Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

หลักการจัดการเรียนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student…

- - - - 1.การเรียนรู้โดยผู้เรียนนำตนเอง ช่วยฝึกฝนให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองได้ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดเเรงจูงใจภายใน ซึ่งกระตุ้นความต้องการที่จะเรียนรู้ ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดี
      - 2.เนื่องจากผู้เรียนมีการเรียนรู้ (Learning style) ที่ต่างกัน การให้ผู้เรียนเลือวิธีการเรียนรู้เองจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดี
    - - การให้โอกาสผู้เรียนวางเเผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเลือกวิธีการเรียนรู้ การเเสวงหาเเหล่งเรียนรู้ รวมทั้งการประเมินตนเอง โดยครูทำหน้าที่กระตุ้นเเละให้คำปรึกษา รวมทั้งร่วมเรียนรู้ไปปกับผู้เรียนเเละติดตามประเมินผล
    - - 1.ผู้เรียนมีการวางเเผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
      - 2.ผู้เรียนมีการวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ของตน
      - 4.ผู้เรียนมีการตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
      - 4.ผู้เรียนเลือกวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง
      - 5.ผู้เรียนมีการเเสวงหาเเหล่งเรียนรู้
      - 6.ผู้เรียนมีการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
      - 7.ผู้สอนมีการสนับสนุน ส่งเสริม ให้คำเเนะนำ เเละความช่วยเหลือเเก่ผู้เรียนในขั้นตอนต่าง ๆ ตามความเหมาะสมเเละความจำเป็น
      - 8.ผู้สอนมีการวัดเเละการประเมินผลโดยใช้ผลการประเมินของตนเองเเละของผู้เรียนประกอบกัน
  - - - นิยาม
        
        การจัดสภาพการเรียนการสอนให้เเก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ผู้สอนจำเป็นต้องมีการวินิจฉัยเเละทดสอบผู้เรียนก่อนเรียน เพื่อใช้ในการวางเเผนการเรียนให้เเก่ผู้เรียน โดยมีผู้สอนให้ความช่วยเหลือ
      - หลักการ
        
        การจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน เเละสองความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี เเละพัฒนาไปตามความสามารถเเละศักยภาพของเเต่ละบุคคล
        
        ผู้เรียนเเต่ละคนมีภูมิหลัง สติปัญญา ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ความต้องการไม่เหมือนกัน
      - ตัวบ่งชี้
        
        1.ผู้สอนมีการวินิจฉัยความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
        
        2.ผู้สอนมีการทดสอบผู้เรียนในเรื่องที่จะเรียนรู้ ก่อนการเรียน
        
        3.ผู้สอนมีการจัดกลุ่มผู้เรียนที่มีความต้องการคล้ายคลึงกันไว้ด้วยกัน
        
        4.ผู้สอนมีการวางเเผนการเรียนให้สนองความต้องการของผู้เรียนโดยใช้การวินิจฉัย
        
        5.ผู้สอมมีการจูงใจผู้เรียนให้ผู้เรียนเกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยวิธีการต่าง ๆ
        
        6.ผู้สอนมีการให้คำเเนะนำเเก่ผู้เรียนเกี่ยวกับระบบเเละวิธีการในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
        
        7.ผู้เรียนมีการดำเนินการเรียนรู้ตามเเผน ผู้สอนดูเเลเเละให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเป็นรายบุคคล
        
        8.ผู้เรียนมีการทำเเบบทดสอบประเมินผลการเรียนรู้ เมื่อขจบหน่วยการเรียน
        
        ผู้สอนมีการจัดทำเเฟ้มการเรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลเเละใช้ผลการทดสอบเป็นข้อมูลในการวางเเผนการเรียนรู้ให้เเก่ผู้เรียนต่อไป
- - - - 1.การจัดหลักสูตรเเละการเรียนการสอนที่ยึดมโนทัศน์หรือความคิดรวบยอดเป็นหลัก จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถถ่ายดอนการเรียนรู้ได้มากเเละยั่งยืน
      - 2.จะช่วยให้ผู้สอนเเละผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการในการสร้างความรุ้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
      - 3.จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เเบบองค์รวม เเละมองเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ เเทนที่จะเรียนรู้เพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น
      - 4.จำเป็นต้องใช้วิธีการเเละกระบวนการทางการเรียนที่ซับซ้อนมากกว่าการเรียนรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนได้พัฒนาทักษะการสอนเเละผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย
    - - การจัดการเรียนการสอนเเบบมโนทัศน์ หมายถึง การวางเเผนการจัดการเรียนการสอนโดยการระบุมโนทัศน์ หรือความคิดรวบยอดที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจมโนทัศน์ เเละสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้
    - - 2.ผู้สอนมีการคิดเเละเขียนรายการคำถามที่สำคัญ ๆ ที่จะช่วยนำผู้เรียนไปสู่ความคิดเชิงนามธรรม หรือมโนทัศน์นั้น ๆ
      - 1.ผู้สอนมีการวิเคราะห์เนื้อหาสาระ เเละระบุมโนทัศน์หรือความคิดรวบยอดที่ต้องการสอนอย่างละเอียดเเละชัดเจน
      - 3.ผู้สอนมีการระบุกระบวนการเเละทักษะต่าง ๆ ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องใช้ในการเรียนรู้มโนทัศน์นั้น ๆ
      - 4.ผู้เรียนมีการสร้างความรู้ความเข้าใจในมโนทัศน์ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการ เเละเทคนิค ทักษะต่าง ๆ ที่หลากหลาย
      - 5.ผู้เรียนมีการสรุปมโนทัศน์ที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
      - 6.ผู้เรียนมีการนำมโนทัศน์ที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ ๆ
      - 7.ผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนรู้มโนทัศน์ที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ รวมทั้งการเรียนรู้ด้านกระบวนการเเละทักษะที่ใช้ในการเรียนรู้
  - - - 1.ผู้เรียนทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้เเละสามารถประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ได้ หากได้รับความช่วยเหลือคามปัญหาเเละความต้องการ
      - 2.การที่ผู้สอนมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเเละเเจ้งให้ผู้เรียนได้รับรู้ความคาดหวังของตน ผู้เรียนจะเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย
      - 3.การทดสอบทำให้ผู้สอนได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้
    - - การจัดการเรียนการสอนเเบบประกันผล หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่ผู้สอนกำหนดวัตถุประสงค์ เเละมีการทดสอบผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามวัตถุประสงค์นั้น หากผู้เรียนไม่เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ ผู้สอนจะต้องดำเนินการสอนซ้ำให้เเก่ผู้เรียน ดังนั้น วัตถุประสงค์ที่กำหนดจึงควรเป็นวัตถุปะสงค์ที่เหมาะสมเเละเป็นไปได้
    - - 1.ผู้สอนมีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการสอนที่ชัดเจน เเละวัตถุประสงค์ที่สามารถทำการทดสอบได้
      - 2.ผู้เรียนมีการได้รับรู้วัตถุประสงค์ดังกล่าวทั้งก่อนเรียนเเละก่อนได้รับการทดสอบ
      - 3.ผู้สอนมีการทดสอบผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อประเมินว่าเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดหรือไม่
      - 4.ผู้สอนมีการดำเนินการสอนซ้ำหรือสอนใหม่อีกครั้งหนึ่งให้เเก่ผู้เรียนที่ไม่ผ่านวัตถุประสงค์ เเละมีการทดสอบใหม่
  - - - การเรียนรู้เเบบนี้ได้มาจากเเนวคิดของ จอห์น คารอน (John Carroll) เชื่อว่าผู้เรียนทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์ หากผู้เรียนได้รับเวลาที่จะเรียนรู้เรื่องนั้น
      - บลูม (Bloom) ได้เพิ่มเติมว่าผู้เรียนที่มีความสามารถทางสติปัญญาหรือความถนัดเเตกต่างกันสามารถที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้เช่นเดียวกันทุกคน หากผู้เรียนได้รับโอกาสในการเรียนรู้
      - การจัดการเรียนรู้เเบบรู้จริง จึงถือได้ว่าใช้หลักการจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลหรือเเบบเอกัตภาพ
    - - การจัดการเรียนรู้เเบบรู้จริง หมายถึง กระบวนการในการดำเนินการให้ผู้เรียนทุกคน ซึ่งมีความสามารถเเละสติปัญญาเเตกต่างกัน สามารถเกิดการเรียนรู้อย่างเเท้จริง
    - - 1.ผู้สอนมีการกำหนดวัตถุประสงค์อย่างละเอียดในการเรียนรู้
      - 2.ผู้สอนมีการวางเเผนการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนเเต่ละคนให้สามารถตอบสนองความถนัดที่เเตกต่างกันของผู้เรียน
      - 3.ผู้สอนมีการชี้เเจงให้ผู้เรียนเข้าใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย เเละข้อตกลงต่าง ๆ
      - 4.ผู้เรียนดำเนินการเรียนรู้ตามเเผนที่ผู้สอนจัดไว้ เเละมีการประเมินการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์เเต่ละข้อ
      - 5.หากผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์หนึ่งที่กำหนดไว้เเล้ว จึงจะมีการดำเนินการเรียนรู้ข้อถัดไปได้
      - 6.หากผู้เรียนยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ผู้สอนจะต้องมีการวินิจฉัยปัญหาเเละตวามต้องการของผู้เรียน
      - 7.ผู้เรียนมีการดำเนินการเรียนรู้ไปอย่างต่อเนื่องตามลำดับของวัตถุประสงค์ที่กำหนด จนบรรลุตามวัตถุประสงค์ ซึ่งจะใช้เวลามากน้อยเเตกต่างกัน
      - 8.ผู้สอนมีการติดตามความก้าวหน้าในการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียน เเละเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคล
- - - - ประสบการณ์เป็นเเหล่งที่มาของการเรียนรู้เเละเป็นพื้นฐานสำคัญของการเกิดความคิด ความรู้ เเละประสบการณ์ต่าง ๆ
      - โคล์ป (Kolb) ได้เสนอวัฏจักรของกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ 4 ขั้นตอน
        
        1.ขั้นการรับประสบการณ์รูปธรรม
        
        2.ขั้นการสังเกตอย่างไตร่ตรอง
        
        3.ขั้นการสร้างเเนวคิดเชิงนามธรรม
        
        4.ขั้นการทดลองประยุกต์หลักการไปใช้ในสภาพการณ์ใหม่
    - - การจัดการเรียนรู้เเบบประสบการณ์ หมายถึง การดำเนินการอันจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมาย โดยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ จนกระทั่งผู้เรียนสามารถสร้างความคิดรวบยอดในเรื่องที่เรียนรู้ เเล้วจึงนำมาความคิดหรือสมมติฐานเหล่านั้นไปทดลองหรือไปประยุกต์ใช้มนสถานการณ์ใหม่ ๆ
    - - 3.ผู้เรียนมีการสร้างความคิดรวบยอด/หลักการ/สมมติฐานจากประสบการณ์ที่ได้รับ
      - 4.ผู้เรียนมีการนำความคิดรวบยอด/หลักการ/สมมติฐานจากประสบการณ์ที่สร้างขึ้น ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ ๆ
      - 2.ผู้เรียนมีการสะท้อนความคิด เเละอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ประสบมา
      - 5.ผู้สอนมีการติดตามผล เเละเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเเลกเปลี่ยนผลการทดลอง เพื่อขยายขอบเขตของการเรียนรู้
      - 1.ผู้สอนมีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม
      - 6.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผล โดยใช้การประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองของผู้เรียน ประกอบกับกประเมินผลของผู้สอนด้วย
  - - - การเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นการเรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม อันจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิด ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง จึงทำให้มีความหมายต่อตนเอง ประสบการณ์ในการรับใช้สังคมนับเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าสูงต่อการเรียนรู้
    - - การดำเนินการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการให้ผู้เรียนเข้าไปมีประสบการณ์ในการรับใช้สังคม ทั้งนี้ผู้เรียนจะต้องมีการสำรวจความต้องการของชุมชนที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรียน
    - - 4.ผู้เรียนมีการจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการรับใช้สังคม
      - ผู้เรียนมีการวิเคราะห์เหตุการณ์เเละสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติการรับใช้สังคม
      - 6.ผู้เรียนมีการนำความคิดรวบยอด/หลักการ/สมมติฐานที่ได้ไปทดลองใช้
      - 3.ผู้เรียนมีการวางเเผนการรับใช้สังคมในกิจกรรมที่เลือก
      - 2.ผู้เรียนมีการศึกษาความต้องการของชุมชน เเละเลือกกิจกรรมที่จะรับใช้สังคม
      - 1.ผู้เรียนมีการกำหนดขอบเขตของการศึกษาชุมชน เพื่อเรียนรู้ในเรื่องที่กำหนด
      - 7.ผู้สอนมีการติดตามผล เเละอภิปรายหาข้อสรุป ความรู้ ความคิดใหม่ ๆ หรือปรับเปลี่ยนตามความคิดตามความเหมาะสม
      - 8.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลการเรียนรู้ การวัดเเละประเมินผลจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเรื่องที่เรียนรู้
  - - - หลักการ
        
        1.การเรียนรู้โดยคำนึงถึงบริบทเเวดล้อมเป็นการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับความเป็นจริง จึงสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
        
        2.การให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสภาพการณ์จริง ปัญหาจริง จึงเป็นโอกาสที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความเป็นจริง
        
        3.การเรียนรู้ความเป็นจริง ของจริง เป็นการเรียนรู้ที่มีความหมายเพราะสามารถนำไปใช้ได้
        
        4.การให้ผู้เรียนเผชิญปัญหาเเละเเก้ปัญหา จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
        
        กอร์ดอน (Gordon)
        ได้เสนอเเนวคิดในการจัดกิจกกรม
        
        1.การจัดกิจกรรมเเก้ปัญหาท้าทายความสามารถทางวิชาการ
        
        2.การจัดกิจกรรมสวมบทบาทในสถานการณ์จำลอง
        
        3.การจัดกิจกรรมเผชิญปัญหาตามสภาพจริง
        
        นิวเเมนเเละเวลาช ได้เสนอเกณฑ์ในการประเมินการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง 5 ประการ
        
        1.ผู้เรียนพัฒนาการคิดชั้นสูง
        
        2.ผู้เรียนได้ความรู้ที่ลึกซึ้ง
        
        3.ความเชื่อมโยงของสิ่งที่เรียนรู้กับโลกเเห่งความเป็นจริง
        
        4.การอภิปรายหรือการสนทนาที่เป็นเเก่นสาร
        
        5.การส่งเสริมสนับสนุนจากสังคมในผลสัมฤทธฺ์ของผู้เรียน
      - นิยาม
        
        การดำเนินการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการให้ผู้เรียนเข้าไปเผชิญสภาพการณ์จริง เเละร่วมกันศึกษา เพื่อที่จะเเก้ไขปัญหานั้น
      - ตัวบ่งชี้
        
        1.ผู้สอนมีการนำผู้เรียนเข้าไปเผชิญสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้เรียนร่วมกันคิดเเก้ปัญหา
        
        2.ผู้เรียนมีการร่วมกันคิดวิเคราะห์ปัญหา ศึกษาทำความเข้าใจเเละนำข้อมูลมาใช้ในการเเก้ปญหา
        
        3.ผู้เรียนมีการตัดสินใจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเเก้ปัญหาร่วมกัน
        
        4.ผู้เรียนได้รับผลการตัดสินใจเเละการกระทำของตนจากสังคม
        
        5.ผู้เรียนมีการอภิปราย เเลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ สะท้อนความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของตน
        
        6.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผล ทั้งทางด้านความรู้ ทักษะเเละเจตคติ
- - - - 1.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการร่วมกันเลือกปัญหาที่ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
      - 2.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการการออกไปเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาจริง
      - 3.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการร่วมกันวิเคราะห์เเละหาสาเหตุของปัญหา
      - 4.ผู้เรียนมีการวางเเผนการเเก้ปัญหาร่วมกัน
      - 5.ผู้สอนมีการให้คำปรึกษาเเละช่วยอำนวยความสะดวกเเก่ผู้เรียน
      - 6.ผู้เรียนมีการศึกษาค้นคว้าเเละเเสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
      - 7.ผู้สอนมีการกระตุ้นให้ผู้เรียนเเสวงหาทางเลือกในการเเก้ปัญหาที่หลากหลาย
      - 8.ผู้เรียนมีการลงมือเเก้ปัญหา รวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูล สรุปเเละประเมินผล
      - 9.ผู้สอนมีการติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน เเละให้คำปรึกษา
      - 10.ผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนรู้ ทั้งทางด้านผลงาน เเละกระบวนการ
    - - การจัดสภาพการณ์ของการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมาย จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในปัญหานั้นอย่างชัดเจน
    - - ปัญหาสามารถกระตุ้นให้ผูเรียนเกิดภาวะงุนงงสงสัยเเละความต้องการที่จะเเสวงหาความรู้เพื่อขจัดความสงสัยดังกล่าว
  - - - 2.การให้ผู้เรียนทำโครงงาน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เข้าสู่กระบวนการสืบสวน ซึ่งผู้เรียนต้องใช้การคิดชั้นสูง
      - 1.โครงการหรือโครงงาน เป็นกิจกรรมที่มีบริบทจริงเชื่อมโยงอยู่
      - 3.การจักการเรียนการสอนโดยใช้โครงการช่วยให้ผู้เรียนได้ผลิตงานที่เป็นรูปธรรมออกมา ซึ่งเเสดงถึงความรู้ความคิดของผู้เรียน
      - 4.การเเสดงผลงานต่อสาธารณชน สามารถสร้างเเรงจูงใจในการเเรียนรู้เเละการทำงานให้เเก่ผู้เรียนได้
      - 5.การทำให้ผู้เรียนทำโครงการเเละโครงงาน สามารถช่วยดึงศักยภาพต่าง ๆที่มีอยู่ในตัวของผู้เรียนออกมา
    - - การจัดการเรียนการสอน โดยให้ผู้เรียนได้ร่วมกันเลือกทำโครงงานที่ตนสนใจเเล้วนำผลงานประสบการณ์ทั้งหมดมาอภิปรายเเลกเปลี่ยนความรู้
    - - 1.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการอภิปรายปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันผู้เรียนมีการเลือกปัญหาที่สนใจ
      - 2.ผู้สอนมีการชี้เเจงกับผู้เรียนถึงวัตถุประสงค์ในการทำโครงการ วิธีการในการดำเนินการ
      - 3.ผู้เรียนมีการร่วมกันศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่จะทำจากเเหล่งความรู้ที่หลากหลาย
      - 4.ผู้เรียนมีการร่วมกันวางเเผนการจัดทำโครงการ
      - 5.ผู้เรียนมีการเขียนโครงการเเละนำเสนอผู้สอน ผู้สอนอาจให้คำเเนะนำ เเละความช่วยเหลือต่าง ๆ
      - 6.ผู้เรียนมีการดำเนินงานตามเเผนงานที่ได้กำหนด จนกระทั่งสามารถผลิตชิ้นงานได้
      - 7.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการนำผลงานของผู้เรียนออกมาเเสดงเเละร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ผลงาน
      - 8.ผู้เรียนมีการปรับปรุงผลงานเเละเขียนรายงาน
      - 9.ผู้เรียนมีการนำผลงานออกมาเเสดงต่อสาธารณชน
      - 10.ผู้สอนมีการจัดให้ผู้เรียนนำลงาน ประสบการณ์ ข้อมูล มาอภิปรายเเลกเปลี่ยนความรู้ เเละสรุปผล
      - 11.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลทั้งทางด้านผลผลิตเเละเนื้อหาความรู้ที่ได้เรียนรู้
- - - - การนำเนื้อหาสาระในวิชาเดียวกัน หรือกลุ่มประสบการณ์เดียวกันมาสัมพันธ์กัน
    - - การนำเนื้อหาสาระของหลาย ๆ วิชามาสัมพันธ์ให้เป็นเรื่องเดียวกัน
- - - - 1.ผู้เรียนมีการปฏิสัมพันธ์/ทำงาน/ทำกิจกรรมอร่วมกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
      - 2.ผู้สอนมีการฝึก/ชี้เเนะ/สอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำงานกลุ่มที่ดี
      - 3.ผู้เรียนมีการวิเคราะห์การเรียนรู้ของตนเองทั้งในด้านเนื้อหาสาระที่เรียน เเละกระบวนการทำงานร่วมกัน
      - 4.ผู้สอนมีการวิเคราะห์เเละประเมินผลการเรียนทั้งด้านเนื้อหาสาระ เเละกระบวนการกลุ่ม
    - - กระบวนการกลุ่ม เป็นกระบวนการในการทำงานร่วมกันของบุคคลตั้งเเต่ 2 คนขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน เเละมีการดำเนินงานร่วมกัน โดยผู้นำกลุ่มเเละสมาชิกกลุ่มต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม
    - - การดำเนินการเรียนการสอน โดยที่ผู้สอนให้ผู้เรียนทำงาน/ทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม พร้อมทั้งสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการกลุ่มที่ดีเเละให้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
  - - - กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการเเสวงหาความรู้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้
    - - การจัดสภาพการณ์ของการเรียนการสอน ที่ให้ผู้เรียนใช้กระบวนการวิจัย หรือผลการวิจัยเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้เนื้อหาสาระต่าง ๆ โดยใช้ผลการวิจัยเป็นเนื้อหาสาระในการเรียนรู้ หรือให้ผู้เรียนลงมือทำวิจัยเอง
    - - 2.ผู้สอนมีการให้ผู้เรียนประมวลผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเพื่อขยายขอบเขตความรู้ในเรื่องนั้น
      - 1.ผู้สอนมีการนำผลการวิจัยมาใช้ประกอบเนื้อหาสารตน
      - 3.ผู้สอนให้ผู้เรียนดำเนินการวิจัยตามกระบวนการวิจัยบางขั้นตอน หรือครบทุกขั้นตอน
      - 4.ผู้สอนมีการฝึกฝนทักษะการวิจัยที่จำเป็นให้เเก่ผู้เรียนตามความเหมาะสมกับเนื้อหาเเละสถานการณ์
      - 5.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับกระบวนการวิจัยเเละผลการวิจัย
      - 6.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลการเรียนรู้ทั้งด้านเนื้อหาสาระเเละกระบวนการวิจัย
  - - - 1.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน
        
        2.ผู้สอนมีการใช้รูปเเบบ วิธีการ เทคนิคการสอนต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความคิดของผู้เรียน
        
        3.ผู้สอนมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิด
        
        4.ผู้สอนมีการให้โอกาส เเละเวลาเเก่ผู้เรียน ในการใช้ความคิดเเละเเสดงความคิด
        
        5.ผู้สอนเเละผู้เรียน หรือผู้เรียนเเละผู้เรียน มีการอภิปรายโต้ตอบกันเกี่ยวกับความคิดที่เกิดขึ้นในการเรียนการสอน
        
        6.ผู้สอนเเละผู้เรียนมีการร่วมกันสรุปประเด็นที่ได้จากการเรียนการสอน
        
        7.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลการเรียนทั้งด้สนเนื้อหาสาระเเละกระบวนการคิด
    - - กระบวนการคิดเป็นกระบวนการทางสติปัญญา ซึ่งอาศัยสิ่งเร้าเเละสถาพเเวดล้อมที่เหมาะสม การใช้กระบวนการคิดที่หลากหลายจะช่วยให้การคิดอย่างจงใจเเละอย่ามีเป้าหมายของผู้เรียนเป็นไปอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
    - - การดำเนินการเรียนการสอน โดยผู้สอนใช้รูปเเบบ วิธีการ เทคนิคต่าง ๆ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดขยายต่อเนื่องจากความคิดเดิมที่มีอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
  - - - การจัดสภาพการณ์ของการเรียนการสอนที่ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนดำเนินการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนสามารถเลือหัวข้อ เนื้อหา วิธีการ ได้ตามความสนใจ โดยมีผู้สอนช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความใฝ่รู้
    - - ผู้เรียนทุกคนมีความสนใจใฝ่รู้อยู่เป็นธรรมชาติ หากได้รับการส่งเสริมให้รับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเเละได้รับการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนจะสามารรถเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจได้ตลอดชีวิต
    - - 1.ผู้เรียนมีการเลือกหัวข้อ เนื้อหา วิธีการ เเละสื่อการเรียนการสอนได้ตามความสนใจ หรือความถนัด
      - 2.ผู้สอนมีการจัดเตรียม หรืออกเเบบเนื้อหา/วัสดุ/สื่อ/กิจกรรม ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
      - 3.ผู้สอนมีการพูดคุยกับผู้เรียนเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง โดยการให้คำเเนะนำหรือให้ความรู้เกี่ยวกับ หัวข้อ เนื้อหา วิธีการ
      - 4.ผู้เรียนมีการดำเนินการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
      - 5.ผู้สอนมีการพบปะพูดคุยกับผู้เรียนเป็นระยะ ๆ มีการนำผลงานการศึกษาค้นคว้าด้วนตนเองมาพูดคุย อภิปรายในเเง่มุมต่าง ๆ
      - 6.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลการเรียน ทั้งทางด้านเนื้อหาเเละกระบวนการรียนรู้ด้วยตนเอง
  - - - การสืบสอบเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำเป็นต่อการเเสวงหาเเละศึกษาข้อมูลต่าง ๆ คำถามที่เหมาะสมสามารถนำผู้เรียนไปสู่การค้นพบข้อความรู้ใหม่ ๆ
    - - การดำเนินการเรียนการสอน โดยผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดคำถาม เเละลงมือเเสวงหาความรู้ เพื่อนำมาประมวลหาคำตอบหรือข้อสรุปด้วยตนเอง โดยผู้สอนช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
    - - 1.ผู้สอนมีกระวนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดวิเคราะห์ จนสามารถตั้งคำถามที่ต้องการสืบเสาะหาคำตอบ
      - 2.ผู้สอนมีเอกสาร วัสดุ หรือสื่อที่ผู้เรียนสามารถใช้ประกอบการคิดวิเคาราะห์ หรือการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องที่เรียน
      - 3.ผู้เรียนมีการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยใช้กระบวนการเเสวงหาความรู้ที่เหมาะสม
      - 4.ผู้สอนมีการช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน
      - 5.ผู้สอนมีการวัดเเละประเมินผลการเรียนทั้งด้านเนื้อหาเเละกระบวนการสืบสอบหาความรู้