Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยโรคเนื่องจากความวิตกกังวล - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยโรคเนื่องจากความวิตกกังวล
(1). โรคเนื่องจากความวิตกกังวล (Anxiety or Fear-Related Disorders) คือ ความวิตกกังวลเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไปเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่คุกคาม แต่ถ้าอาการ มีมาก เป็นอยู่นานและอาการเหล่านี้รบกวนชีวิตประจําวัน
การจําแนกโรควิตกกังวล แบ่งเป็น 5 กลุ่ม
1.โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized anxiety disorder, GAD) เป็นโรคที่แสดง อาการวิตกกังวลกับเรื่องทั่วไปในชีวิตประจําวันหลายเรื่องที่มากเกินกว่าเหตุ
2.โรคกลัว (Phobia / Panic disorder) โรคกลัว (phobia) แตกต่างจากความกลัวทั่วไป (fear) เป็นความกลัวอย่างมากที่ไม่สมเหตุสมผล เป็นการกลัววัตถุ สถานการณ์ หรือสถานที่
3.โรคแพนิค (Panic disorder) โรคแพนิค (หรือโรคตื่นตระหนก) เป็นโรคที่แสดงการตื่นกลัว โดยไม่มีเหตุผล เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรงในทันที
4.โรคย้ำคิดย้ำทํา (Obsessive -Compulsive Disorder, OCD) โรคนี้จะแสดงอาการทั้งการคิดซ้ำๆ และทําซ้ำๆโดยมีเหตุอย่างหนึ่งเข้ามาในใจตลอดเวลา
5.โรคเครียดเฉียบพลัน (Acute stress disorder, ASD) และโรคเครียดภายหลัง เผชิญภยันตราย (Posttraumatic stress disorder, PTSD) ทั้งสองโรคนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับ เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น การถูกข่มขืน
สาเหตุของโรควิตกกังวล
ปัจจัยทางชีวภาพ
พันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงของชีวเคมี
ปัจจัยทางจิต
ปัจจัยทางสังคม
ความเชื่อทฤษฎีทางสังคม
อาการ
ด้านร่างกาย
ด้านพฤติกรรมการเคลื่อนไหว
ด้านการรับรู้
ด้านอารมณ์
การรักษา
การรักษาด้วยยา (pharmacotherapy)
จิตบำบัด (psychotherapy)
พฤติกรรมบำบัด (behavior therapy)
4.)ข้อวินิจฉัยการพยาบาล: มีโอกาสเกิดปัญหาการปรับตัวภายในครอบครัว เนื่องจากบทบาทของผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงชั่วคราว
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยต้องรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล ทําให้ขาดบทบาทพ่อบ้านหรือแม่บ้าน หรือบทบาทอื่นที่เคยมี
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดปัญหาการปรับตัวภายในครอบครัว ขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
เกณฑ์การประเมินผล
สมาชิกครอบครัว บอกวิธีปรับตัวภายในครอบครัวได้
สมาชิกครอบครัวบอกแหล่งให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสภาพครอบครัว เกี่ยวกับความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วยเพื่อเป็นแนวทางใน การให้ข้อมูลแก่ครอบครัว ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันภาวะวิตกกังวลแก่สมาชิก ครอบครัว
2.พิจารณาผลกระทบที่เกิดจากการเจ็บป่วยของผู้ป่วย เช่น ขาดพ่อบ้าน หรือขาดแม่บ้าน หรือบทบาทอื่นที่เคยมีในครอบครัว หรือปัจจัยอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือครอบครัว อย่างเหมาะสม
3.ช่วยให้ครอบครัวและผู้ป่วยเข้าใจปัญหาของตนเอง และมีความรับผิดชอบในการ แก้ปัญหา พร้อมทั้งพัฒนาทักษะในการแก้ปัญหา
4.แนะนําแหล่งให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัว เช่น สถานที่ให้บริการให้คําปรึกษา หรือจิตบําบัด เป็นต้น
1.)ข้อวินิจฉัยการพยาบาล: วิตกกังวลสุดขีด เนื่องจาก เผชิญกับสิ่งที่กลัว พยายามควบคุมพฤติกรรมย้ำ
คิดย้ำทำรู้สึกว่าชีวิต ถูกคุกคาม
ข้อมูลสนับสนุน
สีหน้ากังวล กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน
ใจสั่น
ชาบริเวณแขน หรือขา
วัตถุประสงค์
ความวิตกกังวลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ก่อนจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
กิจกรรมการพยาบาล
1) ยอมรับว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิตกกังวลสุดขีด และไม่ตำหนิพฤติกรรมของผู้ป่วย
2) ควรมีสมาธิ และมีจิตใจสงบขณะอยู่กับผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเพิ่มความวิตกกังวลในผู้ป่วย
3) ควรอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วย ขณะที่ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลสุดขีด และควรให้ความมั่นใจ ผู้ป่วยในด้านความรู้สึกมั่นคง และปลอดภัย
4) สนทนากับผู้ป่วยด้วยประโยคสั้นๆ และเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการให้กําลังใจที่ผิด
5) ให้ผู้ป่วยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สงบ มีแสงสว่างพอเหมาะ ตกแต่งห้องด้วยเครื่องใช้ที่ จําเป็น และเปิดโอกาสให้พบกับบุคคลอื่นอย่างจํากัด
6) ให้ผู้ป่วยได้รับยารักษาอาการวิตกกังวล หรือยารักษาอาการซึมเศร้าตามแผนการรักษาของ แพทย์ พร้อมทั้งสังเกตผลและอาการข้างเคียงของยา
7) ถ้าจําเป็นต้องผูกมัดผู้ป่วย ควรอยู่กับผู้ป่วยตลอดเวลา และสัมผัสผู้ป่วยเป็นระยะๆ
1 more item...
เกณฑ์การประเมินผล
ไม่มีสีหน้าวิตกกังวล
ความไม่สุขสบายทางด้านร่างกายที่เกิดจากความวิตกกังวลหายไป เช่น หายจำบาก
-รู้สึกว่าสามารถควบคุมตนเองได้
ไม่งุ่นง่านกระวนกระวาย
2.)ข้อวินิจฉัยการพยาบาล: กลัวผิดธรรมดา เนื่องจาก
ต้องอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่หลีกหนีได้ยากตามลําพัง
ต้องแสดงตัวในสังคม
ต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือวัตถุเฉพาะอย่าง เช่น ความสูง ที่แคบ แมว งู เชื้อโรค
ข้อมูลสนับสนุน
ระบบประสาทอัตโนมัติทํางานมากกว่าปกติ เช่น หายใจลําบาก หรือหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ใจสั่น ชาบริเวณแขนหรือขา รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขณะที่เผชิญกับสิ่งที่กลัว
ตกใจกลัว
ไม่ยอมออกจากบ้านคนเดียว
ไม่กล้ารับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
ไม่กล้าพูดต่อหน้าฝูงชน
ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์หรือวัตถุเฉพาะอย่าง เช่น ความสูง ที่แคบ แมว งู เชื้อโรค เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
1.ยอมรับว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะกลัวผิดธรรมดา และไม่ตําหนิพฤติกรรมของผู้ป่วย
2.ควรอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยขณะที่ผู้ป่วยมีความกลัว และควรให้ความมั่นใจผู้ป่วยในด้าน ความรู้สึกมั่นคง และปลอดภัย
ค้นหาปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดความกลัว และร่วมกับผู้ป่วยในการค้นหาสาเหตุ เพื่อให้ผู้ป่วยยอมรับความจริง และสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น
4.สนทนากับผู้ป่วยเกี่ยวกับสิ่งที่กลัว โดยช่วยกันพิจารณาดูว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย หรือผู้ป่วยต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากความกลัวผิดธรรมดา
5.ฝึกให้ผู้ป่วยเผชิญกับสิ่งที่ทําให้เกิดความกลัวทีละน้อยอาจเริ่มจากการจินตนาการ หรือเผชิญกับความจริง เมื่อเกิดความกลัวก็ใช้เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนกระทั่งผู้ป่วยสามารถเผชิญ ได้โดยปราศจากความกลัว
6.ให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ พร้อมทั้งสังเกตผลและอาการข้างเคียงของยา
วัตถุประสงค์
สามารถเผชิญกับสิ่งที่กลัวโดยไม่แสดงความวิตกกังวล ก่อนจําหน่ายออกจากโรงพยาบาล
เกณฑ์การประเมิน
สามารถเผชิญกับสิ่งที่ทําให้เกิดความกลัว เช่น การออกจากบ้านคนเดียว การ รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น การพุดต่อหน้าฝูงชน และการเผชิญกับสถานการณ์หรือวัตถุเฉพาะอย่าง โดยไม่แสดงความวิตกกังวล เช่น ตกใจ หายใจลําบาก แน่นหน้าอก ใจสั่น เป็นต้น
บอกวิธีปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่กลัวได้อย่างถูกต้อง
3.)ข้อวินิจฉัยการพยาบาล: ย้ำคิดย้ำทํา เนื่องจาก
กลัวผิดธรรมดา
มีความวิตกกังวลมาก
มีความขัดแย้งทางจิตในพัฒนาการขั้นทวาร
ข้อมูลสนับสนุน
คิดซ้ำๆ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยไม่สามารถหยุดคิดได้
ทําซ้ำๆ อยู่เป็นเวลานานอย่างหักห้ามไม่ได้
เจ้าระเบียบ ขาดความยืดหยุ่น
กลัวผิดธรรมดา เช่น กลัวเชื้อโรค เป็นต้น
พยายามควบคุมการย้ำคิด ย้ำทํา
สีหน้าวิตกกังวล กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกล้น
วัตถุประสงค์
สามารถปรับตัวได้โดยปราศจากพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทํา ก่อนจําหน่ายออกจากโรงพยาบาล
เกณฑก์ารประเมินผล
ไม่มีพฤติกรรมคิดซ้ำๆ หรือทําซ้ำๆ อย่างหักห้ามไม่ได้
ไม่มีสีหน้าวิตกกังวล กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน
สามารถแก้ไขความขัดแย้งทางจิตใช้กลไกทางจิตอย่างเหมาะสม
กิจกรรมการพยาบาล
1.ยอมรับว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะย้ำคิดย้ำทํา ไม่ลงโทษ หรือตําหนิพฤติกรรมของผู้ป่วย
2.ตระหนักอยู่เสมอว่าพฤติกรรมย้ําคิดย้ําทําของผู้ป่วยเกิดจากการพยายามลดความวิตกกังวล
3.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความวิตกกังวลและความรู้สึกเกี่ยวกับพฤติกรรมย้ำคิด ย้ำทํา
4.ร่วมกับผู้ป่วยในการค้นหาสาเหตุ หรือความขัดแย้งในจิตใต้สํานึก โดยให้ผู้ป่วยเล่า ประสบการณ์ในอดีต และช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจกลไกการปรับตัวในอดีตที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทํา
5.ร่วมกับผู้ป่วยในการจัดตารางทํากิจกรรม เช่น เวลารับประทานอาหาร เวลานอน เวลาทํา กลุ่มกิจกรรม เป็นต้น และกระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อเบนความสนใจของผู้ป่วยไม่ให้หมกมุ่น ในเรื่องย้ำคิดย้ำทํา
6.ก่อนนําผู้ป่วยเข้ากลุ่มควรชี้แจงให้ผู้ป่วยอื่นเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วย ไม่ล้อเลียน ตําหนิ หรือหัวเราะเยาะเห็นผู้ป่วยเป็นตัวตลก
7.จํากัดพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทําโดยเปิดโอกาสให้มีพฤติกรรมย้ำคิดหรือย้ำทําบ้าง หรือจัดกิจกรรมที่ต้องทําซ้ำๆ เช่น พับซองจดหมาย
1 more item...