Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารจัดการของหอผู้ป่วย - Coggle Diagram
การบริหารจัดการของหอผู้ป่วย
ทักษะการจัดการบริหาร
การตัดสินใจ
ความหมาย เป็นกระบวนการที่ผู้บริหารเลือกแนวทางที่คิดว่าดีที่สุดมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหา
ประเภทของการตัดสินใจ (Bernhard & Walsh, 1995)
การตัดสินใจด้วยวิธีที่ทําให้ได้ผลเท่าที่พอใจ
การเลือกตัดสินใจที่ให้ผลดีที่สุดซึ่งต้องใช้เวลาเพื่อลดความผิดพลาดและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ลักษณะของการตัดสินใจทางการบริหาร จะเกี่ยวข้องกับการบริหารใน 3 ลักษณะ
การตัดสินใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน (Operational Decision)
การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ (Management Decision)
การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบาย (Policy Decision)
รูปแบบของการตัดสินใจทางการบริหาร
การตัดสินใจที่ได้เตรียมการล่วงหน้า
การตัดสินใจที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
ประโยชน์ของการตัดสินใจ
ช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากได้ทําการคัดอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุด
ช่วยให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นหากได้มีการพิจารณาก่อนดําเนินการ
ช่วยในการเตรียมการสําหรับงานที่จะทํา ว่าควรมีลักษณะอย่างไร ดําเนินการอย่างไร
ช่วยให้ผู้มีอํานาจตัดสินใจมีการยั้งคิดหรือพิจารณาถึงเหตุผล
ช่วยให้งานสามารถดําเนินไปได้ไม่ล่าช้า
การสื่อสาร
การสื่อสารเพื่อลดความขัดเเย้งเเบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.1 การสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication
1.2 การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication)
หมายถึงกระบวนการถ่ายทอดข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความต้องการจากผู้ส่งสารโดยผ่านสื่อต่าง ๆ ที่อาจเป็นการพูด การเขียน สัญลักษณ์อื่นใด การแสดงหรือการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ไปยังผู้รับสาร
องค์ประกอบสำคัญของการสื่อสาร
1.sender ผู้ส่งสาร
2.message ข้อมูล เนื้อหา
3.channel สื่อหรือช่องทางในการสื่อสาร
4.receiver ผู้รับสาร
รูปแบบกระบวนการสื่อสาร ( Communication Process) ใช้กระบวนการ SMCR SENDER
-Skill : Communication Skills
-Encode
-Naturalize :
-Drill:
-Resolve :
-Expand : ให้ข้อมูล รายละเอียด
ประโยชน์ของการสื่อสารที่มีต่อองค์การและต่อสมาชิกขององค์การ
ข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมที่ได้จากการสื่อสารจะทำให้รู้ว่าการทำงานนั้นเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่
ข้อมูลจากการสื่อสารช่วยในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการทำงานได้
การให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการทำงานจะทำให้สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ทันก่อนเกิดผลเสียหายร้ายแรง
กลุ่มงานที่มีการติดต่ออย่างเปิดเผยสามารถแก้ไขปัญหาและข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้
ความถูกต้องของข้อมูลและการสื่อสารอย่างเปิดเผยจะช่วยให้การทำงานของกลุ่มและขององค์การมีประสิทธิผล
ความคิดเชิงวิพากษ์
หมายถึง เป็นกระบวนการคิดที่มีเป้าหมายนําไปสู่การค้นหาความจริง การ เปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า ถูกต้อง เหมาะสมกับการดําเนินงานและบริบทแวดล้อม และเกิดผลดีต่อ ส่วนรวม
ขั้นตอนและเทคนิคการคิดวิพากษ์ มี 5 ขั้นตอน
1.เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Trigger) ซึ่งการเผชิญหน้าทําให้เปลี่ยนมุมมองและเรียนรู้ที่จะโต้แย้ง
2.การประเมินสถานการณ์ (Appraisal) โดยตรวจสอบด้วยตนเองอย่างละเอียดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
3.การวินิจฉัยตรวจสอบอย่างละเอียด (Exploration) เริ่มยอมรับและพยายามหาทางอธิบายสิ่งที่ เกิดขึ้น
4.พัฒนามุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม (Development of Alternative Perspectives) เป็นการค้นหา ทางเลือกใหม่ แนวคิดใหม่ จัดระเบียบโลกทัศน์ใหม่
บูรณาการวิธีคิดและพฤติกรรมใหม่ (Integration)
ความคิดสร้างสรรค์
เป็นกระบวนการทางความคิดที่ใช้ในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่เป็นอยู่ให้ดี ขึ้นด้วยวิธีการที่ริเริ่มแปลกใหม่และได้ผลดีกว่าเดิม
พื้นฐานสําคัญของความคิดสร้างสรรค์
สร้างอุปนิสัยช่างสังเกต เพื่อให้เห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปได้จากการรับรู้ทั่วไป ความคิดสร้างสรรค์จะ ไม่เกิดขึ้นหากมีการมองสิ่งต่างๆ ได้เหมือนกันหมดทุกแง่ทุกมุม
สร้างอุปนิสัยเป็นนักคิด และจัดระเบียบความคิดของตนได้
การมีประสบการณ์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอย่างเพียงพอ ประสบการณ์เป็นสิ่งที่อาศัยเวลาในการ รวบรวมและสะสม
มองโลกในแง่ดีเพราะความคิดสร้างสรรค์อยู่บนพื้นฐานของความสวยงามและความดีงาม
การรับรู้ในความแตกต่างกันของมนุษย์และรู้จักมองตนเองให้รู้แจ้งเพราะจําทําให้เป็นนักคิดที่มีจุดยืน แน่นอน มีความมั่นใจในจุดที่ตนเองได้กระทําและยืนหยัดอยู่
การจูงใจ
“ การจูงใจและการโน้มน้าวใจมีความเมือนกันเนื่องจากการจูงใจและกาโน้มน้าวใจเป็นการใช้ความพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อทัศนคติค่านิยมและการกระทำของบุคคลอื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสมให้มีผลกระทบใจบุคคลนั้นจนเกิดการนอมรับและบอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ
กระบวนการจูงใจเกิดจากบุคคลแล้วต้องมีความต้องการของบุคคลทั้งความต้องการทางกายจิตใจสังคมเมื่อเกิดความต้องการทางกายจะเกิดแรงขับทั้งภายในร่างกายและจิตใจของบุคคลทำให้มีปฏิกิริยาการสื่อสารหรือพฤติกรรมการแสดงออกเพื่อที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายที่ต้องการ (ฏฐ์พัชร์ลาภปารุงวงศ์, 2552, หน้า 163)
ประเภทของแรงจูงใจ
แรงจูงใจภายใน (IntrinsicMotivatioh) หมายถึงสภาวะของบุคคลที่มีความต้องการที่จะเรียนรู้หรือแสวงหาบางสิ่งบางอย่างด้วยตนเอง
แรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation) หมายถึงสภาวะของบุคคลที่ได้รับแรงกระตุ้นมาจากภายนอกให้มองเห็นจุดหมายปลายทางและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
การแก้ปัญหา
ความหมาย
ผลที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างระหว่างสถานการณ์ที่เป็นอยู่กับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตาม ความคาดหวังที่ต้องการให้เป็น
กระบวนการแก้ปัญหา
การระบุปัญหาให้แน่ชัดก่อนจึงจะแก้ปัญหา
การวิเคราะห์และการค้นหาสาเหตุของปัญหา
การกำหนดวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหา
การค้นหาแนวทางในการแก้ปัญหา
5.การเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
การดำเนินการแก้ปัญหา
การประเมินผลการดำเนินงาน
การเจรจาต่อรอง
ลักษณะและรูปแบบในการเจรจาต่อรอง
การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการร่วมมือ (Win-Win) คือต่างฝ่ายต่างแสวงหา ข้อตกลงที่จะให้ทุกฝ่ายที่ร่วมเจรจาได้รับประโยชน์ด้วยกัน
การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกัน (Win-Lose) คือ มุ่งที่จะให้ฝ่ายตนได้รับประโยชน์ เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่คํานึงว่าฝ่ายอื่นจะได้รับประโยชน์หรือไม่
คือ กระบวนการที่บุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปดําเนินการแลกเปลี่ยนข้อเสนอ-สนอง ในเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างมีประโยชน์ได้เสีย แล้วต่างฝ่ายต่างพยายามลดหย่อนผ่อนปรนเงื่อนไขข้อเรียกร้อง ระหว่างกัน เพื่อแสวงหาข้อยุติ ที่ทุกฝ่ายตกลงยอมรับกันได้
ขั้นตอนของการเจรจาต่อรอง
ขั้นเตรียมการ โดยเอาสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมทั่วไปกําหนดยุทธศาสตร์ เตรียมข้อมูล กำหนดวันและเวลาสำหรับการเจรจา
ขั้นดําเนินการเจรจา ผู้เข้าร่วมการเจรจาต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเต็มที่ และจะต้องรักษากฎ ระเบียบ และพิธีการในการเจรจาต่อรอง
ขั้นบังคับใช้ผลของการเจรจาให้ปฏิบัติได้จริง มีการปฏิบัติตามผลของการเจรจาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยทําสัญญาหรือความตกลง ระหว่างกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างระมัดระวัง
ความขัดแย้งและความร่วมมือ(Conflict Administration)
คือความไม่เห็นพ้องต้องกันระหว่างสมาชิกหรือกลุ่มขององค์กร
ข้อดีของความขัดแย้ง
-ชี้ให้เห็นถึงปัญหา นำไปสู่การหาผลลัพธ์ที่ดีกว่า
-การดำเนินงานขององค์กรใีประสิทธิภาพมากขึ้น
-เกิดการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ
ข้อเสียของความขัดแย้ง
-ความขัดแย้งที่มีมากไปทำให้เกิดผลเสียกับบุคคลกับผลการปฏิบัติงานขององค์การได้
-เกิดความยุ่งเหยิงและความแตกแยกจะเป็น
อันตรายต่อโอกาสของความอยู่รอดขององค์การ
-ขัดขวางความสำเร็จของเป้าหมายองค์กร
รูปแบบความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ในองค์กร
ความขัดแย้งภายในบุคคล :
ความขัดแย้งระหว่างบุคคล
3.ความขัดแย้งระหว่างบุคคลและกลุ่ม
4.ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มภายในองค์การเดียวกัน
5.ความขัดแย้งระหว่างองค์การ
สาเหตุของความขัดแย้งส่วนใหญ่ในองค์กร
ความต้องการทรัพยากรที่จำกัด
-ความแตกต่างของเป้าหมายระหว่างแผนกงานขององค์การ
-การขึ้นอยู่ระหว่างกันของงานภายในองค์การ
-ความแตกต่างของค่านิยม
-ความแตกต่างของทัศคติของคนแต่ละยุคสมัย
รูปแบบของการบริหารความขัดแย้ง 3 อย่างคือ
(1) การกระตุ้นความขัดแย้งภายในแผนกงานหรือ
องค์การที่ผลการปฏิบัติงานล้าหลัง
(2) การลดหรือการระงับความขัดแย้ง เมื่อระดับของความขัตแย้งสูงจนเกินไป
(3) การยุติความขัดแย้ง ได้แก่การใช้อำนาจในการระงับ การประนีประนอมและการแก้ปัญหาร่วมกัน
การประสานงาน
เป็นการจัดระเบียบการทำงานที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันทำงานด้วยความสามัคคี และงานต่างๆที่มีอยู่ไม่ซ้ำซ้อนกัน ขัดแย้งกันหรือเหลื่อมล้ำกัน เพื่อเป้าหมายให้งาน ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจัยที่จะช่วยให้เกิดการประสานงานที่ดี
การทำงานต้องมีแผนงานที่ดี มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แน่นอน
การเข้าใจที่ตรงกันและพร้อมที่จะช่วยเหลือกัน :
มีการติดต่อสื่อสารที่ดีตลอดจนการประชุมพบปะหารือกันอยู่เสมอ
ผู้บริหารควรเห็นความสำคัญของการประสานงานและเป็นผู้มองการณ์ไกล
คุณลักษณะหัวหน้าหอผู้ป่วย
คุณลักษณะของหัวหน้าหอผู้ป่วยที่ดี
1.เป็นผู้มีความรู้
2.เป็นผู้มีวัยวุฒิ
3.มีความคิดริเริ่ม
4.มีภาวะผู้นํา
5.มีมนุษย์สัมพันธ์
6.มีการวางแผนงานตลอดเวลา
บทบาทหน้าที่ของหัวหน้าหอผู้ป่วย
ด้านการประสานงาน
1.ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความคล่องตัวในการจัดการบริการ
4.ให้ข้อคิดเห็นและเป็นที่ปรึกษาหรือให้คำแนะนำแก่หน่วยงานต่างๆ
3.เป็นผู้ประสานการดำเนินงานบริการพยาบาลทุกรูปแบบ
2.ประสานงานกับอาจารย์ประจำหอผู้ป่วยในการจัดฝึกปฏิบัติ
ด้านการวางแผน
1.วางแผนการดำเนินนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการพยาบาลโดยบูรณาการกับยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล
2.วางแผนการดำเนินการพัฒนาคุณภาพการพยาบาลทั้งแผนระยะยาว ระยะสั้น
3.วางแผนอัตรากำลังทางการพยาบาลให้เพียงพอและสอดคล้องกับการจัดบริการพยาบาล
4.วางแผนด้านโครงสร้างการจัดบริการพยาบาล เพื่อให้เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลง
5.วางแผนร่วมกับสถาบันการศึกษาในการจัดการเรียนการสอนปฏิบัติ
ด้านการบริการ
1.เป็นที่ปรึกษาทางการพยาบาลให้คำแนะนำ วินิจฉัยและแก้ปัญหาที่สำคัญทางการพยาบาล
2.ให้คำปรึกษา แนะนำ และให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารทั้งภายในและภายนอก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
3.ส่งเสริมการจัดหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ตามแผนของโรงพยาบาล
ด้านการปฏิบัติการ
1.เป็นผู้นำในการกำหนดพันธกิจ กำหนดเป้าหมายในการพยาบาลและเป็นผู้กำหนดแนวทางในการพัฒนาองค์กร
2.เป็นผู้กำหนดมาตรฐานการพยาบาล
3.เป็นผู้จัดสรรค์บุคลากรในหน่วยงานให้เหมาะสมและตรวจสอบคุณสมบัติพยาบาล
4.วิเคราะห์ความต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรและปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ใหม่ทุกระดับ
5.นิเทศ ติดตาม ประเมินการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกระดับในหน่วยงาน
6.ติดตาม ประเมินผลคุณภาพการบริการทางการพยาบาล
7.ดำเนินการและส่งเสริมให้มีการจัดทำวิจัยทางการพยาบาล