Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever : DHF), รูปภาพ2, article…
โรคไข้เลือดออก
(Dengue hemorrhagic fever : DHF)
ความหมาย
เป็นโรคที่ติดเชื้อที่มักมีระบาดในเด็กเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ
อาการทางคลินิกที่สำคัญคือ มีไข้สูงลอย 2-7 วัน หลังจากนั้นไข้จะลดลงสู่ปกติ หรือต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็วพร้อมกับมมีอาการช็อค
มีเลือดออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
สาเหตุ
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลาย Aedes aegyti ตัวเมีย
2-7 วันในช่วงที่มีไข้ หากยุงกัดคนในช่วงนี้ก็จะรับเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น
โรคนี้ระบาดในฤดูฝน ยุงลายชอบออกหากินในเวลากลางวัน
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกีมีอาการแสดงได้ 3 แบบ
ไข้เดงกี (Denque Fever – DF)
ไข้เลือดออก หรือ ไข้เลือดออกเดงกี (Dengue hemorrhagic fever – DHF)
ไข้เลือดออกเดงกีที่ช็อก (Denque Shock Syndrome – DSS)
1.ชีพจรเบาเร็ว
มีการเปลี่ยนแปลงในระดับความดันโลหิตโดยตรวจพบมี Pulse pressure แคบน้อยกว่า 20 mmHg โดยที่ความดันยังไม่ต่ำเช่น100/80 หรือมีความดันโลหิตต่ำ
มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย
poor capillary refilled < 2 วินาที (วิธีตรวจทำโดยการกดเล็บจะพบว่าซีด เมื่อปล่อยให้จับเวลาตั้งแต่ปล่อยจนสีเล็บกลับสู่ปกติ)
การรักษา
ถ้าเป็นเด็กโตให้ isotonic solution,5% D/NSS
ถ้าเป็นเด็กเล็ก < 1 ปี ให้ 5% D/N/2
ถ้าช็อกให้ isotonic solution ในช่วงที่มีภาวะช็อกเท่านั้นโดยให้ในขนาด 10-20 มิลลิลิตรกิโลกรัม/ชั่วโมงเมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นชัดเจนจากการให้สารน้ำ แม้จะเป็นเวลา ½ - 1 ชั่วโมง ควรจะลดอัตราเร็วของการให้สารน้ำแก้ไขภาวะเสียดุลของเมตะบอลิกและอิเล็คโทรลัยท์ที่อาจเกิดขึ้น
ถ้าผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น ต้องนึกถึงภาวะเลือดออก อาจให้เลือด
การเอาใจใส่ดูแลของแพทย์และพยาบาลในช่วงวิกฤต การมีภาวะช็อกนาน (prolonged shock) ภาวะเป็นกรดจากเมตาบอลิซึม (metabolic acidosis) และมีภาวะ DIC รุนแรงขึ้น ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกมาก ทำให้การพยากรณ์โรคเลวลง
เมื่อได้รับเชื้อเดงกีเข้าไปครั้งแรก (สามารถติดเชื้อตั้งแต่อายุได้ 6 เดือนขึ้นไป) จะมีระยะฟักตัวของโรคจนเกิดอาการประมาณ 3-15 วัน (ส่วนมากคือ 5-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงคล้ายไข้หวัดใหญ่อยู่ประมาณ 5-7 วัน และส่วนมากจะไม่มีอาการเลือดออก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีเลือดออกหรือมีอาการรุนแรง เรียกว่า “ไข้เดงกี” (Dengue fever – DF)
อาการและอาการแสดง
ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะยุง 12 วัน เพิ่มจำนวนแล้วออกมาจากผนังกระเพาะเข้าสู่ต่อมน้ำลายยุง
4-5 วัน ที่มีไข้สูงจะมีเชื้อไวรัสในกระแสโลหิต (Viremia)
3-6 วัน เริ่มแสดงอาการ
อาการของโรคไข้เลือดออกจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะไข้ (2-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเกือบตลอดเวลา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มักมีหน้าแดง และอาจมีผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา
การรักษา
ให้ยาลดไข้ร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้
ดูแลให้รับประทานอาหารตามความต้องการของเด็ก
นัดเด็กที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกมาตรวจทุกราย
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ไข้สูงเนื่องจากติดเชื้อไวรัสแดงกี
เสี่ยงต่อการได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดท้อง
ระยะช็อค ระยะนี้ไข้จะเริ่มลดลง ผู้ป่วยจะซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ในรายที่รุนแรง จะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อค และอาจถึงตายได้ ระยะนี้กินเวลา 24-48 ชั่วโมง ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายไม่จำเป็นต้องเป็นรุนแรงและเข้าสู่ภาวะช็อคทุกราย
การรักษา
มุ่งแก้ภาวะช็อคและอาการเลือดออกด้วยการให้สารน้ำทดแทน แต่ไม่ควรให้นานเกิน 24-28 ชม.
ข้อบ่งชี้ในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
มีเกล็ดเลือดน้อยกว่า 100,000 เซลล์/ลบ.มม.และมีฮีมาโตคริตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
มีอาการ shock
ชนิดของสารน้ำที่ให้
Crystalloid solution เช่น 5% D/NSS,5% DAR
Colloidal solution กลุ่ม Plasma expander เช่น dextram-40,plasma
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อคจากการรั่วของพลาสมา
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกเนื่องจากหลอดเลือดเปราะแตกง่าย
กลัวและวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วย
ระยะฟื้นตัว อาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและช้าลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นแดงและมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามลำตัว
การรักษา
ลดหรือหยุดการให้สารน้ำ หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่รุนแรง
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
อาจเกิดภาวะน้ำเกิน จากการได้รับการรักษาและพยาธิสภาพของโรค
ชนิดและลักษณะของเชื้อไวรัสแดงกี
เชื้อไวรัสแดงกี เป็น single stranded RNA ไวรัสมีด้วยกัน 4 ชนิด
(serotype) DEN1 DEN2 DEN3 DEN4
ภาวะภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อไวรัสแดงกีมีอาการได้ 4 แบบ
ไข้ออกผื่น (Undifferentiated Fever)
การติดเชื้อเดงกี (Dengue Fever )
ไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever : DHF)
ไข้เลือดออกแดงกีช็อก (Dengue Shock Syndrome :DSS)
ความรุนแรงของโรค
Grade 1 ผู้ป่วยไม่ช็อก เป็นไข้เลือดออกโดยที่ไม่มีจุดเลือดออกทำ tourniquet test ให้ผลบวก
Grade 2 ผู้ป่วยไม่ช็อก มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาไหล
หรืออาเจียนเป็นเลือด
Grade 3 ผู้ป่วยช็อกมีความดันโลหิตต่ำชีพจรเร็ว pulse pressure แคบ เหงื่อออก กระสับกระส่าย
Grade 4 ผู้ป่วยช็อกรุนแรง วัดความดันโลหิตไม่ได้ DHF Grade 3 และ Grade 4 เรียกว่า DSS
การติดเชื้อไข้แดงกี (Dengue Fever)
การติดเชื้อไข้เลือดออกในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยมาซึ่ง
อาการไม่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดา มักจะเป็นการติดเชื้อครั้งแรกเรียกว่า Primary infection
ระยะฟักตัว ประมาณ 4-6 วัน โดยเฉลี่ย 3-14 วัน
ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส ไข้มักจะขึ้นสูงวันละ 2 ครั้ง
ผื่น ในช่วงแรกๆของไข้จะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ หน้าอก ลักษณะเป็นผื่นแดงๆ
มีจุดเลือดออกตามผิว
การดูแลผู้ป่วย
การดูแลในระยะไข้สูง
การพักผ่อนในระยะที่มีไข้
การเช็ดตัวหรือการให้ยาลดไข้ โดยพยายามให้อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 40 องศา ยาลดไข้ที่ใช้ได้ผลดี คือ พาราเซทตามอล (paracetamol) ไม่ควรใช้แอสไพรินและ Ibrufen เพราะจะทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร
การให้น้ำเกลือแร่ทางปากกรณีที่มีอาเจียนหรือเสียเหงื่อมาก
ผู้ป่วยควรได้รับการประเมินจนกระทั่งไม่มีไข้ และผลเลือดกลับสู่ปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ผลการตรวจเลือด CBC มักจะปกติในช่วงไข้ WBC อาจจะต่ำ
เกล็ดเลือดมักจะมีจำนวนลดลง น้อยกว่า 140,0000 /mm3 แต่มากกว่า 100,000 /mm3
ผลการทำงานของตับมักจะปกติ
Hct. อาจเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ 10% จากภาวะ dehydrate
การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ
WBC มักจะปกติหรือสูงในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าสู่วันที่ไข้จำนวน WBC จะลดลง และมี atypical lymphocytes เพิ่มมากขึ้น
เลือดข้นขึ้นการเพิ่มของความเข้มข้นของเลือด Hct 20% เมื่อเทียบกับ Hct เดิม
เกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000/mm3
การตรวจ dengue NS1 Antigen
การตรวจ dengue PCR
ข้อวินิจฉัยและเกณฑ์การวินิจฉัย
1.ไข้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและไข้สูงลอย 2-7 วัน
มีอาการไข้เลือดออก อย่างน้อยทำ tourniquet test ให้ผลบวกร่วมกับมี
อาการเลือดออกอื่น เช่นจุดเลือดออกที่ผิวหนัง เลือดกำเดา ถ่ายเป็นเลือด
3.ตับโต มักกดเจ็บ
การไหลเวียนเลือดผิดปกติ หรือ ช็อค
มีการ Leakage ของ plasma นอกหลอดเลือด โดยมีการเพิ่มขึ้นของ Hct.
มากกว่าหรือเท่ากับ 20% หรือมี pulmonary edema , Ascites
เกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 /mm3
ข้อวินิจฉัย
ไม่สุขสบายจากอาการปวดท้องและคลื่นไส้อาเจียน
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงสาเหตุการปวดท้อง
ระวังการกระทบกระแทกที่หน้าท้อง
ให้การพยาบาลที่นุ่มนวล ระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ให้นอนท่า fowler’position เพื่อให้หน้าท้องหย่อนตัว
ให้อาหารอ่อนย่อยง่าย รสไม่จัด และงดอาหารมัน
ให้ยาแก้ปวดท้องตามแผนการรักษา
สังเกตอาการปวดท้อง ถ้าปวดมากควรรายงานแพทย์
2.เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกง่ายเนื่องจากมีเกล็ดเลือดต่ำ
กิจกรรมการพยาบาล
1.อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติ ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกง่าย และให้ร่วมเฝ้าระวัง
2.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ระวังการพยาบาลที่ทำให้เลือดออกเช่น การเจาะ
เลือด งดการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ การใส่สายยางให้อาหารทางจมูก
3.งดการแปรงฟัน และให้ใช้SMW บ้วนปากแทน
4.สังเกตอาการและสอบถามเรื่องอาการมีเลือดออกทุกเวร
5.เจาะเลือดทุกครั้งด้วย blood lancet และกดจนแน่ใจว่าเลือดหยุดไหล
6.แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด
3.เสี่ยงต่อภาวะ hypovolomic shock เนื่องจากมีการรั่วซึมของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 1 ชม. Until stable และวัดต่อทุก 4 ชม.
2.ดูแลให้ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษา และตรวจนับหยดสารน้ำให้ได้ตรงตามจำนวน
3.กระตุ้นให้ดื่มน้ำเกลือแร่ /น้ำผลไม้บ่อยๆ
4.ดูแลให้ได้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย ครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง
5.ติดตามปริมาณสารน้ำเข้าออก จากการตวง intake-output ถ้าurine น้อยกว่า 1 cc/kg/hr
หรือไม่มีปัสสาวะใน 4 ชั่วโมง รายงานแพทย์
6.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและรายงานให้แพทย์ทราบ
สังเกตอาการมีเลือดออกจากทุกระบบในร่างกาย เช่น ปวดท้องมาก อาเจียน/ถ่ายเป็น
เลือด BP drop,Pulse pressure แคบ Pulse เบาเร็ว
8.ดูแลให้ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
การป้องกันและการควบคุมโรค
วิธีป้องกันไข้เลือดออกที่ได้ผลดี และยั้งยืนต้องเป็นแบบบูรณการโดยการร่วมมือของทุกฝ่าย
ภาคครัวเรือนต้องป้องกันโดยการกำจัดแหล่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุงและการป้องกันส่วนบุคคล
ภาคชุมชนจะต้องมีการรณรงค์ให้มีการกำจัดแหล่งลูกน้ำในชุมชนอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้งและจะต้องทำพร้อมกันทั่วประเทศโดยการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ
สำหรับชุมชนที่ห่างไกลก็อาจจะต้องใช้อาสาสมัคร
จัดโปรแกรมสำหรับเด็กและครอบครัวเพื่อกำจัดลูกน้ำ
กระตุ้นให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดสิ่งแวดล้อม
จัดการประกวดพื้นที่ปลอดภัยจากไข้เลือดออก
8.ป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยนอนในมุ้งแม้ในเวลากลางวัน
9.ใส่ทรายอะเบต 1% ลงในตุ่มน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำในอัตราส่วน 10 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตรควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน น้ำที่ใส่ทรายอะเบตสามารถใช้ดื่มกินได้อย่างปลอดภัย
10.ปิดฝาโอ่งหรือภาชนะอื่นๆให้มิดชิดหรือใส่ทรายเคมี กำจัดลูกน้ำในภาชนะที่เก็บน้ำไว้ใช้ใส่เกลือหรือน้ำส้มสายชูลงในจานรองขาตู้กับข้าวสัปดาห์ละครั้ง