ราชวงศ์ฮั่น

การสถาปนาจักรวรรดิ

ความเจริญก้าวหน้าในวิทยาการ

3.ราชวงศ์ฮั่นตอนต้นมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่นครฉางอันจึงได้รับการขนานนามว่าฮั่นตะวันตก

1.ผู้สถาปนาราชวงศ์ คือ หลิวปัง ผู้นำกบฏชาวนากลุ่มหนึ่ง (เดิมทีเป็นขุนนางชั้นผู้น้อย)หลังจากสถาปนาราชวงศ์แล้วทรงพระนามว่า จักรพรรดิฮั่นเกาจู่

2.ราชวงศ์ฮั่นเรียกตามชื่อถิ่นเดิมของกลุ่มหลิวปังที่อยู่บริเวณหุบเขาแม่น้ำฮั่นตอนบน

5.หลังการสถาปนาได้ประกาศยกเลิกกฎหมายที่ทารุณโหดร้ายบางส่วนของราชวงศ์ฉิน อีกทั้งดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรต่อประชาชน เช่น ลดการเก็บภาษีอากรและการเกณฑ์แรงงาน ปลดปล่อยกำลังทหารและประชาชนสู่บ้านเกิดของตน จัดสรรที่ดินทำกินให้กับบรรดาทหารที่ร่วมรบชนะศึกสงคราม

4.เมื่อถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลายได้ย้ายเมืองหลวงมายังนครลั่วหยังเรียกว่าฮั่นตะวันออก

พัฒนาการทางการเมือง

1.เทคโนโลยีการหล่อเหล็ก เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน การเพาะปลูก อาวุธ

2.การประดิษฐ์ปลอกคอม้า เพื่อส่งเสริมการขี่ม้าให้มีประสิทธิภาพ

3.การผลิตสิ่งทอ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การทอไหม

4.การผลิตกระดาษใช้ในการเขียนแทนไม้ไผ่ และผ้าไหม โดยค้นพบวิธีการผลิตประมาณ ค.ศ.100-105

5.การผลิตเครื่องปั่นดินเผา โดยวิธีการเคลือบ เครื่องถ้วยเปลือกไข่

6.โรงงานหัตถกรรมประเภทต่างๆ และรู้จักการใช้พลังน้ำในการผลิต

การจัดสรรที่ดินและแรงงาน

1.พระราชวงค์ ข้าราชการและบริวารจะได้รับบำเหน็จที่ดินตามความดีความชอบและได้รับการยกเว้นค่าภาษี

2.ชาวนาต้องเสียภาษีให้แก่ชนชั้นสูงเจ้าของที่

3.ชาวนานอกจากจะมีหน้าที่ต่อรัฐแล้วยังต้องมีหน้าที่ต่อตระกูลชั้นสูงก่อให้เกิดการเสียประโยชน์ของรัฐ

4.ค.ศ.9 จักรพรรดิหวังหมางได้พยายามลดอำนาจของชนชั้นสูงโดยออกพระราชกฤษฎีกาโอนที่ดินเป็นของรัฐและโปรดให้ประทานที่ดินแก่ชาวนา แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

การค้าขาย

1.มีลักษณะเป็นการค้าภายใต้อำนาจรัฐ

2.สินค้าต้องห้ามได้แก่ เหล็กและอาวุธ รัฐจะเป็นผู้ดำเนินการค้า

3.พ่อค้าไม่มีสิทธิในการค้าขายกันเองโดยตรงต้องผ่านคนกลาง คือ เจ้าหน้าที่รัฐ

4.รัฐเป็นผู้ทำการค้ากับต่างประเทศเอง

5.พ่อค้าบางประเภทไม่ได้จดทะเบียนกับรัฐบาลส่วนมากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง โดยส่วนใหญ่จะเก็งกำไรจากสินค้าออกประเภทผ้าไหมและทองคำ ส่งออกผ่านเส้นทางสายไหม

ระบบความเชื่อ

1.สังคมฮั่นยังยึดติดกับความเชื่อถือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ การบูชายัญ

2.มีการตั้งพระราชพิธีบูชาสวรรค์ที่เขาไทชาน (T’aishan) ในมณฑลชานตุง และบูชาพิภพ (Earth) ที่เชิงเขาไทชัน

3.ใน ค.ศ. 58 มีพระบรมราชโองการให้สำนักศึกษาทุกแห่งตั้งพิธีบูชาขงจื๊อ

4.ผู้ที่นับถือลัทธิเต๋าหันมาแสวงหาชีวิตที่เป็นอมตะ เล่นแร่แปรธาตุ งดเว้นอาหารบางประเภท การฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ

2.จักรพรรดสถิตเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งและทรงประพฤติปฏิบัติในเชิงโต้ตอบธรรมชาติ

1.สังคมอั่นยังคงยึดหลักการปกครองโดยตระกูลนักรบ ส่งเสริมคติของขงจื๊อ ที่ยึดหลักองค์จักรพรรดิต้องเป็นประมุขทั้งทางโลกและทางธรรม ในฐานะโอรสแห่งสวรรค์

5.จัดตั้งสำนักราชบัณฑิตยสถาน “ฮั่นหลิน” เพื่อบันทึกพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของจักรพรรดิ

4.จักรพรรดิ ยึดถือคติสิทธิชอบธรรมในการตั้งพิธีกรรมติดต่อกับสวรรค์ได้แต่เพียงผู้เดียว

3.ราชสำนักมีหน้าที่ตรวจตราสอดส่งเหตุการณ์บนสรวงสวรรค์ การปกครองที่ไม่ถูกต้องย่อมก่อให้เกิดภัยพิบัติ

สังคมฮั่น

2.ประชาชนมีค่าในความหมายของรัฐ คือแรงงานเพื่อการต่างๆ เป็นชนชั้นที่ต้องเสียภาษี

1.ประชาชนที่มีมากมหาศาลคือพลังอันตรายสำหรับรัฐทสามารถก่อการดีหรือร้ายได้ ยากต่อการควบคุม ทำให้เกิดการก่อกบฏหลายครั้งโดบเฉพาะกบฏชาวนา เช่น กบฏชาวนาคิ้วแดง กบฏค่าต๋งแก่เจ้าพิธี เป็นต้น

3.การแบ่งชนชั้น

  1. สังคมชนชั้นสูง ประกอบด้วย เจ้านายและข้าราชการ ส่วนใหญ่ผูกขาดตำแหน่งราชการโดยครอบครัวรวมถึงทรัพยากรที่ดินและแรงงาน มีการศึกษาและถกอบรมดี มีฐานนะมั่นคง มั่งคั่ง ไม่ต้องถูกเรียกเกณฑ์

2.สังคมชั้นล่าง คือสามัญชนที่ไร้อภิสิทธิ์ ต้องปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีอย่างเคร่งครัด ดีที่สุดคือพวกพ่อค้าที่มีความมั่งคั่งแต่ไร้เกียรติ ราษฏรทั่วไปถูกดูหมิ่นห้ามใช่ชีวิตแบบชนชั้นสูง เช่น ห้ามใช้ผ้าไหม ห้ามขี่ม้า ทำอาชีพส่วนใหญ่ด้านการเพาะปลูกเป็นหลัก

การเสื่อมอำนาจ

ราชวงค์จีนได้ครองแผ่นดินจีนยาวนาน 400 ปี การเมืองมีความมั่นคงชั่วขณะ ส่วนใหญ่การเมืองไม่มั่นคง เต็มไปด้วยเหล่กลอุบาย การฉ้อราษฎร์บังหลวง อำนาจอิทธิพลฉ้อฉล การต่อสู้เกิดขึ้นบ่อย วิกฤตการณ์มักเกิดขึ้นด้วยเหตุปัญหาการสืบราชสมบัติ ระบบการบริหารแตกแยกเป็นแบ่งฝ่ายต่อสู่แย่งชิงอำนาจ พื้นที่บัญชาการทหารหรือมณฑลจึงฉวยโอกาสส้องสุมกำลังคนและแข็งเมืองขึ้น ตั้งแต่ ค.ศ. 187 2 ปีต่อมา เกิดกบฏโพกผ้าเหลือง ตระกูลชนชั้นสูงผู้มีอิทธิพลต่างตั้งตนป็นใหญ่ แผ่นดินลุกเป็นไฟ ราชวงศ์ไม่สามารถดำรงอำนาจไว้ซึ่งส่วนกลางได้ จักวรรดิจีนถูกแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1.ภาคเหนือ เป็นของโจโฉ
2.ภาคตะวันตกเป็นของเล่าปี่
3.ภาคตะวันออกเป็นของซุนกวน

ในสมัยสามก๊กราชวงศ์ฮั่นก็ได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ.280