Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสภาพของกล้ามเนื้อและกระดูก - Coggle Diagram
พยาธิสภาพของกล้ามเนื้อและกระดูก
ข้อต่อและกระดูก
การเคลื่อนไหวของข้อต่อ
เคลื่อนได้2 ระนาบ เช่น ข้อมือ กระดูกขึ้น-ลง
เคลื่อนได้ 3 ระนาบ เช่น ข้อไหล่ข้อสะโพกอาหารและยาที่เรากินหรือ ฉีดเข้าก ล้ามเนื้อจะซึมผ่านกล้ามเนื้อไปจะซึมผ่านกล้ามเนื้อ ไปการฉีดเข้าข้อต่อโดยตรงอาจเกิดอันตรายได้
เคลื่อนได้ระนาบเดียวกัน(แบบบานพับ) เช่น ข้อศอกข้อเข่า
กระดูกที่ละท่อนต่อเชื่อมกันด้วยเอ็นซึ่งต่อกันได้หลายแบบแล้วแต่การเคลื่อนทีการที่กระดูกประกอบด้วยชนิด เล็กชนิด น้อยมาต่อๆกันทําให้ร่างกาย
เคื่ลอนไหวอย่างนิ่มนวลราบรื่น มากขึ้น.
กระดูกแบบบานพับ เช่น กระดูกต้นแขนข้อต่อบริเวณหัวเข่า
กระดูกที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น กะโหลกศีรษะ
กระดูกเคลื่อนที่ได้เล็กน้อย เช่น กระดูกบริเวณก้นกบ
กระดูกแบบหัวกลม เช่น กระดูกกะโหลกศีรษะกระดูกต้นคอ กระดูกต้นขากระดูกสะบัก เป็นต้น
จํานวนของกระดูก (Number of bone)
จํานวนของกระดูกทั้ง หมดในร่างกาย หมายถึง กระดูกในผู้ใหญ่ที่เจริญ เต็มที่แล้ว มีทั้ง สิ้น 206 ชนิดโดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆดังนี
กระดูกสันหลัง 26 ชิ้น
กระดูกหน้า (Face) 14 ชิ้น
กะโหลกศรีษะ(Cranium) 8 ชิ้น
กระดูกหู (Ear) 6 ชิ้น
กระดูกซีกโครง (Ribs) 24 ชิ้น
กระดูกหน้าอก (Sternum) 1 ชิ้น
กระดูกขา (Lower extremities) 62 ชิ้น
กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
กระดูกแขน (Upper extremities) 64 ชิ้น
คําศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
Radius – กระดูกแขนด้านนอก
Ulna – กระดูกแขนด้านใน
Scapula – กระดูกสะบัก
Humerus – กระดูกต้นแขน
Skull – กระโหลกศีรษะ
Femur – กระดูกต้นขา
Rib – กระดูกซีกโครง
Claviclel – ไหปลารา
1 more item...
การบํารุงรักษาและพัฒนาโครงสร้าง
ข้อเคล็ด
เกิดจากเส้นเอ็นที่ยึดติดกระดูกฉีกขาดทําให้อักเสบ บวมบริเวณข้อต่อ
และห้อเลือดรักษาโดยใช้น้ำแข็งประคบ
ท่ายืนควรยืดไหล่หลังตรงแอ่นเล็กน้อยบริเวณคอ
หน้าอกแอ่น
ตะโพกยื่นทําให้กระดูกสันหลังช่วงเอวแอน่ มากทําให้เกิดอาการปวดหลัง
การนั้งเอามือเท้าคาง หลังงอ ทกให้กระดูกสันหลังโก่งปวดหลัง
การเดินเอาส้นเท้าลงก่อน
ทําให้พยุงน้ำหนักได้ดีเดินเร็วแล้วมีความรู้สึกว่าตัว เบากว่าการเดินเอาปลายเท้าลง
ระบบโครงกระดูกประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่สํา คัญมีดังนี้
กระดูกอ่อน (Cartilage) ทําหน้าที่รองรับ ส่วนที่อ่อนนุ่มของร่างกายเพื่อที่จะ ทําให้การเคลื่อนไหวได้สะดวก ป้องกันการเสียดสี เนื่องจากผิวของกระดูกอ่อนเรียบ
เอ็น (Tendon) มีทั้ง
ที่เป็นเอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นยึดข้อ(Ligament) เป็นเนื้อเยื่อ ที่มีความแข็งแรงมากมีลักษณะเป็นเส้นใยเหนียว
ช่วยยึดกระดูกกับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน
ข้อต่อ (Joints)คือส่วนต่อระหว่างกระดูกตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปมาต่อกันเพื่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย
กระดูก (Bone) เป็นส่วนที่แข็งที่สุด โครงกระดูกในผู้ใหญ่ประกอบด้วยกระดูกจํานวน 206ชิ้น ส่วนในทารกแรกเกิดจะมีกระดูกถึง 300ชิ้น เพราะกระดูกอ่อนยังไม่ติดกันชิ้น เพราะกระดูกอ่อนยัง ไม่ติดกัน
มนษุย์มีกระดูกทั้งหมด 206 ชิ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
กระดูกระยางค์ (Appendicular skeletal) ประกอบด้วยกระดูก 126 ชิ้น ได้แก่
กระดูกปลายแขน (Bone of forearm) ประกอบด้วย
กระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius) 2 ชิ้น
กระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna) 2 ชิ้น
กระดูกต้นแขน (Humerus) 2 ชิ้น
กระดูกข้อมือ (Carpal bone) 16 ชิ้น
กระดูกนิ้ วมือ (Phalanges) 28 ชิ้น
กระดูกเชิงกราน (Hip bone) 2 ชิ้น
กระดูกต้นขา (Femur) 2 ชิ้น
กระดูกไหล่ (Shoulder girdle) ประกอบด้วย
กระดูกไหปลาร้า (Clavicle) 2 ชิ้น
กระดูกสะบัก (Scapular) 2 ชิ้น
กระดูกน่อง (Fibula) 2 ชิ้น
กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) 2 ชิ้น
กระดูกนิ้วเท้า (Phalanges) 28 ชิ้น
กระดูกข้อเท้า (Tarsal bone) 14 ชิ้น
กระดูกฝ่าเท้า (Metatarsal bone) 10 ชิ้น
กระดูกแกนกลางของร่างกาย (Axial skeletal) มีทั้งหมด 80 ชิ้น ได้แก่
กระดูกใบหน้า (Bone of face)
กระดูกกะโหลกศีรษะ(Cranium)
กระดูกทรวงอก (Sternum) 1 ชิ้น
กระดูกสันหลัง (Vertebrae) 26 ชิ้น
กระดูกซีกโครง (Rib) 24 ชิ้น
กระดูกหู (Bone of ear)
กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
แบ่งตามลักษณะกระดูก
กระดูกลม
กระดูกโพรงกะโหลกศีรษะ
กระดูกยาว ได้แก่ กระดูกแขน กระดูกขา
กระดูกแบน ได้แก่ กระดูกซีกโครง กระดูกอกกระดูกสะบัก
กระดูกยาว รูปร่างไม่แน่นอน ได้แก่ กะโหลกศีรษะกระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน
หน้าที่ของกระดูก
โครงกระดูกมีหน้าที่สําคัญในการคำจุนและรักษารูปร่างให้ทรงตัวอยู่ได้ช่วยยป้องกันอวัยวะภายในร่างกายเช่น กระดูกซีกโครงป้องกันหัวใจ ปอดและตับกะโหลกศีรษะป้องกันเนื้อเยื่อ สมองเป็นต้นกระดูกยังเป็นที่ยึดดเกาะของเนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อเยื่อ ช่วยในการเคลื่อนที่ไขกระดูกที่อยู่ภายในกระดูกจะทําหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือด
อาหารบํารุงกระดูก
อาหารช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกเช่น อาหารพวกที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมสด ไข่แดงผักใบเขียว ผลไม้ และอาหารที่มีวิตามินดี เช่นน้ำมันตับปลา ผักสดการออกกําลังกายเป็นประจําเป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญ อย่างเต็มที่และแข็งแรง ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทําให้ข้อต่อชำรุดเสื่อมสภาพเร็ว
ระบบโครงกระดูกเป็นโครงสร้างของร่างกายช่วยป้องกันอวัยวะบอบบางต่างๆ
ที่อยู่ภายในที่เกาะเกี่ยวอยู่ภายในกระดูกแต่ละส่วน ของร่างกายองค์ประกอบสําคัญอีกอย่างหนึ่งภายในกระดูกคือ ไขกระดูก
ขณะเดียวกันกระดูกยัง เป็นแหล่งเก็บสะสมเกลือแร่ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสบริเวณรอบกระดูกจะมีเนื้อเยื่อ หนาห่อหุ้มอยู่เรียกว่าเยื่อหุ้มกระดูก (Periosteum)
ซึ่งเยื่อหุ้ม กระดูกนี้ประกอบด้วยเซลล์กระดูกและหลอด-เลือด