Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ - Coggle Diagram
มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
ความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ปรัชญา การศึกษาเป็นการพัฒนาท้องถิ่น
วิสัยทัศน์ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศในการผลิต
เอกลักษณ์ สถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาการท้องถิ่น
พัฒนาครูและเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
อัตลักษณ์
เจตนารมณ์ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัย บัณฑิตมีทักษะชีวิต จิตสาธารณะและสู้งาน
สีของตราสัญลักษณ์
สีเขียว แทนแหล่งที่ตั้งของสถาบัน 36 แห่งที่อยู่ในธรรมชาติที่สวยงาม
สีส้ม แทนความรุ่งเรืองทางศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น
สีน้ำเงินแทนสถาบันพระมหากษัตริย์
สีขาว แทนความคิดอันบริสุทธิ์ของนักปราชญ์แห่งพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย
ต้นหูกวาง
ค่านิยมหลัก
M Morol
สร้างสถาบันดีสู่สังคมไทยด้วยอุดมการณืแห่งศีลธรรม
R Royal
น้อมนำพระราชดำริมาปฏิบัติเพื่อพัฒนาสังคม
C commumity
สถาบันอุดมศึกษษเพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวไกล
U Unity
ด้วยจิตอาสาพัฒนาสถาบันเป็นหนึ่งเดียว
สีประจำมหาวิทยาลัย
ดำ เหลือง
การพัฒนาของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ปี 2466 ใช้ชื่อโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ
ปี 2470 ใช้ชื่อโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรมณฑลพายัพ
ปี 2490 ใช้ชื่อโรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม่
ปี 2484 ใช้ชื่อโรงเรียนฝึกหัดครูมูลจังหวัดเชียงใหม่
ปี 2503 ใช้ชื่อวิทยาลัยครูเชียงใหม่
ปี 2535 ใช้ชื่อสถาบันราชภัฎเชียงใหม่
ปี 2547 ใช้ชื่อ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ประวัติ
ปรับเปลี่ยนสถาบันมาโดยลำดัเป็นระยะเวลา 96 ปี
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สถาปนาขึ้นเมื่อปี 2467 โดยมีการพัฒนา
พระราชทานนาม "วิทยาลัยครู"ทั่วประเทศ
มหาวิทยาลันราชภัฏเชียงใหม่พัฒนามาจากโรงเรียนครูฝึกหัดกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ
ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย
ดอก เสี้ยวขาว
ชื่อย่อประจำมหาวิทยาลัย
มร.ชม.
CMRU
ราชถัฏเชียงใหม่ภายใต้วิถีล้านนา
ประวัติศาสตร์ล้านนา
ดินแดนล้านนา
อาณาบริเวณที่ประกอบด้วยเมืองกลุ่มหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติทางวัฒนธรรม ในอดีรัฐโบราณไม่มีอาณาเขตที่ชัดเจน แต่ในยุคที่สมัยอาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรือง เคยมีอิทธิพลแผ่ออกไปอย่างกว้างขว้างถึงดินแดนเชียงรุ่ง สิบสองปันนาและรัฐฉานตอนใต้ ดินแดนของล้านนาอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยประกอบด้วยเมืองน้อยเมองใหญ่ซึ่งแบ่งตามภูมิศาสตร์ประประวัติศาสตร์ออกเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มเมืองล้านนาตะวันตก เป็นแกนสำคัญ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา มีความสัมพันธ์ร่วมกันตั้งแต่สมัยราชวงค์มังรายตอนต้น
กลุ่มเมืองล้านนาตะวันออก แพร่และน่าน ทั้งสองมีประวัติความเป็นมาคล้ายกันคือ ในสมัยแรกต่างเริ่มมีฐานะเป็นรัฐอิสระมีราชวงค์ของตนเองและมีความใกล้ชิดกับอาณาจักรสุโขทัย
การก่อสร้างอาณาจักรล้านนา
ดินแดนล้านนา เริ่มต้นพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสถาปนานครล้านนาเชียงใหม่ ปี 1839 นับถึงปัจจุบัน เชียงใหม่มีอายุมากกว่า 700 ปี การศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนาแบ่งได้ดังนี้
ล้านนาสมัยรัฐอาณาจักร ปี 1804-2101
ล้านนาสมัยพม่าปกครองปี 2101-2317
สมัยแว้นแคว้น-นครรัฐ
สมัยเป็นเมืองประเทศราชของไทย ปี 2317-2427
กำเนิดล้านนาและการสร้างเมืองเชียงใหม่
สร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นเมื่อปี 1839 นับถึงปัจจุบันได้ 724 ปี
พระเจ้ามังรายทรงทำสงครามแผ่ราชอาณาจักรเพื่อรวมไทยภาคเหนือเข้าด้วยกน จณะเดียวกัน พ่อขุนรามคำแห่งมหาราชผู้เป็นพระสหายก็สถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นทางภาคกลาง และมีอาณาเขตติดกัน ทั้งสองพระองค์จึงมิได้รุกรานซึ่งกันและกัน
พระเจ้ามังราย ครองเมืองกุมกามอยู่จนถึงปี 1834 วันหนึ่งพระองค์เสด็จประพาสล่าสัตว์ทางเหนือไปถึงดอยอ้อยช้าง (ดอยกาละ หรือ ดอยสุเทพ) ทรงประทับแรมอยู่ตำบลบ้านแหนได้ 3 เพลา พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นสถานที่ ชัยภูมิตรงนั้นดีมาก เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการสร้างเมืองอาศัยอยู่
กลุ่มชาติพันธุ์ล้านนา
ไทใหญ่
ไทลื้อ
ไทยวน
ลัวะ
ไทเขิน
ล้านนาสมัยรัฐอาณาจักร
ดินแดนล้านนาได้พัฒนาการปกครองสู่ รัฐแบบอาณาจักร โดยมีเชียงใหม่เป็นศุนย์กลาง
การก่อตั้งอาณาจักรล้านนาเป็นผลมาจากการรวมแคว้นหริภุญไชยเข้ากับแคว้ยโยนในสมัยของพระยามังรายปฐมกษัตริย์แล้วสถาปนาเมืองเชียงใหม่ข้นเป็นศูนย์กลาง
มีเป้าหมายเพื่อให้สถาบันทางการเมืองที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอาณาจักรทั้งเรื่องการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
สมันแว้นแคว้นนครรัฐ
ดินแดนล้านนามีรัฐต่างๆ กระจายตามที่ราบระหว่างหุบเขาในภาคเหนือมีประวัติศาสตร์เป็นของตน
ลัวะชาวบ้านเมืองพื้นเมืองในกลุ่มมอญเขมรตั้งถิ่นฐานกระจยทั่วไปในภาเหนือเป็นชนเก่าแก่ที่อยู่มาช้านานก่อนที่กลุ่มอื่นจะเข้ามา
เรื่องราวการแตกสลายของชนเผ่าลัวะเป็นผลมาจากการขยายความเจริญรุ่งเรืองจากเมืองละโว้มาสู่การสร้างเมืองหริภุญไชย
ล้านนาสมัยพม่าปกครอง
ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนอง ปี 2101 ถึงปี 2317
ในช่วงเวลาดังกล่าวพม่าปกครองแต่จะมีบางช่วงที่อยุธยายกทัพขึ้นมายึดเชียงใหม่ได้
ล้านนาในช่วงที่สมัยพม่าปกครองเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากถึง 216 ปี นโยบายพม่าที่ปกครองล้านนาได้ปรับเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขการเมืองภายในพม่าและปรับเปลี่ยนสภาพการเมืองในท้องถิ่นล้านนา
ล้านนาเป็นเมืองประเทศราชของไทย
หลังจากเสร็จสงครามขับไล่พม่าออกจากเชียงใหม่ปี 2317 แล้วพระเจ้าตากสินทรงตอบแทนความดีความชอบโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง"พระญาจ่าบ้าน"เป็นพระยาวิเชียรปราการเมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิละครองเมืองลำปาง
เมื่อพระญาจ่าบ้านเสียชีวิตลงพระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งพระเจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่แทน
เชียงใหม่ในสมัยพระเจ้ากาวิละจึงมีความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงเป็นปึกแป่นและเป็นศูนย์กลางของล้านนาที่เข้มแข็งหลังจากสมัยพระเจ้ากาวิละก็มีเจ้าเมืองปกครองต่อมารวมทั้งสิ้น 9 องค์
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่กับสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
อาณาจักรสุโขทัย
ระบบการปกครองและเสรีภาพ ลักษณะการปกครอง พ่อปกครองลูก(ธรรมราชา)
เศรษฐกิจสุโขทัยเป็นเศรษฐกิจเกษตร
โครงสร้างทางสังคม
1) ชนชั้นปกครอง
กษัตริย์ พระบรมศานุวงค์ ข้าราชการ ภิกษุสงฆ์
2) ชนชั้นที่ถูกปกครอง
สามัญชน ไพร่ ทาส
อาณาจักรธนบุรี
มีการสักไพร่ เพื่อจัดระเบียบชาติขึ้นใหม่
อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
พระเจ้าตากสินโดยการช่วยเหลือของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เจ้าพระยาสุรสิงห์ สามารถผนึกรัฐไทยขึ้นเป็นเอกภาพอีกครั้งหนึ่ง กรุงธนบุรีเป็นราชธานี
การปกครองสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ลัทธิเทวสิทธิ์ มโนทัศน์ธรรม ราชาจากสุโขทัย ฐานะของกษัตรย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริวารเป็นสื่อกลางระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน ระบบเจ้าขุนมูลนายหรือระบบศักดินา
ปัจจัยที่ทำให้กรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ
2) มีแม่น้ำไหลผ่านทำให้เพาะปูกข้าวได้ดี
3) การที่จักรวรรดิเขมรและอาณาจักรสุโขทัยตกต่ำลง
1) ตั้งอยู่ใกล้เมืองท่าชายฝั่งทะเล ทำให้ทำการค้าได้สะดวก
4) โครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
สมัยกรุงศรีรัตนโกสินทรตอนต้น
ราชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
การปกครองและการบริหาร ฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์ การจัดองกรทางสังคม ระบบศักดินา สั่งเลิกไพร่ ด้านศาสนา มีการศังคายนาพระไตรปิฎก ด้านเศรษฐกิจ การค้ากับจีน สร้างราชธานี
ราชกาลที่ 2 พระบามสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เป็นช่วงการก่อสร้างและทำสงครามกับพม่าฐานะของประเทศไม่มั่นคง เศรษฐกิจเงินตราและการค้าขยายตัวจากการค้าสำเภาหลวง กำไรจากการผูกขาดสินค้า ภาษีปากเรือ ภาษีสินค้าเข้า-ออก
ราชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ยกเลิกการค้าของหลวง และเก็บภาษี(38) ชนิด มีระบบราชการเป็นกลไกการเก็บภาษี (ระบบภาษีนายอากร) ชาวจีน
ราชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นโยบายเปิดประตูสนธิสัญญาปี 2398 (สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง)
ราชการที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สร้างรัฐชาติแบบใหม่รวมศูนย์อำนาจให้รัฐบาลกลางและสร้างความเป็นอันเดียวกันของคนในรัฐชาติ ยกเลิกระบบกินเมือง การปกครองแบบเทศภิบาล มณฑล จังหวัด มีการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน กระทรวง
ราชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
1) ทรงพยายามที่จะทดลองการแกครองแบบประชาธิปไตย ดุสิตธานี
2) มีเสรีภาพทางด้านความคิด
3) บรรยากาศการเมืองภายนอกส่งผลต่อความคติของคนไทย
4) สร้างความรู้สึกเรื่องชาตินิยม
5) เกิดกฎบ ร.ศ.130 เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
6) ประเทศสยามเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1
ราชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ความเสียสละของพระองค์ต่อการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบอบสมบรูณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตยภายใต้การปกครองของรัฐธรรมนูญ
ราชกาลที่ 8 พระบามสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
ยุติความขัดแย้งระหว่างชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน
ราชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4,810 โครงการ ทรงพระราชทานนาม "ราชภัฏ"คนของพระราชา
ราชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร
สันบสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนยากไร้ สร้างโรงพยาบาลยุพราช พระราชทานปริญญาบัตร