Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะสมดุลน้ำ ภาวะขาดน้ำ ภาวะน้ำเกิน - Coggle Diagram
ภาวะสมดุลน้ำ ภาวะขาดน้ำ ภาวะน้ำเกิน
ภาวะสมดุลน้ำ
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งที่มีชีวิต มักมีผู้กล่าวไว้ว่าถ้าปราศจากน้ำก็ปราศจากสิ่งมีชีวิต โดยทั่วไปคนสามารถอดอาหารได้หลายสัปดาห์ แต่ถ้าอดน้ำจะเสียชีวิตภายใน 2–3 วัน การศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่าน้ำมีประโยชน์มากมายแก่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต นอกเหนือจากคุณสมบัติที่เด่นที่สุดของโมเลกุลน้ำที่เป็นตัวทำละลายที่ดีและมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
น้ำเป็นองค์ประกอบของชีวิต
ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 70 ในเลือดมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 92 ในสมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 85 ถ้าพิจารณาในแต่ละเซลล์จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบร้อยละ 60
น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญและจำเป็นของเซลล์ทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นเซลพืช เซลล์สัตว์ และเซลล์มนุษย์ ทุกเซลล์ล้วนประกอบด้วยน้ำทั้งนั้น ในเซลล์มนุษย์และเซลล์สัตว์มีน้ำประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำหนักร่างกาย ในพืชบกมีน้ำประมาณร้อยละ 50–75 ถ้าเป็นพืชน้ำอาจมีน้ำมากกว่าร้อยละ 95 โดยน้ำหนัก
หน้าที่สำคัญที่สุดของน้ำ
คือ
เป็นตัวกลางในการเกิดปฏิกิริยาเคมีทุกชนิดในกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายทุกชนิดต้องอาศัยน้ำ เซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าไม่มีน้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ กระบวนการการย่อยอาหาร กระบวนการดูดซึมอาหาร และกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
น้ำที่เป็นของเหลวของเลือดทำหน้าที่
ขนส่งอาหารและออกซิเจนให้แก่เซลล์ อีกทั้งนำของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์มาขับถ่ายออกจากร่างกาย กระบวนการไหลเวียนเลือดและกระบวนการขับถ่ายของเสียในร่างกายไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ถ้าปราศจากสมดุลของสารน้ำในร่างกาย
น้ำช่วยให้การขับถ่ายกากอาหารในลำไส้ใหญ่เป็นไปโดยสะดวก ความผิดปกติของการถ่ายอุจจาระเกิดขึ้นเนื่องจากขาดสมดุลของการดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่เซลล์ลำไส้ เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอุจจาระร่วงหลายชนิดสร้างสารพิษที่มีผลต่อกลไกการควบคุมสมดุลสารน้ำภายในลำไส้
สารพิษ รวมทั้งสารเคมีในร่างกายที่อาจเป็นพิษ ถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยอาศัยน้ำ เลือดทำหน้าที่ขนส่งสารเหล่านั้นไปทั่วร่างกายซึ่งสารนั้นละลายในน้ำ ตับเป็นอวัยวะสำคัญในการทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสารพิษด้วยกลไกทางเคมีมากมายหลายชนิด บางคนกล่าวเปรียบเทียบว่าตับเป็นโรงงานผลิตเอนไซม์ที่ทรงพลังมากกว่าโรงงานใดๆในโลก กระบวนการขับถ่ายสารพิษเกิดขึ้นร่วมกับการขับถ่ายทางปัสสาวะและอุจจาระ
น้ำช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และช่วยรักษาระดับความเป็นกรดด่างของเลือดรวมทั้งของเหลวต่างๆ ในร่างกาย น้ำช่วยระบายความร้อนของร่างกายในรูปของเหงื่อ ซึ่งถือเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพยิ่ง
ร่างกายได้รับน้ำหลายทางด้วยกัน
น้ำดื่ม เครื่องดื่ม
น้ำที่เป็นส่วนประกอบในอาหาร
น้ำที่ได้จากการเผาผลาญสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน
ปกติคนเราดื่มน้ำวันละประมาณ 1.5 – 2.0 ลิตร และได้รับจากเครื่องดื่มและอาหารทั้งภายในและภายนอกร่างกายอีกประมาณวันละ 1 – 2 ลิตร
ร่างกายสูญเสียน้ำ
ผิวหนัง มีทั้งที่เรามองเห็นออกมาในรูปของเหงื่อ และน้ำที่ระเหยไปโดยที่เรามองไม่เห็น
ปอด โดยการหายใจออก
ทางอุจจาระ
ทางปัสสาวะ
กลไกควบคุมสมดุลของสารน้ำ
สมองส่วนไฮโปทาลามัสทำหน้าที่ควบคุมปริมาณสารน้ำในร่างกาย
เมื่อร่างกายมีการสูญเสียน้ำ สมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งมีศูนย์ควบคุมการกระหายน้ำ จะสั่งการให้เกิดการดื่มน้ำทดแทน โดยจะรู้สึกกระหายน้ำ และเมื่อมีการกลืนน้ำเข้าไปก็จะช่วยบรรเทาความกระหายได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าร่างกายขาดน้ำประมาณ 3 วัน ก็จะทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับภาวะขาดน้ำเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ลักษณะของน้ำดื่มที่ดี
น้ำดื่มที่ดีต้องปราศจากสารปนเปื้อนทางเคมีและสารอินทรีย์ต่างๆ อาทิเช่น เชื้อจุลินทรีย์ โลหะหนัก รวมทั้งสารเคมี
ประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ โปแตสเซียม แมกมีเซียม แคลเซียม เป็นต้น
โครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็กช่วยให้แทรกซึมสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำพาสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งนำพาของเสียออกมาจากเซลล์ไปทิ้งได้
น้ำดื่มที่ดีควรมีความกระด้างของน้ำปานกลาง มีประจุไฟฟ้าสูงและเป็นสื่อนำความร้อนที่ดี
ความเป็นด่างอ่อนๆ โดยมีค่าความเป็นกรด-ด่างระหว่าง pH 7.25 - 8.50 เพื่อช่วยกำจัดความเป็นกรดและของเสียในร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสมดุล
ควรมีปริมาณออกซิเจนเจือปนอยู่ด้วยสูง สามารถตรวจวัดค่าได้ประมาณ 5 มิลลิกรัมต่อลิตรหรือมากกว่า
ลักษณะของน้ำดื่มบางชนิด
น้ำอ่อนเป็นน้ำที่ไม่มีแร่ธาตุ
น้ำกลั่นเป็นน้ำที่ไม่มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ละลายอยู่เลย
น้ำดื่มบรรจุขวดที่อาจมีสารปนเปื้อนและไม่ได้มาตรฐาน ร้อยละ 25 ของน้ำดื่มบรรจุขวดนำน้ำประปามาใส่ขวด และปรับปรุงคุณภาพเล็กน้อยเท่านั้น
น้ำประปามีคลอรีนซึ่งช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่อาจจะก่อให้เกิดสารออกฤทธิ์ไม่พึงประสงค์ซึ่งเกิดจากคลอรีนทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ในธรรมชาติซึ่งละลายอยู่ในน้ำ
น้ำอัดลมทำมาจากน้ำกลั่นหรือน้ำอ่อนที่ไม่มีแร่ธาตุ
น้ำหวานและน้ำผลไม้สำเร็จรูปเป็นน้ำตาลกับสีผสมน้ำ โดยแต่งกลิ่นธรรมชาติเข้าไปและอาจเติมวิตามินหรือแร่ธาตุปะปนอยู่บ้าง
ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
หมายถึง
ภาวะที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าที่ได้รับ ทำให้กระหายน้ำและปัสสาวะมีสีเข้ม มักมีสาเหตุมาจากการอาเจียน ท้องเสีย การออกกำลังกาย หรือการใช้ยาบางชนิด สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แต่มักเกิดขึ้นได้มากกับทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ หากร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปจะทำให้เซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
อาการของภาวะขาดน้ำ
อาการที่มีความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง
กระหายน้ำ
ง่วงซึม อ่อนเพลีย
ผิวแห้ง ตาแห้ง ปากแห้ง
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
ท้องผูก
มึนหัว วิงเวียน ปวดศีรษะ
อาการที่มีความรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
กระหายน้ำรุนแรง
ไม่มีเหงื่อ ปัสสาวะน้อยและมีสีเข้ม
ความดันโลหิตต่ำ
หัวใจเต้นเร็วและแรง หายใจเร็วและหอบ
มีไข้
ตาโหลหรือตาลึก
ผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น
ท้องเสียรุนแรง อุจจาระเป็นเลือด
ไม่สามารถดื่มน้ำได้
ดูซึมลง สับสน สูญเสียการรับรู้เรื่องบุคคล เวลาและสถานที่ (Disorientation)
อ่อนเพลีย
สาเหตุของภาวะขาดน้ำ
บางครั้งผู้ป่วยอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้จากสาเหตุเพียงเล็กน้อย เช่น ดื่มน้ำน้อยเกินไป ที่อาจเป็นผลมาจากความเจ็บป่วยหรือยุ่งจากการทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำงาน หรือการเล่นกีฬา
ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป
นผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน ท้องเสีย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุเป็นจำนวนมาก รวมถึงการสูญเสียน้ำผ่านทางบาดแผลที่ผิวหนัง เช่น แผลไฟไหม้ แผลในปาก
ปัสสาวะมากผิดปกติ
ในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ ยาความดันโลหิต หรือผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
เหงื่อออกมากผิดปกติ
จากการออกกำลังกายเป็นเวลานาน ผู้ที่ทำงานในสถานที่ที่มีอากาศร้อนชื้น หรือในผู้ที่มีไข้สูง
ดื่มน้ำน้อยเกินไป
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการโคม่า ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงผู้ที่มีอาการป่วย เป็นหวัด หรือเจ็บคอ
การวินิจฉัยภาวะขาดน้ำ
การตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจรและความดันโลหิตในขณะที่ผู้ป่วยเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่ายืน
การตรวจปัสสาวะ เช่น สีของปัสสาวะ
การตรวจเลือด เช่น ปริมาณน้ำตาล ปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือด
การรักษาภาวะขาดน้ำ
ผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่มีภาวะขาดน้ำจากการออกกำลังกาย
หากทำกิจกรรมอยู่ควรหยุดพัก ถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ไม่จำเป็นออก นั่งหรือนอนพักใต้ร่มไม้หรือในตัวอาคารบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท และยกเท้าให้สูงขึ้น
ดื่มน้ำเปล่าเพื่อเป็นการชดเชยน้ำในร่างกาย หรือเครื่องดื่มเกลื่อแร่ สามารถซื้อจากร้านสะดวกซื้อหรือทำเองได้ที่บ้าน
พยายามให้บุตรหลานดื่มน้ำบ่อย ๆ หรือรับประทานไอศกรีมหวานเย็นเพื่อเป็นการชดเชยน้ำในร่างกาย
ดื่มผงละลายเกลือแร่ (Oral Rehydration Solution: ORS) ในกรณีที่ยังชดเชยน้ำในร่างกายได้ไม่เพียงพอ
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือน้ำหวานที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะขาดน้ำ
ตะคริวแดด หมดแรงเพราะแดด หรือโรคลมแดด
ปัญหาที่ไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต
ชัก เป็นผลมาจากแร่ธาตุในร่างกายไม่สมดุล เช่น โพแทสเซียมและโซเดียม
ภาวะช็อกจากปริมาตรเลือดต่ำ ส่งผลทำให้ความดันเลือดและจำนวนออกซิเจนในร่างกายลดต่ำลง เป็นภาวะที่รุนแรงและทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
การป้องกันภาวะขาดน้ำ
ดื่มน้ำมาก ๆ ทั้งก่อนและหลัง หรือในช่วงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย โดยดื่มบ่อย ๆ หรือทุก 15-20 นาที หรือดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ หากมีการออกกำลังกายต่อเนื่องนานกว่า 1 ชั่วโมง ควรหยุดพักจากการออกกำลังกาย หากพบว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะ หรือรู้สึกเหนื่อยมาก และเลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับการทำกิจกรรม เช่น เสื้อผ้าสีอ่อน เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เป็นต้น
ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว โดยเฉพาะในวันที่มีการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไข่ อาหารทะเล พืชตระกูลถั่ว นมไขมันต่ำ เป็นต้น
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเบียร์และไวน์มากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดน้ำ
ภาวะน้ำเกิน(Hypervolemia)
าวะน้ำเกินไปเป็นภาวะอย่างหนึ่งของร่างกาย จะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีของเหลวในร่างกายมากเกินไป ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า ร่างกายมีการกักเก็บน้ำมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ตัวบวม ความดันโลหิตสูง ปัญหาหัวใจ
อาการของ ภาวะน้ำเกิน
น้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็ว
อาการบวมที่เห็นได้ชัดเจนในแขน ขา เท้า ข้อเท้า ข้อมือ และใบหน้า
อาการบวมในช่องท้อง
ตะคริว
ปวดศีรษะ
ท้องอืด
หายใจถี่ เกิดจากของเหลวส่วนเกินเข้าสู่ปอด ทำให้ความสามารถในการหายใจตามปกติลดลง
ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากของเหลวส่วนเกินในกระแสเลือด
ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เนื่องจากของเหลวส่วนเกิน สามารถเร่งหรือชะลออัตราการเต้นของหัวใจ ทำร้ายกล้ามเนื้อหัวใจ และเพิ่มขนาดของหัวใจ ทั้งยังอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
สาเหตุของภาวะน้ำเกิน
หัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะหัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle)
โรคตับแข็ง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือตับอักเสบ
ไตวาย มักเกิดจากจากโรคเบาหวาน และคงามผิดปกติของการเผาผลาญอื่น ๆ
กลุ่มอาการของโรคไต และโรคที่ทำให้เกิดการขับถ่ายโปรตีนในปัสสาวะ
อาการบวมน้ำก่อนมีประจำเดือน หรืออาการที่เกิดขึ้นก่อนรอบเดือนของผู้หญิง
การตั้งครรภ์ ซึ่งเปลี่ยนความสมดุลของฮอร์โมนของผู้หญิง และอาจส่งผลกับน้ำในร่างกาย
การวินิจฉัยภาวะสารน้ำมากเกิน
ดยทำการตรวจร่างกาย เพื่อตรวจหาอาการบวม ทั้งยังอาจฟังปอดเพื่อหาสัญญาณของของเหลว แพทย์อาจจะแนะนำให้ทดสอบ เพื่อตรวจโซเดียมในเลือดและปัสสาวะ เนื่องจากภาวะสารน้ำมากเกิน มักเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ แพทย์จึงอาจทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อค้นหาเงื่อนไขพื้นฐาน เช่น หัวใจล้มเหลว ปัญหาไต และโรคตับ
การรักษาภาวะน้ำเกิน
ยาขับปัสสาวะ
าขับปัสสาวะอาจจะไม่สามารถทำงานได้ในผู้ที่มีปัญหาไตอย่างรุนแรง บางคนจึงต้องได้รับการรักษาทดแทนในส่วนของไต เช่น การล้างไต หรือการฟอกเลือด ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไต หรือตับ
อาการบวมตอนท้อง
รือที่เรียกว่า อาการบวมน้ำ (oedema หรือ edema) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับว่าที่คุณแม่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกายมากเกินไป
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้มีของเหลวสะสมคั่งค้างมากกว่าปกติ
ร่างกายของคุณแม่ต้องผลิตเลือดและของเหลวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 50% เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของทารกในครรภ์
มดลูกที่เจริญเติบโตขึ้นไปกดทับหลอดเลือดดำที่อุ้งเชิงกราน และหลอดเลือดเวนาคาวา (vena cava) ซึ่งเป็นหลอดเลือดดำใหญ่ของร่างกายซีกขวาที่คอยลำเลียงเลือดจากขา (lower limb) กลับไปยังหัวใจ แรงกดที่เกิดขึ้นทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง ส่งผลให้ของเหลวในหลอดเลือดถูกดันเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณข้อเท้าและเท้ามากขึ้น
จจัยภายนอก เช่น อากาศร้อน การยืนนานๆ การทำกิจกรรมตลอดวัน การขาดโพแทสเซียม การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป การบริโภคโซเดียมมากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดอาการบวมตอนท้องได้เช่นกัน
วิธีลดอาการบวมตอนท้อง
ลดการบริโภคโซเดียม น้ำตาล ไขมันทรานส์ และคาร์โบไฮเดรต เพราะจะทำให้ของเหลวส่วนเกินคั่งค้างอยู่ในร่างกาย
ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ ช่วยลดอาการบวมน้ำและภาวะขาดน้ำระหว่างตั้งครรภ์
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด
หากต้องยืนนาน ๆ ไม่ควรอยู่ในท่าเดิมตลอด ควรเหยียดแข้งเหยียดขา หรือเปลี่ยนท่าบ้าง
งดนั่งไขว่ห้าง นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งทับข้อเท้า
สวมรองเท้าที่สบายเท้า หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าที่มีสายรัดแน่นเกินไป
สวมเสื้อผ้าหลวมๆ ที่ไม่รัดบริเวณข้อมือ ข้อศอก ข้อเท้าและน่อง
นอนตะแคงซ้าย เพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้สะดวกขึ้น หรือนอนยกขาสูงโดยอาจใช้หมอนรองใต้ขาเพื่อช่วยลดอาการบวม
ออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำ เช่น เดิน ว่ายน้ำ แอโรบิกในน้ำ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ออกกำลังกายบริหารเท้าง่าย ๆ เช่น ยืดเหยียดเท้าขึ้นลง 30 ครั้ง หมุนเท้าเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาอย่างละ 8 ครั้ง
นวดผ่อนคลาย นวดกดจุดตามฝ่ามือและฝ่าเท้า (reflexology) หรือประคบเย็นบริเวณที่บวม
งดสูบบุหรี่ เพราะนอกจากอาจทำให้เกิดอาการบวมแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมด้วย
สรุป