Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับความปวด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับความปวด
ชนิดของความปวด
(types and categories of pain)
แบ่งตามความรู้สึก
-เจ็บแปลบ(picking pain) มีลักษณะเหมือนเข็มแทง
-ปวดแสบปวดร้อน(burning pain) เกิดจากการที่ผิวหนังถูกไฟไหม้
-ปวดตื้อ(aching pain) เกิดเมื่ออวัยวะภายในถูกกระตุ้นจะปวดลึกๆ บอกตําแหน่งไม่ได้
การแบ่งความปวดตามตําแหน่งของตัวรับ
-Somatic pain ความปวดจากตัวรับที่อยู่ภายนอกร่างกาย ได้แก่ ผิวหนัง เนื้อเยื่อที่อยู่ลึก เช่น กล้ามเนื้อข้อต่อ ตัวรับสัมผัสทางกาย
-Visceral pain ความปวดจากอวัยวะภายในโดยอวัยวะภายในมีตัวรับความปวดน้อยไม่สามารถบอกตําแหน่งที่ปวดได้แน่นอนตัวกระตุ้นได้แก่การขาดเลือดการหดเกร็งหรือขยายตัวมากเกินไปของอวัยวะที่กลวง
การจัดการความปวด
(Pain management)
การจัดการความปวดที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นจากการประเมินความปวดที่ถูกต้อง โดยอาศัยหลักการสําคัญ ยาที่ใช้ คือยาระงับปวด เป็นยาที่ออกฤทธิ์รบกวนการนําสัญญาณประสาทที่เกิดจากการ กระตุ้นระบบประสาทส่วนปลายหรือประสาทส่วนกลาง
ยาระงับปวดจากฝิ่น เช่น Morphine และ Pethidine สามารถให้เข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง
1( ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ(intramuscular: IM) ระดับยาในเลือดสูงสุดจากการดูดซึมในเวลาแตกต่างกันมากในแต่ละคนดังนั้นอาจไม่เพียงพอในการลดความปวดในขณะที่ให้ในขนาด
2( ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง(subcutaneous: SC) การดูดซึมคล้ายการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
3( ฉีดเข้าหลอดเลือดดํา (intravenous: IV) ได้แก่ การฉีดเป็นครั้งคราว หรือให้ต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงระดับของยาในกระแสเลือด
4( ให้ยาระงับปวดโดยให้ผู้ป่วยควบคุมการให้ยาด้วยตนเอง ได้แก่ การให้ยาระงับปวดทาง หลอดเลือดดํา
ยากลุ่มที่ไม่ใช่อนุพันธุ์ของฝิ่น
1.ยา Acetaminophen
ชื่อทางการค้า ได้แก่ Paracetamol/ Tylenol อาการข้างเคียงที่สําคัญ คือ เป็นพิษต่อตับ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือโรคตับที่รุนแรง ปัญหาที่สําคัญมากในปัจจุบันพบว่ามีการใช้ยาแก้ปวดในทางผิด คือ การเพิ่มขนาดของยาแก้ปวด
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal anti-inflammatory drugs)
หรือที่เรียกว่า ยากลุ่มNSAIDsกลไกการออกฤทธิ์ระงับความปวด NSAIDs ทํางานโดยการยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ cyclooxygenase ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นเปลี่ยนแปลงArachidonic acid ไปเป็น thromboxane และ prostaglandins ซึ่งเป็นสารที่รู้จักกันดี ทําให้เกิดความปวดโดยไปกระตุ้นตัวรับความปวด (nociceptors)
อาการข้างเคียงควรเฝ้าอย่างระวังผลข้างเคียงใน โรคไต เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร และความผิดปกติของตับ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อย ได้แก่ อาการสับสน ภาวะหัวใจล้มเหลว เท้าบวมน้ํา
อาการข้างเคียงควรเฝ้าอย่างระวังผลข้างเคียงใน โรคไต เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร และความผิดปกติของตับ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อย ได้แก่ อาการสับสน ภาวะหัวใจล้มเหลว เท้าบวมน้ํา และอาการกําเริบของความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังมากขึ้นเมื่อใช้กับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
-มีประวัติกระเพาะอาหาร หรือ ลําไส้เล็กทะลุ(Gastric / Duodenal perforation)
-โรคแผลกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer)
-ใช้ร่วมกับยาanticoagulants เช่น warfarin, heparin-ใช้ร่วมกับยาcorticosteroids
-มีประวัติใช้NSAID ระยะเวลานาน
ยากลุ่มอนุพันธ์ฝิ่น
หรือเรียกว่า กลุ่ม opioids มีบทบาทสําคัญในการบรรเทาปวดทั้งปวดเฉียบพลันและปวดเรื้อรัง ที่มีระดับความปวดระดับปานกลาง จนถึงระดับรุนแรงมักใช้ในผู้ป่วย acute pain
กลไกการออกฤทธิ์ระงับปวด ยาแก้ปวดกลุ่ม opioidsแบ่งประเภทตาม receptor ที่ยาเข้าไปจับ
Tramadol
เป็นยาบรรเทาปวดที่มีกลไกการออกฤทธิ์ 2 ทาง
Codeine
ใช้บรรเทาความปวดเล็กน้อย ถึงปานกลาง ดูดซึมหลังรับประทานอาหารได้ดี มี half life 3ชั่วโมงระยะเวลาออกฤทธิ์4-6ชั่วโมง
Morphine
ใช้บรรเทาความปวดระดับรุนแรง การใช้ยาให้ได้หลายทาง (route)
Pethidine
ใช้บรรเทาความปวดระดับรุนแรงเป็นopioid ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมีความแรงในการระงับปวดประมาณ1/10ยามีฤทธิ์กระตุ้นcholinergic receptor ทําให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว สามารถกดการหายใจได้เท่ากับมอร์ฟีน
Fentanyl
ใช้บรรเทาความปวดระดับรุนแรงเป็นopioid ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมีความแรงในการระงับปวดประมาณ100 เท่าของมอร์ฟีน
การจัดการความปวดโดยวิธีการที่ไม่ใช่ยา (nonpharmacologic methods of pain management)
การจัดการความปวดทางด้านจิตใจได้แก่
1การให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยและญาติ
2 การให้ยาเทียม (placebo)
3 การเบี่ยงเบนความสนใจ(distraction)
4 ส่งเสริมให้มีการผ่อนคลาย(relaxation)
1.การปรับความรู้สึกด้านร่างกาย(sensory control) เป็นการจัดการที่ทําให้ร่างกายหรือบริเวณที่บาดเจ็บของผู้ป่วยผ่อนคลายซึ่งมีผลทําให้ผู้ป่วยบรรเทาความปวดลงได้ ประกอบด้วยวิธีการ
การใช้ RICEหมายถึง การพัก(Rest: R) ความเย็น(Ice: I) การกด (Compress: C) การยกบริเวณที่บาดเจ็บให้สูง(elevate of injuries: E)
การกดจุดเป็นศาสตร์จีน โดยใช้นิ้วมือหรือมือกดลงบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
การนวดและการสัมผัสเป็นการกระตุ้นสัญญาณประสาทขนาดใหญ่ ไปยับยั้งการทํางานของ T-cell ส่งผลให้ประตูควบคุมปิดสัญญาณความปวดไม่สามารถส่งถึงสมองได้รวมถึงกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
2.การปรับด้านจิตใจ(affective control) เป็นการจัดการความปวดที่ทําให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายจากความวิตกกังวล ส่งผลให้ผู้ป่วยบรรเทาความปวดลงได้
การใช้น้ําบําบัด(hydrotherapy)เป็นวิธีการแช่ในน้ําธรรมชาติหรือน้ําอุ่นเชื่อว่าเมื่อจุ่มวัตถุจะมีแรงต้านจากน้ํา ทําให้วัตถุนั้นเหมือนกับน้ําหนักลดลง จะทําให้รู้สึกสบายผ่อนคลาย ลดความ ตรึงเครียดด้านจิตใจ
การบําบัดด้วยกลิ่นหอม(aromatherapy) เป็นการบําบัดโดยใช้น้ํามันหอมระเหยจากพืชหอมส่วนใหญ่ และสามารถปรับใช้ร่วมกับการนวด การอบ และการอาบ การรับรู้กลิ่นน้ําหอมระเหย
การปรับด้านความนึกคิด/สติปัญญา(cognitive control) เป็นการจัดการที่ระดับสมอง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
การหัวเราะและอารมณ์ขัน(laughing) ผลการวิจัยพบว่าถ้าผู้ป่วยหัวเราะอย่างต่อเนื่องประมาณ 10นาที จะทําให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้โดยไม่ปวดประมาณ 2ชั่วโมง
การสอนและการให้ข้อมูล เป็นการให้ข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์เพื่อลดความวิตกกังวลเพิ่มการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วยทําให้ผู้ป่วยสามารถคาดคะเนเหตุการณ์ได้ใกล้เคียงความเป็นจริงเพิ่มความสามารถในการเผชิญปัญหาและเพิ่มความรู้สึกว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้
สมาธิคลายปวด(meditation) เมื่อทําสมาธิจะทําให้จิตใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งตลอดเวลา ทําให้ใจไม่รับรู้เรื่องอื่นรวมทั้งความปวดด้วยการหายใจที่ถูกต้อง คือ การหายใจยาว ลึก ช้า และละเอียดลงไปถึงหน้าท้อง
การสร้างสัมพันธภาพ(relationship) เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วย
สวดมนต์หรือร้องเพลง(praying) การให้ผู้ป่วยสวดมนต์ร่วมกัน หรืออาจจะเปิดเทปสวดมนต์ให้ผู้ป่วยละลึกตามในใจ ควรเลือกบทสวดมนตร์ที่ผู้ป่วยชอบหรือคุ้นเคย
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความปวด พยาบาลจะต้องประเมินข้อมูลผู้ป่วย ทั้งที่เป็นข้อมูลอัตนัย (subjective data) และหรือข้อมูลปรนัย (objective data) เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนในการกําหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุนของผู้ป่วยที่ประเมินได้มีความสําคัญที่จะนําไปสู่การกําหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล และกําหนดกิจกรรมการพยาบาล ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลในผู้ป่วยที่มีความปวดแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ที่พบบ่อย
1.ไม่สุขสบาย: ปวดเนื่องจากเนื้อเยื่อบาดเจ็บ/ถูกทําลายจากการผ่าตัด/ขาดเลือดไปเลี้ยง
2.ทํากิจกรรม (activity intolerance) ได้ลดลงเนื่องจากปวด
3.วิตกกังวล (anxiety) เนื่องจากปวด
4.นอนไม่หลับ (insomnia) เนื่องจากปวด
5.อ่อนเพลียเนื่องจากปวด
6.กลัว (fear)เกี่ยวกับการดําเนินของโรคเนื่องจากการปวดรุนแรงขึ้น
7.การเผชิญปัญหา (coping) ไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากปวด
8.การเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆของร่างกาย (physical mobility) บกพร่องเนื่องจากปวด
9.ปฏิบัติกิจวัตรประจําวันได้น้อยลง (self care deficit) เนื่องจากปวด
10.การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น (social interaction) ลดลงเนื่องจากปวด