Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วย, PBL ครั้งที่ 2 นางสาวจินดารัตน์…
การบริหารจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วย
ขอบเขตการบริการผู้ป่วย
จัดการให้กิจกรรมการรักษาดำเนินไปได้
ตามแผนและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตาม
วิธีการเวลาและเป็นที่พอใจของผู้รักษาและ
ผู้รับบริการ
จัดการให้มีการปฏิบัติการพยาบาลที่สืบ
เนื่องจากกิจกรรมการรักษาเกิดขึ้นได้อย่าง
สมบูรณ์ถูกต้องตามหลักแนวคิดทางการ
พยาบาล
จัดการให้มีการปฏิบัติตามข้อวินิจฉัย
ทางการพยาบาลได้อย่างสมบูรณ์ถูกต้อง
ตามศาสตร์ทางการพยาบาล
จัดให้มีการตอบสนองต่อความตองการ
ของผู้ใช้บริการทั้งในด้านการดูแลรักษา และ
การปฏิบัติกิจวัตรประจําวันเป็นไปได้อย่าง
รวดเร็ว ทันเวลาและเป็นที่พอใจของผู้ใช้
บริการและญาติ
จัดการให้มีการใช้กระบวนการพยาบาล
อย่างสมบูรณ์
จัดการที่ทําให้เกิดการลดความเสี่ยงที่จะ
เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้บริการ
จัดการให้ข้อมูลด้านการดูแลรักษา และ
ให้มีความพร้อมสมบูรณ์ทันสมัย ทันเวลา
ถูกต้องเกิดประโยชน์ต่อการวางแผน และ
ประเมินการรักษาได้อย่างรวดเร็วและถูก
ต้องรวมทั้งลด ความเสี่ยงด้านการเงินด้วย
บทบาทหน้าที่
ด้านบริหารการพยาบาล
บริหารจัดการหอผู้ป่วย เพื่อให้บริการ
พยาบาลโดยใช้กระบวนการบริหารได้แก่
ด้านการวางแผนการบริหารการพยาบาล หัวหน้า
หอผู้ป่วยปฏิบัติ ลักษณะงานทุกกิจกรรม ตั้งแต่การ
รับนโยบายจากผู้บริหาร สื่อสารนโยบาย และร่วมกับ
ทีมงานในการกำหนดแผนปฏิบัติงานของหอผู้ป่วย
ด้านการจัดองค์กร หัวหน้าหอผู้ป่วยมีการปฏิบัติ
กิจกรรม การจัดแบ่งงานให้เจ้าหน้าที่พยาบาลในหอ
ผู้ป่วยร่วมรับผิดชอบเกี่ยวกับการเป็นกรรมการต่างๆ
ด้านการจัดบุคลากร หัวหน้าหอผู้ป่วยปฏิบัติภารกิจ
ในทุกกิจกรรม โดยมีการวางแผนด้านอัตรากำลัง
ประจำวัน และร่วมปรึกษาหารือกับผู้บริหารทางการ
พยาบาลในระดับที่สูงขึ้นไป ในกรณีที่ขาดอัตรา
กำลัง รวมทั้งจัดตารางเวลาการปฏิบัติงานให้กับเจ้า
หน้าที่พยาบาล
ด้านการอำนวยการ หัวหน้าหอผู้ป่วยปฏิบัติภารกิจ
ด้านการอำนวยการเกือบทุกกิจกรรม ได้แก่การมอบ
หมายงานประจำวัน และหน้าที่พิเศษอื่นๆ ซึ่งการ
มอบหมายงานแก่บุคลากร ตามความสามารถ และ
ความเหมาะสมนี้เป็นบทบาทของผู้บริหารระดับต้น
ด้านการควบคุม หัวหน้าหอผู้ป่วยปฏิบัติภารกิจการ
บริหารจัดการในด้านการควบคุม ทั้งการติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานทุกด้านของ
เจ้าหน้าที่พยาบาล รวมถึงการพิจารณาความดี ความ
ชอบ ซึ่งอธิบายได้ว่าหัวหน้าหอผู้ป่วยมีบทบาท
หน้าที่ในการเป็นทั้งผู้ประเมินผลการพยาบาล และ
การ ปฏิบัติงานของบุคลากร เพื่อให้เกิดการปรับปรุง
คุณภาพบริการ
ด้านบริการพยาบาล
กำกับดูแลการให้บริการพยาบาลของบุคลากร
ทางการพยาบาล และให้บริการพยาบาลแก่ผู้ป่วย
และญาติ การร่วมสร้างมาตรฐาน คู่มือ และแนว
ปฏิบัติในการให้บริการพยาบาล รวมถึงการปฏิบัติ
การพยาบาล อย่างถูกต้องเป็นองค์รวม การควบคุม
ดูแลให้มีการปฏิบัติการพยาบาลตามแนวปฏิบัติ การ
ประชุมปรึกษาหารือ วางแผนการพยาบาล การ
บันทึกการพยาบาล และการสอนและให้คำปรึกษา
แก่ผู้รับบริการ การป้องกันความ เสี่ยงต่างๆ และการ
ดูแลสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของหัวหน้า
หอผู้ป่วยในการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย
ทุกด้านและทุกมิติ
ด้านวิชาการ
สอน และแนะนำผู้ป่วย นักศึกษา และบุคลากร
ทางการพยาบาล การถ่ายทอดความรู้ทางด้าน
วิชาการ และประสบการณ์การ สอน และแนะนำให้
ความรู้ทางด้านการพยาบาลการ และให้คำปรึกษา
แก่เจ้าหน้าที่พยาบาล ทั้งนี้เนื่องจากหัวหน้า หอผู้
ป่วยยังต้องเข้าร่วมประชุมด้านวิชาการกับฝ่ายการ
พยาบาล และหน่วยงานอื่นๆรวมทั้งให้ความร่วมมือ
และอำนวยความสะดวกแก่นักวิจัยทั้งภายใน และ
ภายนอกองค์กร
ทักษะการบริหาร
การตัดสินใจ
ทฤษฎี
Normative Theory จะคำนึงถึงแนวทางการ
ตัดสินใจ น่าจะเป็นหรือควรจะเป็นอย่างไร จึง
สามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการตัดสินใจได้ ซึ่ง
การพิจารณาว่าแนวทางใดเป็นแนวทางที่น่าจะเป็น
หรือควรจะเป็นย่อมขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของบุคคล
แต่ละคน ซึ่งอาจจะคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันก็ได้
จึงมีลักษณะที่ขึ้นอยู่กับมารตฐาน จะเป็นเครื่อง
กำหนดว่ามีปัญหานั้น ๆ น่าจะหรือควรจะตัดสินใจ
อย่างไร จึงจะดีที่สุด ถูกต้องเหมาะสมที่สุด ซึ่งใน
ความคิดของบุคคลอื่น ที่มีมารตฐานความพึงพอใจที่
แตกต่างกันอาจจะไม่เห็นว่าเหมาะสมด้วยก็ได้
Descriptive Theory คือการตัดสินใจโดยทฤษฎี
นี้จะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึกนึกคิดใด
หรือค่านิยมส่วนตัวของผู้ตัดสินใจมาเป็นหลักเกณฑ์
ในการตัดสินใจ โดยมุ่งเน้นให้การตัดสินใจเป็นไป
อย่างมีเหตุผล มีความถูกต้องและเป็นที่ยอมรับของ
บุคคล , ปิยะนุช เหลืองาม(2552)
รูปแปปการตัดสินใจ
การตัดสินใจที่ได้เตรียมการล่วงหน้าผู้บริหาร
สามารถใช้เวลาในการคิดไตร่ตรองได้
การตัดสินใจที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า ผู้บริหาร
จะต้องตัดสินใจในทันทีทันใด
ลักษณะการตัดสินใจ
การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบาย (Policy Decision)
เป็นการตัดสินใจเพื่อกําหนดแนวทางในการ ปฏิบัติ
งานอย่างกว้าง ๆ ที่จะบอกถึงวัตถุประสงค์และ
กลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้ผู้ร่วมงานทราบทิศทาง
หรือจุดหมายปลายทางที่จะต้องดําเนินการให้
สอดคล้องกัน
การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ (Management Decision)
เป็นการตัดสินใจเพื่อการจัดสรรทรัพยากรของ
องค์กรให้แก่ฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหรือ
ดําเนินการได้ตามนโยบาย หรือ วัตถุประสงค์ ที่ผู้
บริหารสูงสุดได้กําหนดไว้
การตัดสินใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน (Operational Decision)
เป็นการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ การปฏิบัติงานประจํา
ในหน้าที่ของตน เพื่อให้การปฏิบัติงานสอดคล้องกับ
นโยบายหรือเป้าหมายขององค์กร โดยใช้ทรัพยากร
ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การเจรจาต่อรอง
รูปแบบและลักษณะ
การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการร่วมมือ (Win-Win)
คือต่างฝ่ายต่างแสวงหาข้อตกลงที่จะให้ทุกฝ่ายที่
ร่วมเจรจาได้รับประโยชน์ด้วยกัน การเจรจาต่อรอง
ในลักษณะนี้มีผลทำให้คู่เจรจาคบกันได้นานเป็นมิตร
หรือเป็นคู่ค้าถาวร
การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกัน (Win-Lose)
คือมุ่งที่จะให้ฝ่ายตนได้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว
โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายอื่นจะได้รับประโยชน์หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นที่จะให้ได้ประโยชน์ทั้งหมด
หรือไม่ก็ยอมสูญเสียทั้งหมดไปเลยการเจรจาใน
ลักษณะนี้มักจะไม่ใช้การประนีประนอม อาจมีผล
เป็นการแข่งขันกลายเป็นคู่แข่งที่ขาดความสัมพันธ์ที่
ดีต่อกันหรือกลายเป็นศัตรูกันไปเลย
ขั้นตอนการเจรจา
ขั้นเตรียมการเจรจา
ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดการเจรจาต่อรองในเรื่องใด จะ
ต้องกำหนดกลยุทธ์โดยนำเอาสถานการณ์และสิ่ง
แวดล้อมทั่วไป ในการกำหนดยุทธศาสตร์ จำเป็น
ต้องเตรียมข้อมูลและศึกษาประเด็นปัญหาต่อไปนี้ให้
พร้อม กำหนดวันและเวลาสำหรับการเจรจา
2) ขั้นตอนในการดำเนินการเจรจา
ผู้เข้าร่วมการเจรจาต้องใช้ความสามารถเฉพาะ
ตัวอย่างเต็มที่ และจะต้องรักษากฎ ระเบียบ และ
พิธีการในการเจรจาต่อรอง ตลอดจนมารยาทด้วย
ความระมัดระวังอย่างมาก โดยใช้เทคนิคในการ
เจรจาอย่างฉลาดและแนบเนียน ต้องคำนึงถึง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของแต่ละ
ฝ่ายที่อาจขัดกันได้
3) ขั้นบังคับใช้ผลของการเจรจาให้ปฏิบัติได้จริง
เป็นขั้นตอนที่จะให้มีการปฏิบัติตามผลของการเจรจา
ที่ได้ตกลงกันไว้ โดยทำสัญญาหรือความตกลง
ระหว่างกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบที่ถูก
ต้องตามกฎหมายอย่างระมัดระวัง ถ้าเป็นความตกลง
ระหว่างประเทศหรือสัญญาข้ามชาติก็จะต้องคำนึง
ถึงการใช้กฎหมายของชาติใดบังคับด้วย
การสื่อสาร
ประเภทของการสื่อสาร
การสื่อสารทางเดียว เป็นการสื่อสารไปยังผู้รับแต่
ไม่มีการตอบกลับจากผู้รับ
การสื่อสารสองทาง มีผู้ส่งและผู้รับ
รูปแบบการสื่อสาร
รูปแบบเส้นตรง (Chain) ในแนวดิ่ง (Vertical)
แบบบนลงล่าง (Top down) ลักษณะการสั่งการ
หรือจากล่างขึ้นบน (Bottom Up) เป็นการนำเสนอผู้
มีอำนาจ หรือแนวระนาบ (Horizontal ) เป็นการแจ้ง
ข้อมูลข่าวสารในระดับเดียวกัน
รูปแบบวงล้อ (Wheel) เป็นการสื่อสารกระจาย
รอบทิศ
รูปแบบวงกลม (Circle) เป็นการสื่อสารสิ่งที่
ต้องการให้รู้กันทั่วไป
รูปแบบทุกช่องทาง (All Channel) สามารถ
ติดต่อกันได้ทุกมิติ
องค์ประกอบ
การสื่อสารต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ผู้ส่งสาร
(Sender) สาร (Message) ผู้รับสาร (Receiver)
โดยใช้ช่องทางกลางในการส่งสาร (Transmitter)
และมีการแปลความหมายของข้อมูลออกมา ตลอด
จนมีข้อมูลย้อนกลับ อันเป็นการตอบสนองต่อสาร
ประโยชน์
ข้อมูลข่าวสารที่ดีสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการ
บริหารครั้งต่อไปได้
ช่วยให้เกิดการประสานงานที่ดี ช่วยให้การวินิจฉัย
ได้อย่างถูกต้อง สั่งการได้รวดเร็ว แม่นยำ ช่วย
ควบคุมงานให้เกิดผลดี เกิดเอกภาพในสายงาน
เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ผู้ร่วมงานมีขวัญกำลัง
ใจในการทำงาน
มีความเข้าใจได้ตรงกัน เกิดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีใน
หมู่คณะ
การประสานงาน
ลักษณะ
การประสานภายในองค์กร เช่น ประสาน
ตามสายบังคับบัญชา ตามหน้าที่รับผิดชอบ
ตามลักษณะงาน
การประสานงานภายนอกองค์กร เช่น
ประสานงานเพื่อตกลงทํางานวิชาการ ทํา
วิจัยร่วมกันระหว่างสถาบัน การส่งต่อผู้ป่วย
ระหว่างโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยจะได้ดูแล
อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ทำให้เกิด
การทํางานต้องมีแผนงานที่ดี มี
วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แน่นอน
การเข้าใจที่ตรงกันและพร้อมที่จะช่วย
เหลือกัน
มีการติดต่อสื่อสารที่ดีตลอดจนการ
ประชุมพบปะหารือกันอยู่เสมอ
ผู้บริหารควรเห็นความสําคัญของการ
ประสานงานและเป็นผู้มองการณ์ไกล
ประโยชน์
ทําให้การดําเนินงานไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้นและมี
บรรยากาศการทํางานแบบมีส่วนร่วม
ช่วยให้ทุกคนเข้าใจนโยบาย เป้าหมายที่ตรงกันเพื่อจะได้มี
ทิศทางในการทํางาน
ประหยัดเวลา วัสดุ อุปกรณ์และงบประมาณในการดําเนินงาน
ส่งเสริมการทํางานร่วมกัน การทํางานเป็นทีม ลดข้อขัดแย้ง
แต่ส่งเสริมความสามัคคีต่อกัน
ขจัดปัญหาที่ซับซ้อนและเหลื่อมล้ำกัน
สร้างขวัญและกําลังใจในการทํางานหากไม่มีความขัดแย้ง
กันในองค์กร
การจูงใจ
กระบวนการ
ความต้องการ(Needs) ได้แก่ ความต้องการทางกาย จิตใจ
และสังคมเกิดเมื่อมีความไม่สมดุลทางสรีระหรือจิตใจ
แรงขับ (Drives) เป็นตัวเสริมกำลังให้ไปสู่เป้าหมาย
เป้าหมาย (goals) เป็นจุดปลายทาง
ทฤษฎี
ทฤษฎีการจูงใจของ Herzberg ได้กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้
บุคคลพึงพอใจและไม่พึงพอใจซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย
ปัจจัยอนามัย เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่พอใจในงานที่
ทำ เช่น นโยบายการบริหาร การบังคับบัญชา ความสัมพันธ์กับ
ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงาน เป็นต้น
ปัจจัยจูงใจ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความพึงพอใจที่จะทำงาน
เช่น ความสำเร็จในการทำงาน การได้รับการยอมรับ ลักษณะ
ของงาน โอกาสเจริญก้าวหน้า เป็นต้น
การจัดการความขัดแย้ง
ข้อดี
เกิดแรงจูงใจในการทำงาน เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ใหม่ๆ ช่วยปรับปรุงการปฏิบัติงานในองค์กรได้
ข้อด้อย
เกิดความล่าช้าในการดำเนินงานในองค์กร ทำให้
ทำงานไม่มีความสุข
การแก้ปัญหา
ปัญหา คือ ผลที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างระหว่าง
สถานการณ์ที่เป็นอยู่กับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตาม
ความคาดหวังที่ต้องการให้เป็น โดยที่เจ้าของปัญหามี
ความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างเบี่ยงเบนไปทำให้ไม่
กระบวนการแก้ปัญหา
การระบุปัญหา ต้องระบุให้แน่ชัดก่อนจึงจะแก้
ปัญหาเพื่อจะได้ตรงตามความต้องการ
การวิเคราะห์และการค้นหาสาเหตุของปัญหา ซึ่ง
เป็นสิงที่ต้องให้เวลากับส่วนนี้ เพื่อจะได้พบกับ
สาเหตุที่แท้จริงโดยละเอียด
การกำหนดวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหา จะต้อง
กำหนดให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านั้นเพียงใด
เรื่องใดบ้าง และต้องการผลลัพธ์ออกมาอย่างไร
การค้นหาแนวทางในการแก้ปัญหา ผู้นำจะต้องใช้
ความคิดสร้างสรรค์ อาจใช้วิธีการระดมสมองจากผู้ที่
เกี่ยวข้องให้มากที่สุด
การเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด โดยเปรียบ
เทียบข้อดีข้อเสียเกี่ยวกับ เวลา งบประมาณที่ใช้
การดำเนินการแก้ปัญหา ควรแก้ไขตามทางเลือก
ที่กำหนดไว้ โดยต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ
ให้เพียงพอ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ
การประเมินผลการดำเนินงาน ควรทำทุกขั้นตอน
การดำเนินงาน จนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ
วิธีแก้ปัญหา
การทดลอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ควบคุมเป็นระบบใน
เรื่องของเงื่อนไข เวลา ทรัพยากรที่ใช้แต่อาจจะ
มีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพก็ได้
ใช้แบบธรรมชาติทั่วไป โดยอาศัยความชำนาญ
สามัญสำนึก ประสบการณ์เดิมที่ใช้อย
PBL ครั้งที่ 2
นางสาวจินดารัตน์ สยามประโคนธนายุ
61101440