Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพัฒนาอาชีพ ผู้อำนวยการพยาบาล, PBL ครั้งที่ 4 นางสาวจินดารัตน์…
การพัฒนาอาชีพ
ผู้อำนวยการพยาบาล
การวางแผน
(Planning)
ความหมาย
การคิดกำหนดการล่วงหน้า ว่าจะทำอะไร
ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ใครทำ และทำเพื่อ
อะไร (What Where When How Who
and Why)
หลักการ
การวางแผนควรกระทำเมื่อใด โดยปกติการวางแผนนั้นควรจะได้เริ่ม
ปฏิบัติจัดทำขณะที่เริ่มดำเนินงานเป็นอันดับแรก
วัตถุประสงค์ นโยบาย จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้
ชัดเจน
ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการวางแผนที่สำคัญได้แก่ ข้อมูล
ข่าวสารต่างๆ คน เงิน วัสดุสิ่งของ เป็นต้น
วิธีดำเนินงานตามแผน กล่าวคือ เมื่อได้วางแผนขึ้นแล้ว จะต้อง
พิจารณาหาลู่ทาง
คำนึงถึงสภาพภูมิศาสตร์ สภาวะแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ คุณค่าทาง
สังคม พฤติกรรมของบุคคล ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี
ขั้นตอน
ขั้นดำเนินการก่อนการวางแผน (Preparation)
ขั้นปฏิบัติตามแผน (Implementation)
ขั้นการติดตามประเมินผล (Follow up and
Evaluation)
ลักษณะที่ดี
เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วม
ในการวางแผนด้วย
ปรับปรุงแก้ไขได้เมื่อจำเป็น
มีวัตถุประสงค์แน่นอน ชัดแจ้ง เข้าใจง่าย
นำไปปฏิบัติได
ประโยชน์
ประหยัดแรงงาน วัสดุ และเวลา
ถ้าทุกฝ่ายได้ร่วมวางแผน จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของงานนั้นๆ
ผู้นิเทศสามารถควบคุม ติดตาม และประเมินผลงานได้ดี
เกิดระเบียบในการปฏิบัติงาน
ประเภท
แบ่งตามระยะเวลา ได้แก่ แผนระยะยาว แผนระยะกลาง
และแผนระยะสั้น
แบ่งตามลักษณะความสำคัญ ได้แก่ แผนใหญ่ (Master
Plan) แผนรอง หรือแผนละเอียด
แบ่งตามกิจกรรมหรือประเภทของแผน ได้แก่ แผนทาง
เศรษฐกิจ แผนทางสังคม และแผนทางการคลัง
การวางแผนกลยุทธ์
(strategic planning)
การจัดการ
เชิงกลยุทธ์
เป็นการตัดสินใจในการปฏิบัติการเพื่อให้องค์การประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานระยะยาว
ความหมาย
การบัญชาการกองทัพ (Generalship)
ด้วยจุดหมายต้องการพิชิตศัตร
ความสำคัญ
ช่วยให้องค์การมีกรอบและทิศทางที่ชัดเจน
ช่วยให้ผู้บริหารคิดอย่างเป็นระบบ
ช่วยสร้างความพร้อมให้องค์การ
ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการแข่งขัน
ช่วยให้การทำงานเกิดความสอดคล้องในการปฏิบัติหน้าที่
ช่วยให้องค์การมีมุมมองที่ครอบคลุม
ลักษณะสำคัญ
เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นถึงอนาคต (Future - Oriented)
เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นการจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงของ
องค์การ (Change - Oriented)
เป็นการบริหารองค์การแบบองค์รวม (Holistic Approach)
เป็นการบริหารองค์การแบบองค์รวม (Holistic Approach)
เป็นการบริหารที่ให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์การ
(Stakeholder - Oriented)
เป็นการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นการวางแผนระยะยาว (Long –
Range Planning)
ขั้นตอน
การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Analysis)
การกำหนดกลยุทธ์(Strategic Formulation)
การนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ (Strategic Implementation)
การประเมินและควบคุมกลยุทธ์ (Strategic Evaluation and Control)
การวางแผนเชิงปฏิบัติการ
(operational planning)
ความหมาย
สิ่งที่ผู้บริหารใช้เป็นสิ่งหนึ่งในหน้าที่รับผิด
ชอบของตัวเองและพาองค์กรไปสู่ความ
สำเร็จ
รูปแบบ
1 แผนแบบใช้ครั้งเดียว
2.แผนที่ต้องใช้ต่อไป
ขั้นตอน
1.กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์
วิเคราะห์และประเมินสภาพแวดล้อม
กำหนดทางเลือก
ประเมินทางเลือกที่มีอยู่
คัดเลือกแผนการทำงานที่ดีที่สุด
การจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับแผนการที่วางไว้
ควบคุมแผนงานและประเมินผล
การจัดการงบประมาณ
(Budget)
ความหมาย
แนวทางการพิจารณาและช่วงเวลาของงบประมาณ
แสดงให้ทราบถึงรูปแบบความรับผิดชอบที่ชี้ให้เห็น
ถึงความสัมพันธ์ของอำนาจทางเมือง
ชนิด
งบบุคลากร หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานบุคคลภาครัฐ
เงินเดือน (salary)
ค่าจ้างประจำ
ค่าจ้างชั่วคราว
งบดำเนินการ หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานประจำ
ค่าตอบแทน
ค่าใช้สอย
ค่าวัสด
ค่าสาธารณูปโภค
งบลงทุน หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดไว้ให้จ่ายเพื่อการลงทุน
งบเงินอุดหนุน หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดจ่ายเป็นค่าบำรุง
งบเงินสด เป็นการจัดทำงบเงินเพื่อให้ทราบถึงกระแสเงินสดทั้งที่เป็นรายรับและรายจ่าย
งบแผนงาน เป็นงบที่หน่วยงาน องค์กรได้วางแผนในแต่ละปีตามแผนการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนสำคัญ
ขั้นเตรียมงบประมาณ (Budget preparation)
ขั้นตอนอนุมัติงบประมาณ (Budget adoption)
ขั้นการบริหารงบประมาณ (Budget execution)
หลักการสำคัญ
เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณ
เพื่อไม่ให้เกิดความชะงักในการปฏิบัติงาน
เพื่อธำรงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของฝ่ายบริหารที่อนุมัติงบประมาณ
เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปตามเงื่อนไข
เพื่อความยืดหยุ่นของงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณสอดคล้องเป็นไปตามแผนงาน
เพื่อให้มีความยืดหยุ่นได้ในทุกระดับของการบริหาร
บทบาทผู้บริหารการพยาบาล
ในการจัดงบประมาณ
ร่วมกำหนดพันธกิจ นโยบาย เป้าหมายในการจัดทำและจัดสรรงบประมาณ
จัดทำงบประมาณของกลุ่มการพยาบาล
ร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณางบประมาณ
บริหารงบประมาณ ควบคุมค่าใช้จ่าย
จัดทำคู่มืองบประมาณ
วางแผน/จัดให้มีการพัฒนาความรู้เกี่ยวกันการเงินและงบประมาณ
การจัดอัตรากำลังคน
(Staffing)
ความหมาย
เป็นการจัดคน เพื่อให้หน่วยงานมีกำลังคนทำงาน
อย่างเพียงพอ คนมีคุณภาพ มีความรู้ ความสามารถ
ที่จะปฏิบัติงานเพื่อให้ผู้รับบริการหรือผู้ป่วยปลอดภัย
โดยได้รับบริการพยาบาลที่มีคุณภาพ
หลักการ
แบบแผนหรือรูปแบบในการจัดอัตรากำลัง และการจัดบริการพยาบาล
ไม่ขึ้นกับประเภทหรือกลไกของการจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ขึ้นอยู่กับชนิด
การจัดอัตรากำลัง ต้องอยู่บนพื้นฐานการมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้านประสิทธิภาพ
การประเมินผลการจัดอัตรากำลัง ต้องประเมินทั้งด้านคุณภาพการดูแลผู้ป่วย
และคุณภาพชีวิต
มีระบบการจัดเตรียมบุคลากรทดแทนให้เพียงพอในกรณีบุคลากรป่วย
วัตถุประสงค์
เพื่อกำหนดปริมาณอัตรากำลังให้มีบุคลากรทางการพยาบาลดูแล
ผู้ป่วยและให้บริการสุขภาพอย่างเพียงพอ
เพื่อสรรหาบุคลกรทางการพยาบาลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
เพื่อออกแบบการจัดตารางเวลาการปฏิบัติงานของบุคลากร
ทางการพยาบาลให้เหมาะสม
กระบวนการ
การวางแผนอัตรากำลัง (Staffing plan)
การจัดตารางการปฏิบัติงาน (Scheduling)
การกระจายอัตรากำลัง (Staff allocation)
การบริหารการเปลี่ยนแปลง
(Change Management)
ความหมาย
การจัดการกับเหตุการณ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม และทำให้เกิดการพัฒนาองค์กรทั้งเชิงประสิทธิภาพและประสิทธิผล
รูปแบบ
การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive) เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่
จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากผู้อื่นซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์
การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ (Reactive) เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่น
อาจจะเป็นในเชิงจากหน่วยงานต้นสังกัด หรือเป็นนโยบายระดับองค์กร
กระบวนการ
ช่วงละลายพฤติกรรม (Unfreezing) เป็นความพยายามละลายระบบ
ช่วงการเปลี่ยนแปลง (Changing) เป็นช่วงที่เป็นการเรียนรู้เพื่อ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม
ช่วงตกผลึกอีกครั้ง (Refreezing) เป็นช่วงที่พฤติกรรมใหม่ที่ได้จาก
การเรียนรู้
องค์ประกอบหลัก
โครงสร้างของการบริหารงานในองค์กร (Structure)
กระบวนการในการทำงาน (Process)
บุคลากร ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
การตอบสนองของมนุษย์
ต่อการเปลี่ยนแปลง
การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
การไล่ตามการเปลี่ยนแปลง
การนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ลักษณะการต่อต้าน
มีทั้งหมด 3 รูปแบบ
การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง (Denial)
การต่อต้านเงียบ (Passive Resistance)
การต่อต้านอย่างเปิดเผย (Active Resistance)
การมอบหมายงานและความรับผิดชอบ
(Delegation and Responsibility)
การมอบหมายงาน เป็นการกำหนดความรับผิดชอบ
อำนาจ ภายในขอบเขตที่กำหนด โดยตัวผู้บังคับ
บัญชาให้แก่ผู้ร่วมงาน
ระดับของผู้บริหาร
ผู้บริหารระดับต้น ได้แก่ หัวหน้างาน หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าแผนก
ผู้บริหารระดับกลาง ได้แก่ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้ากอง
ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าหน่วยงานที่สูงกว่ากองขึ้นไป
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ รองผู้อำนวยการ รองอธิบดี
อธิบดี รองปลัดกระทรวง ปลัดกระทรวง
บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ
ของบุคลากรที่มีต่อองค์กร
ทำความกระจ่างชัดกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร
คิดว่างานที่ได้รับมอบหมายเป็นงานที่ท้าทายความรู้ ความสามารถและ
ศักยภาพของตนเอง
ช่วยกันดูแลทรัพยากรที่มีอยู่ให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด
ไม่ฉวยโอกาสจากองค์กร
ร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ร่วมกัน ส่งเสริมให้มี
การกล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าลงมือทำ
พัฒนาตนเองในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่
ลักษณะการ
มอบหมายงาน
การมอบหมายงานเป็นหน้าที
ข้อดี สามารถพัฒนาทักษะจนชำนาญในเรื่องนั้น ประหยัด
เวลาอุปกรณ์ ใช้บุคลากรน้อยลงแต่สามารถให้บริการผู้ป่วย
จำนวนมาก อาจจะเหมาะสำหรับการปฏิบัติงานในระยะสั้นๆ
ข้อเสีย อาจไม่ได้บูรณาการเป็นองค์รวม มีการขาดตอนตาม
งาน มุ่งงานมากกว่ามุ่งคน เกิดผิดพลาดได้ง่ายเพราะรับผิด
ชอบลำพังคนเดียว เป็นการทำตามหน้าที่ของตนเองเท่านั้น
สัมพันธภาพกับผู้ป่วยไม่ดีทำให้ขาดการเรียนรู้ของใหม่
การมอบหมายงานเป็นรายบุคคล (case method)
ข้อดี พยาบาลได้ใกล้ชิดผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก สามารถช่วย
เหลือได้ทันท่วงทีเข้าใจปัญหาของผู้ป่วย มีความไว้วางใจต่อกันมากขึ้น
ข้อเสีย ต้องใช้พยาบาลและเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก จะรู้จักเฉพาะผู้
ป่วยที่รับผิดชอบเท่านั้น อาจมีข้อจำกัดสำหรับนักศึกษาพยาบาลและ
พยาบาลจบใหม่ตลอดจนเจ้าหน้าที่พยาบาล ที่ไม่สามารถดูแลผู้ป่วย
หนักได้ทั้งราย
การมอบหมายงานแบบทีม (Team Method)
ข้อดี สามารถให้การพยาบาลได้ครบถ้วนและมีคุณภาพ ได้ใช้ความรู้ความ
สามารถตรงตามศักยภาพและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
ช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ดี
ข้อเสีย หากลืมหรือเกิดความไม่ทั่วถึงในการให้การบริการพยาบาลแก่ผู้
ป่วยอาจหาคนที่ต้องรับผิดชอบในงานนั้นๆ ได้ยาก ส่วนใหญ่วิธีการนี้มีผล
เสียน้อยหากทุกคนรู้บทบาทของตนเองเป็นอย่างดีและมีความรับผิดชอบสูง
การมอบหมายงานแบบเจ้าของไข้ (Primary Nursing)
ข้อดี พยาบาลได้เข้าใจปัญหาของผู้ป่วยและสามารถให้การพยาบาลได้อย่างต่อ
เนื่องและสมบูรณ์แบบ มีการทำงานประสานกับวิชาชีพอื่นๆ ในทีมสุขภาพ
ข้อเสีย ต้องใช้พยาบาลจำนวนมากจึงจะเพียงพอกับผู้ป่วย มีความยุ่งยากในการ
จัดเวรดูแลผู้ป่วย
การมอบหมายงานแบบผสม (Multiple Method)
เป็นการผสมผสานกันหลายๆ แบบ เช่น แบบทีมร่วมกันกับแบบตามหน้าที่
แบบรายบุคคลร่วมกับแบบทีม ซึ่งอาจแก้ปัญหาพยาบาลไม่เพียงพอได้
PBL ครั้งที่ 4
นางสาวจินดารัตน์ สยามประโคนธนายุ
61101440