Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรภาพของภาระผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร, images - Coggle Diagram
พยาธิสรีรภาพของภาระผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
สรีรภาพวิทยาของระบบทางเดินอาการ
. อวัยวะที่ทําหน้าที่เป็นทางผ่านของอาการ(Alimentary tract) เริ่มต้นจากปาก (Mouth) หลอดคอหรือลำคอ (Pharynx) หลอดอาหาร (Esophagus) กระเพาะอาหาร (Stomach) ลำไส้เล็ก (small intestine) ลำไส้ใหญ่ (Large intestine) และหวารหนัก (Anus)
ระบบทางเดินอาการตามสรีรวิทยา ทําหน้าที่
1.เป็นทางผ่านของอาหารและของเหลวต่างๆ (Ingestion)
2.ย่อยอาหาร (Digestion) ให้อยู่ในสภาพที่ดูดซึมได้
3.มีการดูดซึม (Absorption) สารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิต
4.มีการเคลื่อนไว (motility) ของทางเดินอาหารและขับของเสียออกจากร่างกายทางอุจจาระ
กระบวนการเมตาบอลิซึม
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
การย่อยเชิงกล (Mechanical digestion) เป็นกระบวนการทําให้อาหารเล็กลงแต่ยังไม่เล็กลงแต่ยังไม่เล็กที่สุด เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนที่โดยเอนไซม์หรือน้ำย่อยเข้าเร่งปฏิบัติได้สารโมเลกุลเล็กที่สุดดูดซึมเข้าสู่เซลล์ ส่วนเกลือแร่ และวิตามินสามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้โดยตรง
2.การย่อยทางเคมี (Chemical digestion) เป็นการย่อยอาหาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตโปรตีนและไขมันให้มีขนาดเล็กที่สุด โดยเอนไซม์หรือน้ำย่อยเข้าเร่งปฏิกิริยาได้สารโมเลกุลที่เล็กที่สุด
อวัยวะที่ช่วยย่อยอาหาร
ต่อมน้ำลาย ผลิตน้ำย่อยอะไมเลส ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลมอสโทส
กระเพาะอาการ ผลิตน้ำย่อยเพปซิน ย่อยโปรตีนให้เป็นโปรตีนสายสั้น
ลำไส้เล็ก ผลิตน้ำย่อยมอลเทส ย่อยน้ำตาลมอลโทสให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส น้ำย่อยน้ำตาลซูโครสให้เป็นน้ำตาลฟรักโทส
ตับ ผลิตน้ำดี แล้วถูกนำไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี ย่อยไขมันให้เป็นไขมันแตกตัว
รงควัตถุน้ำดี เกิดจากการสลายตัวของฮีโมโกบิน โดยตับเป็นแหล่งทำลายและกำจัด
โคเรสเตอรอล ถ้ามีมากๆจะทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี เกิดการอุดตันที่ท่อน้ำดี
ตับอ่อน ผลิตน้ำย่อยลิเพส ย่อยไขมันแตกตัวให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล
การดูดซึมอาหารในลำไส้เล็ก
การดูดซึมอาหาร หมายถึง กระบวนการที่นําอาหารที่ผ่านการย่อยจนได้เป็นสารโมเลกุลเดี่ยว เช่น กลูโคส กรดอะมิโน กรดไขมัน กลีเซอรอล ผ่านผนังทางเดินอาหาร ลําไส้เล็ก เข้าสู่กระแสเลือดไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
การดูดซึมในลำไส้ใหญ่
อาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่ได้เช่น เซลลูโลสถูกส่งไปยังลําไส้ใหญ่เซลล์ที่บุผนังลําไส้ใหญ่ดูดน้ำแร่ธาตุวิตามิน และกลูโคสจากกากอาหารเข้ากระแสเลือดทําให้กากอาหารข้นขึนจนเป็นก้อนกากอาหารผ่านไปถึงไส้ตรงและผนังภายในลําไส้ใหญ่จะขับเมือกออกมาหล่อลื่นก้อนอาหาร
ภาวะโภชนาการที่ผิดปกติ
โภชนาการ คือ การศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและสุขภาพของร่างกาย ทั้งในแง่ปริมาณและสัดส่วนของสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ เพื่อนําไปใช้เป็นพลังงานในการเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนต่างๆ รวมทังการเปลี่ยนแปลงของสารอาหาร (Metabolism) เพื่อการนําไปใช้ซึ่งขบวนการที่เกี่ยวข้องจะครอบคลุมตังแต่การย่อยการดูดซึมเมตาบอลิซึม การขนส่ง การเก็บสะสม
ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition)
ภาวะที่มีโภชนาการเกิน (Overnutrition) เกิดจากการได้รับสารอาหารมากเกินพอหรือไม่สมดุลเป็นเวลานานๆ มีไขมันมากเกินเกณฑ์ปกติทําให้ผู้นั้นมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ปกติมีการสะสมส่วนที่เกินไว้ในรูปของไขมันทําให้เกิดโรคอ้วน (Obesity)
ภาวะขาดสารอาหาร (Under nutrition or nutritional deficiency)
2.1 การขาดโปรตีนและพลังงาน (Protein energy malnutrition; PEM หรือ protein calorie malnutrition; PCM)
Kwashiorkor โรคที่เกิดจากการขาดสารอาหารโปรตีนเรือรังเด็กเจริญเติบโตช้าสีผมจางผิวหนังเป็นผื่นอักเสบ ระดับ albumin ในเลือดต่ําบวม (edema)
Marasmus โรคที่เกิดจากการขาดพลังงานและโปรตีนเป็นเวลานานการเจริญเติบโตหยุดชะงักไม่มีไขมันใต้ผิวหนังผอมมากหนังหุ้มกระดูกผิวหนังแห้งและเหี่ยว
2.2 Anorexia nervosa and bulimia เป็นความผิดปกติของการกิน (eating disorder) ซึ่งพบบ่อยในวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศหญิงผู้ป่วย Anorexia จะหมกมุ่นอย่างมากในเรื่องการกินอาหารและน้ำหนักตัวของตนเองกลัวอ้วน มองว่าตนเองเป็นคนอ้วนอยู่ตลอดเวลา
ภาวะการขาดวิตามิน
โรคขาดวิตามินเอ ขาดวิตามินเอ จะทําให้เกิดอาการตาบอดกลางคืนเยื่อบุตาขุ่นเหลวและตาบอดในที่สุด การป้องกันการขาดวิตามินเอ คือ ส่งเสริมให้รับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินเอมะละกอสุก มะม่วงสุก ผักบุ้ง ตําลึง
โรคขาดวิตามินบีหนึ่ง อาการมักเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วม เช่น หน้าเขียว หอบเหนื่อย ตัวบวม หัวใจโตและเต้นเร็ว ร้องเสียงแหบหรือไม่มีเสียง
โรคเหน็บชาในเด็กโตและผู้ใหญ
มีอาการชา โดยไม่บวม (Dry beriberi) ชาปลายมือปลายเท้า กล้ามเนื อแขนขาไม่มีแรง
มีอาการชาและบวม (Wet (cardiac) beriberi) ชาปลายมือปลายเท้า มีน้ำคั่งในช่องท้อง
มีอาการทางสมอง เรียกว่า Wernicke – Korsakoff (cerebral) syndrome พบในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคพิษสุราเรือรัง อาการทางสมอง คือ การเคลื่อนไหวของลูกตาทําได้น้อย
โรคขาดวิตามินบีสอง เกิดจากการกินอาหารที่มีวิตามินบีสองไม่เพียงพอ คนที่ขาดวิตามินบีสองมักจะเป็นแผลหรือรอยแตกที่มุมปากทั้งสองข้างหรือซอกจมูกมีเกล็ดใสเล็กๆ ลินมีสีแดงกว่าปกติและเจ็บหรือมีแผลที่ผนังภายในปาก เรียกว่าเป็นโรคปากนกกระจอกคนที่เป็นโรคนี จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และอารมณ์หงุดหงิด
โรคขาดวิตามินซี เกิดจากการกินอาหารที่มีวิตามินซีไม่เพียงพอ คนที่ขาดวิตามินซีมักจะเจ็บป่วยบ่อยเนื่องจากมีความต้านทานโรคต่ําเหงือกบวมแดงเลือดออกง่ายถ้าเป็นมากฟันจะโยกรวน และมีเลือดออกตามไรฟันง่าย อาการเหล่านี เรียกว่าเป็นโรคลักปิดลักเปิด
โรคขาดธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสเกิดจากการกินอาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสไม่เพียงพอคนที่ขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัสจะเป็นโรคกระดูกอ่อน
โรคขาดธาตุเหล็กเกิดจากการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอหรือเกิดจากความผิดปกติในระบบการย่อยและการดูดซึมคนที่ขาดธาตุเหล็กจะเป็นโรคโลหิตจาง
โรคขาดธาตุไอโอดีนเกิดจากการกินอาหารที่มีไอโอดีนต่ำหรืออาหารที่มีสารขัดขวางการใช้ไอโอดีนในร่างกายคนที่ขาดธาตุไอโอดีนจะเป็นโรคคอพอกและต่อมไทรอยด์บวมโต
พยาธิสรีรวิทยาโรคระบบททางเดินอาหาร
ความผิดปกติของผนังอาหาร
1.1 Hiatal hernia
Sliding hiatal hernia อาจเกิดจากหลอดอาหารสั นมาแต่กําเนิด หรือ การได้รับบาดเจ็บหรือความอ่อนแอของกล้ามเนื อกระบังลมบริเวณรอยต่อของหลอดอาหารและกระเพาะ
เป็น hiatal hernia พบประมาณ 90% โดย กระเพาะอาหารเลื่อนเข้าสู่ช่องอกผ่านทาง
ในขณะที่นอนหงาย หลอดอาหารส่วนล่างและกระเพาะอาหารจะถูกดันขึนไปอยู่ในช่องอก
การไอ โก่งตัวหรืองอตัว การใส่เสือผ้าคับแน่นเกินไป ascites หรือการตั้งครรภ์
2) paraesophageal (rolling) hiatal hernia
เป็นการเลื่อนของ greater Curvature ของกระเพาะอาหารผ่านเข้าไปทางรูเปิดของdiaphragm โดยกระเพาะที่ถูกดันเข้าไปในช่องอกจะทอดตัวตามแนวยาวของหลอดอาหารรอยต่อระหว่างหลอดอาหาร และกระเพาะอาหารจะยังคงอยู่ต่ํากว่า diaphragm แต่ reflex จะผิดปกติบริเวณส่วนของกระเพาะที่ถูกดันให้เลื่อนเข้าไปในช่องอกอาจมีเลือดคั่ง
อาการและอาการแสดงรับประทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้งนอนในท่า semi-fowler position ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในท่านอนชันเข่า (recombent position)
กระเพาะอาหารอักเสบและแผลในทางเดินอาหาร
กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)กระเพาะอาหารอักเสบ หมายถึงการอักเสบของ gastric mucosa อาจเกิดจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น gastric acid, bile reflux, ยาหรือ toxins ร่วมกับความบกพร่อง
การเกิดพยาธิสภาพ
กระเพาะอาหารจะมี mucosal barrier ป้องกันการย่อยตัวเอง โดยมี prostaglandinเป็นตัวช่วยป้องกันแต่ถ้ากลไกการป้องกันล้มเหลว มีการทําลายของ mucosa โดยเฉพาะทําให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ
เมื่อการหลั่ง histamine มีการกระตุ้น cholinergic nerve hydrochloric acid สามารถซึมผ่านเข้าไปใน mucosa และทําให้เกิดอันตรายต่อเส้นเลือดเล็กๆ
1.1กระเพาะอาหารอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute gastritis)
สาเหตุ
การรับประทานกรดด่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
การติดเชื่อ เช่น Staphylococci, Salmonella
ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสเผ็ดจัดร้อนจัด
การรับประทานกรดด่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
1.2 กระเพาะอาหารอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic gastritis)
การทันกลับของน้ำดีพบในผู้ป่วยซึ่งเป็นแผลในทางเดินอาหารได้รับสารที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ helicobacter pylori
การแบ่งชนิดของกระเพาะอาหารอักเสบตามความลึกของการอักเสบแบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี
1.Superficial gastritis มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพจํากัดเฉพาะที่ส่วนบนประมาณ1/3 ของ mucosa
Atrophic gastric มีพยาธิสภาพลึกทั งหมดของ mucosa ทําให้มีการฝ่อ (atrophy) ของ gastric glands มีการสูญเสีย chief และ parietal cells
Gastric atrophy มีการสูญเสีย gastric glands ทั้งหมด แต่มีการอักเสบเพียงเล็กน้อย mucosa จะบาง
แผลในทางเดินอาหาร (Peptic Ulcer)
กลไกการเกิดพยาธิสภาพ
เกิดจากการขาดสมดุลของสารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร คือ hydrochloric acid และpepsin กับฝ่ายทําหน้าที่ป้องกัน คือเยื่อเมือกที่บุทางเดินอาหารและเกิดจากความสามารถในการ ควบคุมยับยังการหลั่งน้ำย่อยของลําไส้เล็กส่วนต้น
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดแผลในระบบทางเดินอาหาร
ฮอร์โมน เช่น ACTH และ Cortisone เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเยื่อบุ และadrenocorticosteroids ลดการสร้าง cell ของเยื่อบุ
ความเครียดทางอารมณ์ เพิ่มการหลั่งน้ำย่อย ลดเลือดที่มาเลี้ยงกระเพาะอาหาร
ยาบางชนิด ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้ำย่อย
ชนิดของแผลในระบบทางเดินอาหาร
แผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากการขาดสมดุลระหว่างปัจจัยที่ทําลาย mucosa ะกลไกการป้องกัน mucosa เช่น epithelium,แต่เยื่อบุโดยรอบมักจะบวม
อาการ มีอาการปวดบริเวณ midepigastrium มักจะตื่นขึ้นมาปวดตอนกลางคืน
ภาวะแทรกซ้อนของแผลในทางเดินอาหาร
เลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น (Upper GI bleeding)
การเกิดแผลลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง (Penetration)
Inflammatory bowel disease =โรคลำไส้อักเสพ
Crohn's disease
Crohn's disease ส่วนใหญ่พบบริเวณชั น Submucosa ส่วนที่มีอาการอักเสบจะมีลักษณะเป็นรอยแยกล้อมรอบด้วย submucosa ที่บวมผนังของทางเดินอาหารจะหนาตัวและไม่ยืดหยุ่นการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้นและท่อน้ำเหลืองจะขยาย ต่อมาอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดรูรั่ว
อาการ
ท้องเสียเป็นพักๆ ปวดบิด (Coicky pain) พบบ่อยบริเวณท้องด้านขวาล่าง
น้ำหนักลด
ความผิดปกติในการเคลื่อนไหว
Gastroesophageal reflux disease (GERD)
GERD หมายถึง โรคที่มีเกิดจากผลของการย้อนขึ นมาอย่างผิดปกติของน ําย่อย กรด pepsin และน้ำดี และมีความผิดปกติในการกําจัดน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่ย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหาร
Achalasia
อาการ
กลืนลําบาก
ขย้อนอาหารที่ค้างอยู่ในตอนกลางคืน
ภาวะแทรกซ้อน คือ หลอดอาหารอักเสบ
อาจเกิดการสําลักเอาเศษอาหารหรือน้ำย่อยที่ขย้อนเข้าไปในปอด
การวินิจฉัย
barium Swallowing จะพบหลอดอาหารขยายโตขึ้น
ตรวจดูการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร (esophageal manometric)
ส่องกล้องดูหลอดอาหาร (esophagoscopy) และตัดชิ้นเนื้อตรวจ
การรักษา
หลีกเลี่ยง anticholinergic drugs เพราะลดการทํางานของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างและการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารทําให้ย้อนมากขึ้น
ควรเคียวอาหารให้ละเอียดเพื่อให้น้ำลายในปากช่วยในการย่อยและหล่อลื่นทําให้ bolusผ่านหลอดอาหารสู่กระเพาะอาหารได้ง่ายขึ้น
ท้องผูก (constipation)
สาเหตุ
ความผิดปกติทางระบบประสาทของลำไส้ใหญ่
ความผิดปกติของการทำหน้าที
การรับประทานอาหารที่มีกากน้อย
แบบแผนการดำเนินชีวิต
ยาบางชนิด
การวินิจฉัย
ตรวจร่างกายโดยเฉพาะการดูและคลําท้องเพื่อดูก้อนเนื้องอก และอาการกดเจ็บ การตรวจทางทวารหนักเพื่อดูความผิดปกติและการทํางานของกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณทวารหนัก
การส่องกล้อง เช่น proctoScope
ท้องเสีย (Diarrhea)
ท้องเสียแบ่งตามกลไกการเกิดได้เป็น 3 ชนิด
1.Osmotic diarrhea เกิดจากการที่สารซึ่งไม่สามารถดูดซึมได้ในลําไส้ดูดน้ำกลับสู่โพรงการที่มีสารซึ่งไม่สามารถดูดซึมได้และสารตกค้างอยู่ในลําไส้เป็น
สาเหตุ เกิดจาก
ขาด lactase (lactase deficiency) ทําให้ไม่สามารถย่อย lactose และดูดซึมได้lactose จึงตกค้างอยู่ในโพรงลําไส้
Secretory diarrhea เป็นการถ่ายอุจจาระที่มีปริมาตรมาก
สาเหตุ เกิดจาก
การหลั่ง mucosal secretion สารน้ำและอิเลคโตรลัยท์จํานวนมาก
การขัดขวางการดูดซึม sodium chloride มักเกิดจาก bacterial enterotoxins
ตับอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute hepatitis)
อาการและอาการแสดง
Prodromal illness มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะ มีไข้ 37.5-38.5 C คัดจมูก เจ็บ คอ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร มีนซึม ปวดท้องเล็กน้อยโดยเฉพาะบริเวณ right hypochondrium มีอาการ
The icteric phase อาการในระยะ prodromal มักจะหายไป แต่มีดีซ่าน (jaundice) ตัว
The convalescent phase เกิดขึ นหลังมีดีซ่านประมาณ 2 สัปดาห์ อาการตัวตาเหลือง
ตับอักเสบแบบเรื้อรัง (chronic hepatitis)
1.Chronic persistent hepatitis
ส่วนใหญ่เกิดจาก hepatitis virus ยกเว้น HAV เป็นอาการอักเสบเรื อรังบริเวณ portal triads แต่ไม่ได้ลุกลามเข้าไปในบริเวณ lobular architecture
อาการและอาการแสดง ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการแต่ตรวจพบว่า liver function test ผิดปกติภายหลังจากมีตับอักเสบแบบเฉียบพลัน ระดับ serum transaminase ผิดปกติ อ่อนเพลีย
Chronic active hepatitis
สาเหตุ อาจเกิดจาก
hepatitis virus type B และ C
autoimmune antibodies
พบในผู้ป่วยโรค Wilson's disease
อาการและอาการแสดง ผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดข้อ ข้ออักเสบ ดีซ่าน ตัวตาเหลือง อุจจาระซีด ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม บางรายมีผื่นคันตามตัว ผู้หญิงที่เป็น autoimmune disease มักมี Cushigoid appearance คลําพบตับม้ามโต
Hepatic failure
สาเหตุ เกิดจาก
สารเคมี เช่น carbon tetrachloride และ halothane ทําให้มี massive liver necrosis
alcoholism ทําให้เกิด Reyes Syndrome, fatty liver
การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสรีรวิทยา
Jaundice ดีซ่าน
Hypogonadism and gynecomastia ถุงอัณฑะฝ่อและเต้านมโตในเพศชาย
Intestinal Obstruction ลำไส้อุดตัน
สาเหตุ
simple obstruction พบบ่อยที่สุด เป็นการอุดตันที่เกิดจากการที่มีความผิดปกติกีดขวางอยู่ภายใน lumen ของลําไส้
Functional obstruction เป็นการสูญเสียหน้าที่ในการเคลื่อนไหว
อาการและอาการแสดง
ปวดบิด (Colicky pain) อย่างเฉียบพลัน
อาเจียน และแน่นท้อง
การรักษา
1.ให้สารน้ำและอิเลคโตรลัยท์ทดแทนเพื่อลดภาวะขาดน้ำ
2.ดูดgastric Content ออกจากกระเพาะอาหารและลําไส้เพื่อลดอาการแน่นท้อง
3.ในรายที่ลําไส้ขาดเลือดไปเลียง (strangulation) และมีการอุดตันอย่างสมบูรณ์ต้องผ่าตัดโดยรีบด่วน
ความผิดปกติในการดูดซึม (malabsorption Syndromes)
การขาด pancreatic enzymes (pancreatic Insufficiency) สาเหตุเกิดจากการขาด pancreatic enzyme ที่หลั่งจากตับอ่อน ซึ่งเกิดจากโรคตับอ่อนอักเสบเรื อรัง มะเร็งของตับอ่อน การถูกผ่าตัดตับอ่อน และ Cystic fibrosis การขาด pancreatic bicarbonate ใน duodenum และ jejunum ทําให้เกิด pH ต่ำ มีสภาพเป็นกรดซึ่งทําให้การย่อยอาหารเหลว
การขาด lactase (lactase deficiency)
สาเหตุ เกิดจากการขาด lactase (lactase deficiency) ซึ่งทําให้ไม่สามารถย่อย lactase ซึ่งเป็นน ําตาลที่อยู่ในนม (milk sugar) ให้เป็น monosaccharides และรบกวนการย่อยและการดูดซึม lactase บริเวณผนังลําไส้เล็กๆ
การขาด bile salt (bile salt deficiency)
สาเหตุ เกิดจาก
1.โรคตับลดการสร้าง bile salts การอุดตันของท่อน้ำดี (common bile duct) ทําให้ bile ไปสู่ duodenum ลดลงการลดการเคลื่อนไหวของลําไส้ (intestinal stasis) ทําให้ bacteria ในลําไส้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วลดการ Conjugate bile salts
โรคของ ileum ซึ่งรบกวนการดูดซึมกลับของ bile salts และ recycling ของ bile salts
อาการ
ขาดวิตามิน A ทําให้ตาบอดกลางคืน
ขาดวิตามิน D ทําให้ลดการดูดซึมแคลเซียม เนื อกระดูกลดลง (Osteoporosis) ปวดกระดูก
ขาดวิตามิน E ทําให้เลือดหยุดช้า prothrombin time นานขึ้นเกิดจำเลือด ตามตัว
ขาดวิตามิน E ทําให้เกิดอัณฑะฝ่อ (testicular atrophy) และความผิดปกติทางระบบ
Dumping syndrome
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัดบางส่วนของกระเพาะอาหารออกไป เพื่อรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือมะเร็งของกระเพาะอาหารทําให้มีการทําหน้าที่ของกระเพาะบางส่วนเสียไป โดยเฉพาะการสูญเสีย pyloric regulation ซึ่งช่วยควบคุมระยะเวลาของการผ่านของอาหารและน้ำจากกระเพาะอาหารไปสู่ลําไส้เล็กทําให้ hyperosmolar food จํานวนมากผ่านสู่ลําไส้เล็กอย่างรวดเร็ว ลําไส้เล็กจะดูดนำเข้าไปใน lumen และกระตุ้นการ
Jaundice
Jaundice (icterus) หรือดีซ่าน มี bilirubin สูงกว่าปกติ 2 เท่า หรือมากกว่า 2.0 ถึง 2.5mg/d112 เลือด (ค่าปกติ 1.2 mg/dl) สังเกตจาก sclera เป็นสีเหลือง bilirubin เกิดจากกระบวนการสลาย hemolobin จากเม็ดเลือดแดงเป็น biliverdin ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงเป็น free bilirubin และจับตัวกับ plasma albumin ผ่านไปสู่ตับและถูกดูดซึมโดย hepatocytes ซึ่ง free bilirubin จะถูกเปลี่ยนเป็น Conjugated bilirubin โดยการจับกับglucoronic acid โดยปฏิกิริยาของ enzyme glucuronyl transferase ซึ่ง Conjugated bilirubin
สาเหตุ
1.มีการทําลายเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ
มีความบกพร่องของเซลล์ตับในการจับ bilirubin
มีการอุดตันของทางเดินน้ำดีทั้งภายในและภายนอกตับ
Ascites
สาเหตุ เกิดจาก
1.โรคตับเรื้อรังโดย ตับแข็ง (cirrhosis) พบบ่อยและมากที่สุด
2.มะเร็งหัวใจด้านขวาล้มเหลว
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการเกิด ascites
มีการรบกวนการไหลเวียนของเลือดจาก liver sinusoid สู่ hepatic veins และ Vena Cava
เพิ่ม hepatic sinusoidal pressure ทําให้มีการคั่งของน้ำเหลืองซึมเข้าไปอยู่ในช่องท้อง
ภาวะ albumin ต่ํา ซึ่งเกิดจากการที่ตับมีความบกพร่องในการสังเคราะห์ almin
การลดปริมาตรเลือดที่ไหลเวียนในกระแส
การวินิจฉัย และการรักษา
การเจาะท้องเพื่อดูดของเหลว (paracentesis) ครั้งละ 1 ถึง 2 ลิตร ช่วยบรรเทาอาการ
ควรรับประทานอาหารจํากัดเกลือ
ให้ยาขับปัสสาวะชนิดที่ลดการสูญเสีย potassium
Portal hypertension
อาการและอาการแสดง
อาเจียนเป็นเลือด ซึ่งเกิดจากการรั่วหรือแตกของเส้นเลือดดําในหลอดอาหาร
เกิดภาวะซีด (anemia)
ถ่ายดํา (melena)
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติพบว่ามีดีซ่าน
ตรวจร่างกาย พบท้องโตตึง
ส่องกล้อง (endoscopy) พบมีเลือดออกจากเส้นเลือดดําโป่งพองในหลอดอาหาร
การรักษา
ใส่สาย Sengstaken-Blakemore tube เพื่อควบคุมเลือดออกจากเส้นเลือดดําโป่งพองในหลอดอาหาร เพื่อใส่ลมผ่าน balloon ไปกดบริเวณหลอดอาหารที่มีเลือดออก
ฉีดยา sclerosing agent เข้าไปบริเวณเส้นเลือดดําที่โป่งพองเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด
ผ่าตัด portacaval shunt โดยการตัดต่อ portal vein กับ inferior vencava เพื่อลดแรงดันที่บริเวณเส้นเลือดดําที่โป่งพอง
ตับอักเสบ (Hepatitis)
Viral Hepatitis
1.1 Hepatitis A หรือ infectious hepatitis ติดต่อทาง fecal-oral route ติดต่อโดยสัตว์น ําพวกที่มีเปลือก (shell fish) เช่น หอย กุ้ง ปู อาการจะเป็นอยู่ 1-3 เดือนและ recovery ได้
1.2 Hepatitis B ติดต่อทาง parenteral route และ body Secretions พบในการถ่ายเลือด เข็มตํา พวกติดยา รักร่วมเพศ การคลอดบุตร antigen ที่พบมี 3 ชนิด ได้แก่ Surface antigen, Core antigen และ E antigen
Hepatitis B Surface antigen (HBSAG) เป็น antigen ในเลือดช่วงที่มี transaminase levels สูง เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ นแล้วจะลดลง 10% ของผู้ป่วยตับอักเสบ B มักจะเป็น chronic active hepatitis จะมีค่า HBSAG serum สูงและสามารถติดต่อให้ผู้อื่นได้
E antigen ช่วยบ่งชี ว่าผู้ใดติดเชื้อมากกว่า ผู้ที่มีค่า E antigen ในเลือดสูง จะมีการติดเชื้อสูงและมักจะมี active liver disease ได้ทั้งแบบ acute หรือ chronic คนที่ มีค่า antibody ต่อ E
1.3 Hepatitis C มีการติดต่อคล้ายคลึงกับ hepatitis B โดยติดต่อทางเลือดและสารคัดหลั่งเพศสัมพันธ์ มักเป็น chronic hepatitis สูงกว่า hepatitis B
1.4 Hepatitis D หรือ Delta hepatitis เกิดจาก HDV ซึ่งเป็น RNA virus ซึ่งต้องอาศัยการทํางานของ HBV จึงเป็นการติดเชื อร่วมที่พบในผู้ป่วยซึ่งเป็น hepatitis B และทําให้ผู้ป่วยกลายเป็นchronic carrier ได้
1.5 Hepatitis E มีการติดต่อคล้ายคลึงกับ hepatitis A คือติดต่อทาง fecal-oral route