Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่2 มโนมติและทฤษฎีการบริหารทั่วไป, นางสาวบุษยารัตน์ พันยา…
หน่วยที่2
มโนมติและทฤษฎีการบริหารทั่วไป
การเป็นพยาบาลที่ดีไม่ได้
หมายความว่าจะเป็นผู้บริหารที่ดี ดังนั้นศิลปะการเป็นผู้นำหรือการเป็นผู้บริหารจึงจำเป็นสำหรับพยาบาลที่จะต้องเรียนรู้
ต้องศึกษาหลักการไว้ใช้ประโยชน์ในเวลาปฏิบัติงาน การศึกษาอาจจะศึกษาด้วยตนเองหรือ จากประสบการณ์ก็ได้ ความรู้ต่าง ๆ
ที่ได้จะช่วยให้เกิดทักษะในการบริหาร เพื่อนำไปใช้ขณะปฏิบัติงานจริง การบริหารการพยาบาล จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน
เกี่ยวกับ แนวคิด หลักการ บริหารงาน วิวัฒนาการของการบริหาร ทฤษฎีการบริหาร และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริหาร เป็นความรู้ เบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหาร
1.ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารจัดการ
1.1 ความหมายของการบริหาร
การบริหาร หมายถึง การที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมมือกันทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสมอย่างมีศิลปะในการนำเอาทรัพยากร
การบริหาร ได้แก่ คน เงิน วัตถุ และการจัดการ มาประกอบการตามกระบวนการบริหาร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
สาระสำคัญของการบริหารประกอบด้วย
บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ร่วมมือกันทำงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
มีทรัพยากรทางการบริหาร
นำศาสตร์และศิลปะมาประยุกต์ใช้
มีวิธีการอันเหมาะสม
1.2 รูปแบบของการบริหาร
สรุปรูปแบบการบริหารไว้ 4 วิธี
การบริหารมุ่งผลงาน (Task center)
การบริหารโดยมุ่งตัวบุคคล (Personal center)
การบริหารที่มุ่งคนและงาน (Modern development)
การบริหารที่มุ่งถึงประสิทธิภาพตามสถานการณ์
2.แนวคิดวิวัฒนาและทฤษฎีการบริหารจัดการ
2.1 ยุคคลาสสิค (Classical or Traditional Theory) หรือทฤษฎีการบริหารแบบดั้งเดิม
ทฤษฎีในยุคนี้ ได้แก่
ทฤษฎีการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management)
1.1เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทเลอร์ (Frederick winslow taylor)
บิดาแห่งการบริหารงานเชิงวิทยาศาสตร์
1.2 เฮนรี่ แก๊นต์ (Henry L. Gantt) นำเอาเทคนิคการจัดตารางสำหรับ
การควบคุมการปฏิบัติงานมาใช้ เพื่อปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพ
ในการทำงาน
1.3 แฟรงค์ บังเกอร์ กิลเบรธ (Frank Bunker Gillbreth)
สนับสนุนแนวคิดของเทเล่อร์ การทำงานด้วยการแบ่งงานออกตาม
ความชำนาญเฉพาะด้านและแบ่งงานเป็นส่วนๆ (division to work)
จะทำได้ดียิ่งขึ้น
2 ทฤษฎีการจัดการเชิงบริหาร (administrative management)
ได้เพิ่ม กระบวนการบริหารที่ Fayol ให้ไว้ 5 ประการ เป็น 7 ประการ
ทฤษฎีระบบราชการ (bureaucracy)
ผู้ก่อตั้งคือ แมกซ์ วีเบอร์ (Max Weber) เสนอทฤษฎีที่เป็น แนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างขององค์การ
2.2 ยุคนีโอคลาสสิค (NEO–Classical Theory)หรือทฤษฎีการบริหารแบบใหม่กว่าเดิม
ทฤษฎีในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
ทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation Theory)
ทฤษฎีกลุ่ม (Work Group Theory)
ทฤษฎีการตัดสินใจ (Decision Making Theory)
2.3 การบริหารสมัยใหม่หรือสมัยปัจจุบัน (Modern Theory)
การวางแผนองค์การ (corporate planning) คือ การวางแผนกลยุทธ์ที่สามารถปรับตัวด้านแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ แผนกลยุทธ์ (strategic planning) มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน
การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์การ (corporate culture) เป็นแนวคิดทางการบริหารสมัยใหม่ที่เสริมสร้างประเพณีปฏิบัติและค่านิยมสำหรับทุกฝ่ายในองค์กร เพื่อเป็นเครื่องยึดมั่นและเป็นแนวทางให้ทุกฝ่าย
ทฤษฎี 7’S ซึ่งเป็นแนวคิดแบบจำลองของแมคคินซีย์ (Mc Kinsey) เป็นกลยุทธ์การบริหารที่ช่วยให้ เกิดความสำเร็จในองค์การสูง ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ
ของคนอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของการสร้างวัฒนธรรม องค์กร แบ่งเป็น
องค์ประกอบ 7 ประการ 2 ปัจจัย
ปัจจัยที่ 1 Hard Ss เป็นอุปกรณ์แห่งความสำเร็จ ได้แก่
1) โครงสร้าง (structure) หมายถึง การจัดระเบียบองค์ประกอบขององค์การ
ที่เหมาะสมจะช่วยให้องค์การนั้นประสบผลสำเร็จ
2) กลยุทธ์(strategy) หมายถึง แผนกำหนดวิธีการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร จะต้องมีแผนพัฒนา มีโครงการไว้อย่างเด่นชัด
3) ระบบ (system) หมายถึง วิธีการดำเนินงานขององค์กร ระเบียบวิธีปฏิบัติงาน
ปัจจัยที่ 2 Soft Ss คือ ส่วนเนื้อหาแห่งความสำเร็จ ได้แก่
1) แบบการบริหาร (style)
2) บุคลากร (staff)
3) ทักษะ (skills)
4) ค่านิยมร่วม (shared values)
การบริหารคุณภาพทั้งองค์การ
(T.Q.M.=total quality management)
หลักการบริหารคุณภาพโดยรวม
1) มุ่งสนใจลูกค้า/ผู้รับบริการ(customer focus) ต้องยึดผู้รับบริการเป็นหลัก
2) ปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น (process improvement) ยึดหลักต้องปรับปรุงสิ่ง ต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีจิตสำนึก
3) ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมทั่วทั้งองค์กร (total involvement)
เป็นแนวคิดการบริหารที่ยึดคุณภาพเป็นหัวใจของทุกเรื่อง
เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพชนะการแข่งขัน ขณะเดียวกันบอกให้ทราบ ว่าทรัพยากรมนุษย์ คือปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จและ
การมีคุณภาพได้จริง
การรื้อปรับระบบ (reengineering) หมายถึง การสร้างกระบวนการทำงานขึ้นใหม่ให้สอดคล้อง กับสภาพความเปลี่ยนแปลง ประสบการณ์
1) เน้นความสำคัญของผู้รับบริการเป็นหลัก(focus on customer) การบริการต้องมีคุณภาพ ค่าใช้จ่ายถูก รวดเร็วไม่ซับซ้อน
2) ให้ความสำคัญต่อกระบวนการทำงาน (organization change around process) ไม่ใช่ตัวองค์กร เช่น คิดวิธีทำงานใหม่ ๆ ที่ดีกว่าปรับโครงสร้างใหม่
3) เริ่มต้นด้วยกระดาษเปล่า ๆ (start with a clean sheet of paper) เปลี่ยนวิธีคิดจากที่มักวิเคราะห์สภาพปัญหาปัจจุบันไปสู่การพยายาม
เริ่มหาคำตอบหรือมองไปในอนาคต
สรุป
การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่
3 ประการ คือ ปัจจัยนำเข้าเป็นทรัพยากรในการบริหาร กระบวนการบริหาร และผลลัพธ์หรือผลที่เกิดจากการบริหาร
สำหรับแนวคิดทางการบริหารมี 3 วิธีคือ การบริหารที่มุ่งผลงาน การบริหารที่มุ่งคน และการบริหารที่มุ่งทั้งคนและงานการบริหารงาน
นางสาวบุษยารัตน์ พันยา รหัสนักศึกษา 61440101047
นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 4