Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ม.2เรื่อง4 การปฎิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี, 1.การแผ่เมตตา - Coggle Diagram
ม.2เรื่อง4 การปฎิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี
1.หน้าที่ของชาวพุทธ
ทิศทั้ง6
บน(อุปรัมทิศ)
พระสงฆ์
ล่าง(เหฎฐิมทิศ)
คนรับใช้
ขวา=ทักขิณทิศ
ครูอาจารย์
ซ้าย(อุตตรทิศ)
มิตรสหาย
หลัง(ปัจฉิมทิศ)
สามีภรรยา
เบื้องหน้า ปุรัตถิมทิศ
พ่อแม่
3.
ดำรงวงศ์สกุล
(ให้ศึกษาศิลปวิทยา)
1.
เลี้ยงท่านตอบ
( ท่านห้ามปรามจาก
ความชั่ว
)
4.ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็น
ทายาท
โดยเป็นผู้มีศีลธรรมและมีวินัย ไม่ประมาท ขยัน รักใตร่ปรองดองกัน (
หาคู่ครอง
ที่สมควรให้)
5.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว
ทำบุญอุทิส
ให้ท่าน (
มอบทรัพย์สมบัติ
)
2.ช่วยทำการงานของท่าน (ท่านให้ตั้งใน
ความดี)
4.มีมารยาทชาวพุทธที่ดี
5.หมั่นฝึกบริหารจิต เจริญปัญญา
1.ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมและประเพณีพิธีกรรมทางพุทธศาสนา
2.การปฏิบัติตามหลักธรรมและประเพณีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
3.เผยแพร่และปกป้องพระพุทธศาสนา
6.การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศเบื้องหน้าในทิศ6
**พุทธบริษัท4
คือ
(อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี)
2.มารยาทชาวพุทธ
2.1การต้อนรับตามหลักปฎิสันถาร (เจ้าบ้านต่อผู้มาเยือน)2
1.
อามิสปฎิสันถาร
การต้อนรับด้วยวัตถุส่ิงของ
อาหาร เครื่องดื่ม ขนม ผลไม้
2.
ธรรมปฎิสันถาร
การต้อนรับด้วยธรรม
ด้วยกาารกล่าวธรรมหรือแนะนำทางธรรมด้วยคำพูดที่น่าฟัง
2.2การปฎิบัติตนต่อพระสงฆ์
3.
การเดินสวนทาง
กับพระสงฆ์ ให้ชิด
ทางซ้ายของท่าน
ยกมือไหว้ แล้วประนมมือพูด / ถ้าท่านไม่พูด ให้กุมมือประสานไว้
4.การสนทนากับพระสงฆ์ ให้ประนมมือพูดกับท่าน
2.
การให้ที่นั่งแด่พระสงฆ์
/ ควรให้นั่งแถวหน้า อาสนะแยกจากพรมผืมใหญ่ / ผู้ชายนั่ง
**ซ้ายมือของพระ
ถ้าผู้หญิงควรมีผู้ชายมาคั่น
5.การรับของสิ่งของ ถ้านั่ง ชันเข่าขวา วางของทางซ้ายมือ
1.การลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ์
(
ถ้านั่งเก้าอี้
ให้ลุกยืนรับและยกมือไหว้ และ
ถ้านั่งที่พื้น
ไม่ต้องลุกให้ยกมือไหว้หรือกราบ)
2.3มารยาทการแต่งกาย
ไปวัด
งานมงคล
งานอวมงคล
ถ้าใส่เสื้อขาวหรือเสื้อนอก ติดปลอกแขน Lเหนือศอก
**ยกเว้น
ไทยพระราชทาน
3.ศาสนพิธี
1.การทำบุญตักบาตร
เมื่อตักบาตรแล้ว ให้อธิษฐานว่า
นตถิ เม สรณ อญญ สงโฆ เม สรณ วร เอ
เตน สจจวชเชน โตถิ เม โหตุ สพพทา
หลังตักบาตร กรวดน้ำกล่าวว่า
อท เม ญาติน โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตโย
ก่อนตักกล่าวคำอธิษฐานว่า
สุทินน วต เม ทาน อาสวกขยาวห โหตุ
=ทานที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้วนี้ ขอจงเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสิ้นกิเลสด้วยเถิด
2.การถวายภัตตาหาร
อาหารที่ต้องห้าม
1.เนื้อ10ชนิด 2.เนื้อดิบ 3.เนื้อสัตว์ที่ฆ่าเจาะจง(
อุทิสสะมังสะ
) 4.
ผลไม้มีเมล็ด
หรือเหง้าที่เพาะขึ้นเป็นต้นได้ เช่น มะม่วง ลำไย เงาะ เผือก แห้ว มัน 5.อาหารท่ีมีสุราเหล้าผสม ////
ปะวัตตะมังสะ
คือเนื้อที่มีอยู่แล้วหรือปรุงสุกแล้วเช่นปลา หมู พระสามารถฉันได้
สามเณรหรือคฤหัสถ์ สามารถทำให้เป็นของสมควรแก่สมณะ
(กัปปิยะ)
เช่นปอกเอาเมล็ดออกก่อนแล้วถวาย
วิธีปฎืบัติ
1.นิมนต์ต่อเจ้าอาวาสหรือ
ภัตตุเทศน์
2.ตั้งโต๊ะหมู่บูชาเพื่อให้ 3.จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล สมาทานศีล
กล่าวคำถวายภัตตาหาร
ประเคนร่วมกัน สวดอนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร จบ
3.การถวายสังฆทาน
4.การถวายผ้าอาบน้ำฝน
(ผ้าวัสสิกสาฎก
)
ถวายเฉพาะเจาะจง เป็น
ปาฏิปุคคลิกทาน
/ไม่เจาะจงเป็น
สังฆทาน
จุดธูปเทียน กล่าวบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล-
สมาทานศีล-
อาราธนาธรรม**- แสดงธรรมประวัติและอานิสงส์ -ถล่าวคำถวายผ้าอาบฝน พระสงฆ์สาธุพร้อมกัน ประเคน- พระอนุโมทนา -กรวดน้ำ ประนมมือรับพร
นิยมถวายวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ขึ้น 15ค่ำเดือน8 - แรม1ค่ำเดือน8
ยาว4ศอก -กว้าง1ศอก 1คืบ
อิมานิ มย ภนเต
วสสิกสาฎิกานิ
สปริวารานิ ภิกขุสังฆส
5.การจัดเครื่องไทยธรรม
2.อาหารบิณฑบาต1.อาหารคาวหวานทั้งสดและแห้งทุกชนิด
ต้องถวายก่อนเที่ยงวัน
หรือฝากให้ศิษย์วัดถ้าเลยเที่ยง
2.เครื่องดื่ม หรือ
นำ้ปานะ
สามารถถวายได้ตลอดเวลา
3.เครื่องอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย +เครื่องชำระ(ผงซักฟอก แปรงสีฟัน กระดาษชำระ)
1.เครื่องนุ่งห่ม
4.ยารักษาโรค+
เภสัช5อย่าง(เนยข้น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย)
หลังถวายสังฆทานหรือภัตตาหาร หรือผ้าต่างเช่นผ้าอาบน้ำฝน
แล้วค่อยถวายเครื่องไทยธรรม+ดอกไม้ ธูปเทียนและใบปวารณา
6การกรวดน้ำ
1.กรวดใช้ภาชนะรองรับ
2.กรวดโดยไม่่ใช้น้ำ
ให้กล่าว อิทังเมยา // เมื่อพระสวดบทว่า
สพพีติโย
ให้เทน้ำลงภาชนะให้หมด-เตรียมรับพร
7.การทอดกฐิน
แบ่งตาม
แบ่งตามสถานะของผู้ทอดและประเภทวัด
3.กฐินต้น
king ไปทำส่วนพระองค์วัดอารามหลวงหรือวัดราษ
2.กฐินพระราชทาน
kingมอบให้หน่วยงานอื่นไปทำแทนที่วัดอารามหลวง
1.กฐินหลวง
king หรือบรมวงศา ไปทำที่วัดอารามหลวง
4.กฐินสามัคคี
หน่วยงานจัดขึ้น
แบ่งตามระยะเวลาการจัดเตรียม
มหากฐิน เช่นกฐินสามัคคี
จุลกฐิน
ภิกษุที่รับกฐินต้องจำพรรษาคร
บ3เดือน
+มีจำนวน 5รูป / เป็นกาลกฐินคือปีละครั้ง ทอดได้ตั้งแต่ออกพรรษา
แรม1ค่ำเดือน11-ขึ้น15ค่ำเดือน12 (1เดือน)
และถือว่าได้อานิสสงส์มากกว่าทานอื่น
กฐิน(ไม้สะดึง ไม้แบบสำหรับขึงเย็บจีวรพระสงฆ์ /กรานกฐิน(สังฆกรรมที่พระสงฆ์ตัดเย็บจีวรมอบให้พระภิกษุรูปใดครองจีวร /( + พระสงฆ์อย่างน้อย 5 รูป
ทำได้ปีละครั้ง**
ขั้นตอน3ขั้นตอน
2.นำกฐินไปทอดวัด มี2วิธี 1.ตั้งไว้ที่วัด 2. มีพิธีฉลองกฐินแห่ไปที่วัด
3.การถวาย มี2ขั้นตอน 1.เตรียมเฉพาะบริวารกฐินไว้ในโบสถ์ เมื่อถึงเวลาจึงนำผ้ากฐินให้ประธานนำเข้าโบสถ์กล่าวคำถวาย**
1.เตรียมการ =
จองกฐิน
( แจ้งได้เฉพาะวัดราษฎร์ที่มีพระจำพรรษา3ด 5รูป ) +
เตรียมผ้ากฐิน(
องค์กฐิน)
ได้แก่ สังฆาฎิ สบง จีวรผืนใดผืนหนึ่ง +บริวาร(เครืื่องไทยธรรม)
อิม สปริวร กฐินจีวรสส สงฆสส โอโณชยาม**
8.ทอดผ้าป่า / ผ้าบังสกุล
ผ้าบังสุกุล นิยมให้เก็บจากป่าช้าเท่านั้น
พุทธกาล
ออกพรรษา-กลางเดือน 4
/ปัจจุบันทำวันสำคัญ
ผ้าป่าหางกฐิน
ผ้าป่าที่ถวาย
พร้อมผ้ากฐิน
ผ้าป่าโยง
ผ้าป่าที่ถวายวัดต่างๆในคราวเดียวกัน
ขั้นตอน อาราธนาศีล สมาทานศีล กล่างถวายผ้าป่า พระสงฆ์พิจารณาผ้า(ชักผ้าบังสุกุล ) ถวายเครื่องไทยธรรม พระสวดอนุโมธนา กรวดน้ำ
อิมานิ มยภันเต ปังสุกุลจีวรานิ ภิกขุสัง โอโนชยามิ สาธุโนภันเต
4.ศาสนพิธีและพิธีกรรมของศาสนาอื่นๆ
อิสลาม
2.การละหมาด หรือ
นมาซ
เป็นการนมัสการหรือขอพรจากอัลเลาะ 5เวลา (รุ่งอรุณ บ่าย เย็น พลบคำ่ กลางคืน)
3.ซกาตแก่คน 8ประเภท
4.พิธีฮัจญ์
1.การปฎิญาณตน
5.การถือศีลอด ผุ้ที่ปฏิบัติคือบรรลุนิติภาวะ มีสติสัมปชัญญะ +ทำในเดือนรอมมะฎอน+ ให้ห้ามทำกิจกรรม
คริสต์นิกายโรมันคาโทลิก
มี 7พิธี
2.ศีลกำลัง
ให้ปรบมือเหนือศรีษะ
1.ศีลล้างบาป
(ปัปติสมา)
ประกอบด้วยพิธีจุ่ม+พิธีพรม+พิธีล้างบาป
ทำเพื่อชำระบาปที่ติดตัว ทำแค่ครั้งเดียวในชีวิต โดยมีบาทหลวงและศาสนาจารย์
3.ศีลมหาสนิท /
พิธีมิซซา
นึกถึงการรับประทานอาหารครั้งสุดท้ายของพระเยซูกับอัครสาวก12คน
4.ศีลอภัยบาป
การระลึกถึงมื้อสดท้ายของพระเยซุกับพระสาวก12องค์ โดยการกินขนมปังกับไวน์
6.
ศีลอนุกรม
/ ศีลบวช
5.ศีลสมรส
7.ศีลเจิมคนไข้ /ศีลทาสุดท้าย
ทาน้ำมันมะกอกที่มือและเท้าเพื่อลดโทษบาป
นิกายโปแตสแตนต์ มี 2พิธี
1.พิธีปัปติสมา(ล้างบาป)** 2.ศีลมหาสนิท (กับขนมปัง1คำและไวน์1จิบ)
นิกายออโธดอก
**
ไม่มีไม้กางเขน และไม่นับถือสันตปะปา
พราหมณ์-ฮินดู
สังสการ
7พิธี
พิธีศราทธ์/ทำก่อนเผา1วัน
เดือนละ1ครั้งในปีแรก /ปีละครั้ง
1.ชาตกรรม /เกิด
2.นามกรณะ/ตั้งชื่อ 10วันหรือ120วัน
3.
อันนปราศนะ
/ป้อนข้าวเด็กครั้งแรก
4.
อุปนยนะ/
เริ่มศึกษา
สวมสาย
ยัชโณปวีต
และให้เด็กเรียนมนต์
คายันตรี
5.
สมาวรรตนะ
/จบพระเวท3คัมภีร์
6.วิวาหะ/เข้าอาศรมคฤหัสถ์
7.เปรตกรรม/ปิตฤเมธะ /วันเผาศพ
1เป็นองค์ประกอบสำคัญของศาสนา 2.สร้างความสามัคคี 3.รักษาคำสั่งสอน
5.หลักธรรมเบี้องต้นที่เกี่ยวข้องและระเบียบพิธีในวันสำคัญ
วันมาฆบูชา
จาตุรงคสันนิบาต
ภิกษุมาประชุมนัดหมาย1250
ล้วนเป็นพระอรหันต์
15เดือน3 (15ค่่ำเดือน4ในปีที่มีเดือน8 สองหน)
เอหิภิกขุอุปสัมปทา
โอวาทปาฎิโมกข์
(ละความชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธิ์)
ทรงปลงอายุสังขารในอีก 3เดือน
วันวิสาขบุูชา
15ธค 2542 unesco ประกาศให้เป็นวันสำคัญสากลโลก
อริยสัจ4
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
วันอัฐมีบูชา
แรม8คำ่เดือน 6
เบญจศีล -เบญจธรรม
วันอาสาฬหบูชา
ธัมจักรกัปวัตนะสูตร
มรรคมีองค์8
2.สัมมาสังกัปปะ/ ดำริชอบ
/ คิดชอบ เช่นไม่อยากได้ของคนอื่น
3.สัมมาวาจามะ ไม่พูดเท็จ หยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ
1.สัมมาทิฐิ เห็นชอบ
เช่นทำดีได้ดี
4.สัมมากัมมันตะ/ ทำงานชอบ
5.สัมมาอาชีวะ /เลี้ยงชีพชอบ
6.สัมมาวายามะ
/เพียรพยายามชอบ
7.สัมมาสติ/ระลึกชอบ
8.สัมมาสมาธิ/ตั้งใจมั่น
มีพระสงฆ์องค์แรก ทำให้ครบ องค์3
วันธรรมสวนะ
วันเข้าพรรษา
แรม1ค่ำเดือน8-ขึ้น15ค่ำเดือน11
ตักบาตร บวชเรียน
**วันออกพรรษา /วันปวารณา
ขึ้น15ค่ำเดือน11
วันเทโวโรหนะ/
วันพระเจ้าเปิดโลก
1.ระลึกคุณพระรัตนตรัย2.ทำความดี3.รักษาวัฒนธรรมประเพณี
6.การบริหารจิตและเจริญปัญญา
2.วิธีปฏิบัติ ประโยชน์การเจริญปัญญาตามหลักสติปัฎฐาน4
บริหารจิตให้นิ่ง /
สมถกรรมฐาน
ตามหลักสติปัฎฐาน 4
1.เวทนาปัสสนาสติปัฎฐาน
กำหนดรุู้ความรู้สึก เช่น
สุข ทุกข์ คัน ชา เจ็บ ปวดหนอ
1.กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน
กำหนดรู้กาย อริยาบทนั่ง นอน ยืน เดินจงกรมมี6ระยะแต่เรียน4ระยะ
3.ธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน
กำหนดรู้ทันส่ิงที่ปรากฎหรืออารมณ์ที่เกิดจากจิต
3.จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน
กำหนดรู้จิตเช่น
ชอบ โกรธ เกลียด ยินดี
บริหารปัญญา/วิปัสนากรรมฐาน
1.สุตมยปัญญา
/เกิดจากการฟัง อ่าน ดู จด จำ
2.จินตมยปัญญญา
/เกิดจากการคิดอย่างรอบคอบ
3.ภาวนมยปัญญญา
/เกิดจากปฎิบัติ
**
สำคัญสุด
7.การพัฒนาการเรียนรู้แบบโยนิโสมนิการ 10วิธี
1.วิธีคิดอุบายปลุกเร้าคุณธรรม
มีทัศคติที่ดีส่ิงที่เกี่ยวข้อง จิตใจผ่อง มองโลกแง่ดี
2.วิธีคิดแบบอรรถธรรม
คิดตามหลักการและมีจุดมุ่งหมาย
คือการคิดอย่างเป็นระบบ ระเบียบ สร้างสรรค์ มีวิจารณญาณ รอบด้าน
1.การแผ่เมตตา