พยาธิสรีรวิทยาระบบทางเดินอาหาร

Cause of increase in global
consumption of energy

Growth of population.


Industrial development.
Increase in affluence of human societies.


Increase in affluence of human societies.

FOSSIL FUELS


coal, oil and natural gas.


finite source of energy

Infrastructure present for its use in most countries
e.g.connection to electricity grid are well established.


High energy content.

โครงสร้างของทางเดินอาหาร

ช่องปาก (Mouth cavity)

การย่อยเริ่มต้นที่ช่องปาก เมื่อคุณเริ่มเคี้ยวอาหาร ฟันทำหน้าที่บดอาหารให้เป็นชิ้นเล็ก ต่อมน้ำลายจะผลิตน้ำลายออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร เพื่อให้ง่ายต่อการกลืนและเคลื่อนผ่านไปยังส่วนต่อไป นอกจากนี้ ในน้ำลายยังมีเอนไซม์อะไมเลส ทำหน้าที่ย่อยอาหารจำพวกแป้งด้วย

หลอดอาหาร (Esophagus)

หลังจากที่เรากลืนอาหารผ่านลำคอลงไป อาหารจะเคลื่อนผ่านหลอดอาหารด้วยวิธีที่เรียกว่า Peritalsis ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารให้ก้อนอาหารที่กลืนลงไปตกลงสู่กระเพาะอาหาหาร

กระเพาะอาหาร (Stomach)

เมื่ออาหารเคลื่อนมายังกระเพาะอาหาร ก้อนอาหารจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารเกิดการเคลื่อนไหว หรือเกิดการบีบตัวและคลายตัว เพื่อเป็นการคลุกเคล้าอาหารให้ทำผสมกับน้ำย่อยที่หลั่งออกมจากต่อมไร้ท่อ ในกระเพาะอาหารจะมีสภาวะเป็นกรดประมาณ pH 2 – 3 ซึ่งเอื้อต่อการทำงานของเอนไซม์หรือน้ำย่อย โดยอาหารจำพวกโปรตีนจะถูกย่อยที่กระเพาะอาหารมากที่สุดด้วยเอนไซมม์เพปซิน (Pepsin)

ส่วนที่เป็นทางเดินอาหาร

โรคทางช่องปาก

ความพิการเเต่กําเนิด

โรคปากแหว่งเพดานโหว่

ปากแหว่งเพดานโหว่ (cleft lip and cleft palate) เป็นความพิการของใบหน้าที่เกิดกับทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ประมาณ 1- 2 คนต่อทารกแรกเกิด 1,000 คน โดยพบมากที่สุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 700 – 800 คนต่อปี

อาการของโรคปากแหว่งเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้จากภายนอก คือ มีรอยแยกของริมฝีปากบนและอาจเป็นไปจนถึงเหงือกและเพดานปากส่วนหน้าได้ด้วย อาจเป็นด้านเดียวหรือสองด้าน

สาเหตุของโรค
โรคปากแหว่งเพดานโหว่ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือโครโมโซมที่ผิดปกติ หรือปัจจัยภายนอกที่กระทบคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก เช่น การขาดสารอาหาร ผลข้างเคียงของยาหรือสารเคมีบางอย่าง รวมถึงการติดเชื้อ

ส่วนเพดานโหว่ คือ รอยแยกที่เพดานอ่อนไปจนถึงเพดานแข็ง อาจมีความผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อที่เปิดปิดทางระบายหูชั้นกลางผิดปกติ มีน้ำคั่งในหูชั้นกลางส่งผลให้การได้ยินลดลง มีโครงสร้างของกระดูกใบหน้าส่วนกลางผิดปกติ มีการสบกันของฟันผิดปกติ ทำให้มีปัญหาการพูด พูดไม่ชัด เสียงขึ้นจมูก

การอักเสบ


Gingivitis


เศษอาหารหมักหมมหรือหินปูนพอกอยูที่ฟัน


Periodontitis

เกิดจากการละลายของรากฟัน

Dental caries

โรคที่มีการทำลายเนื้อเยื่อหินปูน (Calcified tissue) ของฟัน โดยเริ่มต้นที่ผิวนอกของฟันเฉพาะที่ใดที่หนึ่งก่อน แล้วจะลุกลามเข้าไปยังใจกลางฟันที่เรียกว่าโพรงประสาท (Pulp) ในระยะนี้ผู้ป่วยจะเจ็บปวดและทรมานมาก

Recurrent herpes labialis


เกิดจาก herpes simplex virus ระยะเเรกเป็น vesicle ขนาดเล็ก ต่อมาเเตกเป็นแผล


Aphthous ulcer


เป็นแผลที่เกิดชาในช่องปาก

oral candidiasis

ทำให้มีเชื้อราสะสมในช่องปากจนเห็นเป็นฝ้าสีขาวข้นที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก

tonsillitis

acute pharyngitis

สวนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส รองลงมาคือ เชื้อแบคทีเรีย โดยตัวเชื้อทั้งหมดนั้นอาจจะอยู่ในน้ำลาย เสมหะ อากาศที่หายใจเข้าไป การสัมผัสกับเชื้อโรคผ่านทางปากหรือจมูก รวมไปถึงการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำจากภาชนะเดียวกันกับผู้ติดเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลได้

chronic rhinosinusitis


เกิดจากการอักเสบของ tonsil เป็นๆหาย

ความผิดปกติในหน้าที่ตับอ่อน (Disorders of the pancreas)

โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis)

โรคที่เกิดการอักเสบขึ้นกับเซลล์ของตับอ่อนอย่างเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงและทันทีทันใด (หรืออาจจะค่อย ๆ มีอาการภายใน 2-3 วัน) ทั้งนี้การอักเสบจะเป็นอยู่เพียงชั่วขณะ และเซลล์ของตับอ่อนจะฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติได้ (อาการของผู้ป่วยมักจะดีขึ้นและหายเป็นปกติได้ภายหลังการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์) แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่ามีอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดโรคแทรกซ้อน โรคนี้เป็นโรคที่พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยจะพบได้ประมาณ 5-80 รายต่อประชากร 100,000 ราย ทั้งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและเชื้อชาติ เช่น ในเยอรมนีจะพบได้ประมาณ 17 ราย ส่วนในฟินแลนด์จะพบได้ประมาณ 73 ราย ต่อประชากร 100,000 ราย เป็นต้น

โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis)

โรคที่เซลล์ตับอ่อนมีการอักเสบอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง โดยอาจจะเกิดขึ้นตามหลังการอักเสบเฉียบพลันที่รักษาไม่หายเพราะสาเหตุยังคงอยู่ เช่น ผู้ป่วยยังคงดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง (เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง) หรือเกิดจากการอักเสบเฉียบพลันซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งในการอักเสบเรื้อรังนี้เซลล์ของตับอ่อนจะค่อย ๆ ถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และมักกลายเป็นพังผืดอย่างถาวรจนไม่สามารถสร้างน้ำย่อยและฮอร์โมนได้ (ร่างกายจึงขาดน้ำย่อยอาหารและฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนอินซูลิน ผู้ป่วยจึงเกิดภาวะขาดอาหารและมักเกิดเป็นโรคเบาหวานขึ้นตามมา) หรือบางครั้งเซลล์ที่อักเสบและตายไปจะรวมตัวกันจนเกิดถุงน้ำเทียมขึ้นมาก็ได้ เรียกว่า “ถุงน้ำตับอ่อนที่เกิดจากตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง” (Pancreatic pseudocyst) โรคนี้เป็นโรคที่พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเช่นกัน และมักเป็นในคนวัยหนุ่มหรือกลางคน มาจากสาเหตุการดื่มแอลกอฮอล์จัด (มักจะเกิดขึ้นในคนที่อยู่ในวัย 30-40 ปี) โดยจะพบได้ประมาณ 26-200 รายต่อประชากร 100,000 ราย ทั้งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและเชื้อชาติ เช่น ในฝรั่งเศสจะพบได้ประมาณ 26 ราย ส่วนในอินเดียตอนใต้จะพบได้ประมาณ 200 ราย ต่อประชากร 100,000 ราย เป็นต้น

โรคระบบทางเดินน้ำดี


Hepatolithiasis นิ่วที่เกิดในทางเดินน้ำดีภายในนนตับ
มีเเคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลัก มีสีน้ำตาล เรียก
Brown pigment stons

Cholecystitisเกิดอาการอักเสบที่บริเวณถุงน้ำดี (gallbladder) อวัยวะทรงลูกแพร์บริเวณข้างใต้ตับ ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บน้ำดี ซึ่งเป็นของเหลวที่ตับผลิตขึ้น โดยน้ำดีจะถูกส่งผ่านทางท่อน้ำดีไปยังลำไส้เล็ก และไหลเข้าสู่ลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการย่อยอาหารจำพวกไขมัน

Choledocholithiasisis นิ่วทีเกิดในทางเดินน้ำดีร่วม เกิดจากการ
อักเสบของท่อน้ำดี


1.นิ่วที่ประกอบด้วยคอเลสเตอรอล (Cholesterol gallstone)

มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว เหลือง หรือเขียว อาจมีลักษณะเป็นก้อนกลมหรือหน้าตัด

คอเลสเตอรอลเป็นองค์ประกอบหลักร่วมกับเกลือแคลเซียม กรดน้ำดี (Bile acids) ฟอสโฟไลปิด (Phospholipids) และสารอื่น ๆ เกิดจากการมีสัดส่วนของคอเลสเตอรอลต่อกรดน้ำดีและฟอสโฟไลปิดสูงกว่าปกติ จึงเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกและกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด ทั้งนี้อาจเกิดจากมีการหลั่งคอเลสเตอรอลมาที่ถุงน้ำดีมากกว่าปกติ



2.นิ่วที่ประกอบด้วยบิลิรูบิน (Pigment or bilirubin stone)

เกิดจากการมี unconjugated bilibulin เพิ่ม มากขึ้นในน้ำดีเนื่องจากมีการทําลายเม็ดเลือดเเดงมากผิดปกติ หรือมีการอักเสบถุงน้ำดีเเละท่อน้ำดีเรื้อรัง


มีขนนาดเล็กกว่า เเละมีสีคล้ำกว่า ชนนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล

โรคของหลอดอาหาร


ความพิการเเต่กําเนิด


Achalasia


Esophageal varices


จํานวน myenteric ganglion cell ในผนังหลอดอาหารที่ทําหน้าทีควบคุมการหดตัวเพื่อบีบไล่อาหารมีจํานวนลดลงหรอืไม่มี
กลืนอาหารลําบากเเละสําลัก หลอดอาหารส่วนบนจะมีผนังบางเเละโป่งออก


หลอดเลือดดําโปjงพองบรเิวณหลอดอาหารส่วนล่าง
สาเหตุที่ทําใหเ้กิดภาวะเลือดออก คือ cirrhosis


Stomach

ความผิดปกติของกระเพาะอาหาร

Peptic ulcer


Chronic peptic ulcer


Acute ulcer


แผลในลําไส้เล็กส่วนต้น(Duodenal ulcer) จากการหลังกรดที่มากขึ้น


เเผลที่กระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)
ความสามารถในการป้องกันกรดเเละเปปซินของกระเพาะอาาหารลดลงทำใหเ้กิดเเผล


มีลักษณะเป็นแผลลึกถึงชั้นกล้ามมเนื้อกระเพาะอาหาร เเผลเรื้อรังขอบ
เเผลนูนบวม


สาเหตุการติดเชื้อ Helicobacter pylori การใช้ยาเเก้ปวดกลุ่ม NSA


มีลักษณะเป็นแผลตื้นไม่ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร


Gastritis


Chronic gastritis

สาเหตุ เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ

Gastritis

การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori)

Acute gastritis

ป็นการอักเสบเยื่อบุกระเพาะอาหารแบบเฉียบพลัน ลักษณะที่พบ: mucosa บวมแดง อาจจะมีจุดเลือดออก

ความพิการแต่กำเนิด


Diaphragmatic hernia ทําให้พบส่วนนี้ที่เป็นทางเดินอาหารอยู่ใน
ทรวงอก


Congenital pyloric stenosis