกข์ทรมาน
หลักปฏิบัติที่สำคัญของการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
มุ่งประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเป็นหลัก มิใช่ตัวโรค
มุ่งช่วยลดอาการเจ็บปวดและทุกข์ทรมานในวาระสุดท้ายของชีวิต
ดูแลครอบคลุมถึงการตอบสนองทางด้านจิตวิญญาณของผู้ป่วย
ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มต้นจนวาระสุดท้าย เพื่อเตรียมตัวเผชิญกับความตายอย่างสงบ
การพยาบาลผู้ป่วยระยะท้ายของชีวิต
ให้การพยาบาลที่ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานด้วยความนุ่มนวล
ดูแลป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
วางแผนให้การพยาบาล รบกวนเวลาผู้ป่วยให้น้อยที่สุด
ประเมินความต้องการของผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกต่าง ๆ ออกมา
ผู้ป่วยเข้าสู่ระยะไม่รู้สึกตัวหรือถึงแก่กรรม
บันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง แจ้งให้ผู้ป่วยและญาติทราบทุกครั้ง พูดคุยและให้กำลังใจญาติ
ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลตามแผนการพยาบาล
แพทย์ พยาบาล และญาติผู้ป่วยร่วมปรึกษาหารือกัน และให้ญาติเป็นผู้ตัดสินใจในการให้แพทย์ช่วยฟื้นคืนชีพหรือไม่
จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยได้อยู่กับญาติตามลำพัง และกั้นม่านให้ตามความเหมาะสม
แจ้งให้ญาติ ครอบครัว และบุคคลอันเป็นที่รักของผู้ป่วยทราบ
การดูแลภายหลังการตาย (Bereavement Care)
เข้าใจและยอมรับว่าครอบครัวย่อมมีปฏิกิริยาต่อการสูญเสีย
ให้สมาชิกในครอบครัวได้ระบายอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ โดยจัดสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว
ติดต่อสื่อสารกับญาติผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
เปิดโอกาสให้ญาติได้ใกล้ชิดผู้ป่วยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อาการแสดงของผู้ป่วยระยะสุดท้ายใกล้ตาย
สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิสูงกว่าปกติเล็กน้อย ชีพจรเต้นช้าลงและเบา หายใจตื้นไม่สม่ำเสมอหายใจหยุดเป็นช่วงๆ อาจหายใจเร็ว และช้าสลับกัน
การไหลเวียนเลือดลดลง ผิวหนังจะเย็นชื้น เขียวคล้ำ มือเท้าเย็น หน้าซีด
การตึงตัวของกล้ามเนื้อเสียไป กล้ามเนื้อใบหน้าจะหย่อน ขากรรไกรหย่อน พูดลำบาก กลืนลำบาก