Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เด็กชาย วัยเตาะแตะ อายุ 1 ปี 4 เดือน Dx.Pneumonia with fever trigger…

- - - - WBC = 16.2 x 10^3/uL
      - อัตราการหายใจ 26 ครั้งต่อนาที ฟังปอดได้ยินเสียง secretion sound both lung
    - - ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะพร่องออกซิเจน
      - ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
      - ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง เพื่อให้ปอดขยายได้เต็มที่
      - ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล ปลอบโยน
      - ดูแลให้ได้รับ O2 cannula 3 L/min
  - - - S: None
      - O: อายุ 1 ปี 3 เดือน น้ำหนัก =9.5 kg ส่วนสูง = 73 cm ประเมินน้ำหนักเมื่อเทียบกับอายุ = 89.62% ผลการประเมินคือ ขาดสารอาหารระดับ 1
    - - 1.ประมาณค่าดัชนีมวลกาย
      - ประเมินประวัติอาหารที่รับประทาน
      - ให้ความรู้ในเรื่องปริมาณสารอาหารที่ผู้ป่วยควรได้รับใน แต่ละวัน
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
  - - - 1.นะนำการการทำความสะอาดร่างกายให้มารดา
      - ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล
      - ดูแลความสะอาดในช่องปากหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
      - 2.แนะนำมารดาของผู้ป่วยให้สังเกตอาการมีเลือดตามบริเวณต่างๆ
      - 5.ดูแลริมฝีปากและช่องปากให้ชุ่มชื่น
      - 5.ดูแลริมฝีปากและช่องปากให้ชุ่มชื่น
  - - - เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายปกติและ
        ป้องกันไม่ให้เกิดอาการชักซ้ำ
    - - ไม่มีอาการแสดงของอาการชัก
      - ได้รับยาตามแผนการรักษา
      - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        เน้นไปที่อุณหภูมิร่างกาย
    - - S
        
        จากการสอบถาม มารดาบอกว่า
        “ผู้ป่วยมีอาการชัก 3 ครั้งก่อนมาโรงพยาบาล”
      - O
        
        ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ
        
        CSF protein 44.6 สูงกว่าเกณฑ์ปกติ
        
        จากการวัดอุณหภูมิร่างกาย Temperature = 37.2 องศา
    - - 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของอาการชัก
      - 2.วัดและประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง
      - 3.หากเด็กมีไข้ต่ำ ให้จัดการเรื่องไข้
      - 4.หากเด็กมีไข้สูงซึ่งโอกาสที่เด็กจะชักช้ำมีมากขึ้นให้ปฏิบัติดังข้อ 3
        ร่วมกับบริหารยาลดไข้แก่เด็กตามแผนการรักษา คือ Paracetamol 1 ml prn q 6-8 hr
      - 5.ติดตามวัดอุณหภูมิกายหลังเช็ดตัวลดไข้ 30 นาทีหรือหลังให้ยาลดไข้ 1 ชั่วโมง
      - 6.ดูแลให้เด็กได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาหากชักจากไข้สูงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
      - 7.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยากันชักตามแผนการรักษาคือkeppra
        และสังเกตอาการข้างเคียงของยาหากพบผลข้างเคียงที่รุนแรง
        ควรแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบทันที
  - - - s : มารดาบอกว่า " ไม่รู้ว่าชักแบบไหน ชักกี่นาที เห็นแต่แขนและขากระตุกแล้วเกร็ง
      - O : - จากการสอบถามมารดาไม่สามารถตอบได้ว่าบุตรมีอาการชักแบบใด บอกไม่ได้ว่าบุตรชักกี่นาที
        -จากการสอบถามมารดาไม่รู้จักการดูแลบุตร ควรปฏิบัติอย่างไรกับบุตรของตนในขณะชัก
    - - 1.เพื่อให้มารดามีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะอาการของการชัก และสามารถบอกได้ว่าลักษณะขณะชักนั้นมีลักษณะเป็นแบบใด
        2.เพื่อให้มารดามีความรู้เกี่ยวกับการดูแลบุตรขณะชักได้ถูกวิธีเพื่อที่จะได้ไม่เกิดอันตรายตามมาขณะมีอาการชัก
    - - 1.มารดา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะอาการชักของบุตร และบอกลักษณะอาการชัดได้ 2 ใน 3 ข้อ
        2.มารดาสามารถบอกวิธีการดูแลเบื้องต้น ในขณะที่บุตรชักได้อย่างถูกต้อง 4 ใน 7 ข้อ
    - - 1.สร้างความสัมพันธ์กับมารดา
      - 2.ให้ความรู้เกี่ยวกับ สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดการชัก
      - 3.ให้ความรู้มารดาเกี่ยวกับลักษณะของอาการชักในแบบต่างๆ
      - 4.แนะนำและสอนเกี่ยวกับการดูเเลเด็กที่มีอาการชักเบื้องต้นให้กับมารดา
      - 6.หากพบเด็กชักนานเกิน 5 นาที มีอาการชักซ้ำ ติดกัน หายใจติดขัด ควรนำส่งโรงพยาบาล
      - 7.แนะนำมารดาหลังจากเด็กชักสิ้นสุด ควรจัดท่าให้นอนตะแคง และดูสิ่งแปลกปลอมที่ไปอุดกั้นทำให้หายใจไม่สะดวก
      - แนะนำให้สังเกตว่าการชักเกิดขึ้นเมื่อใด ลักษณะเป็นอย่างไร ระยะเวลานานเท่าไหร่
  - - - S: จากการสอบถามมารดาของผู้ป่วยบอกว่า ตอนกลางคืนที่ผ่านมาผู้ป่วยมีไข้จึงเช็ดตัวให้ ไข้ยังไม่หาย
      - O: อุณหภูมิในร่างกาย 38.0 องศาเซลเซียล
      - จากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบ WBC 22.9 4.6-10.2 10^3/uL High
      - MO 13.0 (0.0-12.00 %) High
      - EO 8.0 (0.0-7.00 %) High
    - - 1.เพื่อป้องกันการมีไข้สูงจากการติดเชื้อในร่างกาย
      - 2.เพื่อป้องกันการชักจากอาการไข้สูง
    - - ไม่มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อในกระแสเลือด
      - 1.อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ มีอุณหภูมิ 36.4-37.5 องศาเซลเซียล
      - 3.ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการมีค่าปกติ
        
        WBC 4.6-10.2 10^3/uL
        
        MO 0.0-12.00 %
        
        EO 0.0-7.00 %
    - - 1.ประเมินและติดตามสัญญาณชีพ อาการและอาการแสดง โดยเฉพาะอุณหภูมิกาย
      - แนะนำให้มารดาเช็ดตัวลดไข้ กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ และถ้าไข้สูงมากอาจให้ยาลดไข้ร่วมด้วย
      - สังเกตและประเมินอาการที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น จากการติดเชื้อในกระแสเลือดเช่น ชัก ชีพจรเต้นเร็ว ปวดท้อง หน้าท้องแข็ง อาเจียน
      - 4.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ คือ Ceftriazone ตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ เบื่ออาหาร ท้องเดิน ท้องร่วง ท้องเสีย ผื่นขึ้น ตาแดง ผมร่วง ค่า BUN สูงขึ้น
      - 5.ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบๆ เตียงของผู้ป่วยให้สะอาด เช่น จัดวางของให้เป็นระเบียบ เปลี่ยนผ้าปูเตียง
  - - - จากการสอบถาม “ น้องมีปากบวม ร้องไห้งอแงตอนกลางคืน ”
      - จากการสังเกต ผู้ป่วยมีอาการซึม ร้องไห้ งอแง นอนหลับๆตื่นๆ
      - จากการตรวจร่างกาย มีปากบวมแดง ผื่นแดง ผิวเป็นเกล็ดลอกบริเวณตามร่างกาย
    - - 1.ประเมินอาการอาการแสดงของการแพ้ยา เช่น ผิวหนังและเยื่อบุ มีผื่นคัน ตัวแดง ลมพิษ มีอาการปวดที่ตา เป็นต้น
      - บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะความดันโลหิต ค่าความอิ่มตัวออกซิเจน
      - 3.สอบถามประวัติการแพ้ยาของผู้ป่วยทุกครั้ง
      - 4.ให้คำแนะนำมารดาในการดูแลผู้ป่วย เช่น การตัดเล็บให้สั้น การใส่เสื้อผ้าอ่อนนุ่ม ไม่ใส่เสื้อผ้าหลายชั้นและไม่ใส่เสื้อผ้าที่หนาที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
      - 5.ดูแลให้ได้รับ O2 cannula 2 L/m
      - ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ceftriaxone sodium 470 mg ,Acyclovir 190 mg และสังเกตอาการข้างเคียงของยา