Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
CARBOHYDRATE, :green_cross:คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังหนักอันดับแรงของร่างก…
Metabollsm Pathway
1.Glycolysis pathway
-
-
-
▪ เริ่มจากกลูโคส เป็นสารประกอบที่มีคาร์บอน 6 อะตอม (C6) >> pyruvate(C3, 2 atom)
▪ วัฏจักรเครบส์ / วัฏจักรกรดซิตริก / วัฏจักรกรดไทรคาร์บอกซิลิก(tricarboxylic acid cycle หรือ TCA cycle)
-
-
-
-
- Pentose phosphate pathway
▪ วิถีเพนโทสฟอสเฟต >> สร้างน ้าตาลเพนโทส (Ribose) เพื่อน้าไปสร้างนิวคลิโอไทด์(Nucleotide) และกรดนิวคลิอิก (Nucleic acid) ในเซลล์
-
▪ แตกต่างกับ Glycolysis คือ เป็นวิถีสร้าง NADPH** NADPH >> เป็นโคเอนไซม์ส้าคัญในการสร้างกรดไขมัน สเตอรอยด์และกรดอะมิโน
-
▪ เอนไซม์ Transketolase
ต้องการ TPP(Coenzyme มาจาก thiamine) >>
ผู้ที่ขาดวิตามิน B1 จะท้าให้การท้างานของเอนไซม์
Transketolase ลดลง >> ตรวจวัดจากเม็ดเลือดแดง
▪ เซลล์เม็ดเลือดแดงตัวแก่ (mature red blood cell) >> อาศัยการสลายกลูโคสส่วนหนึ่งผ่าน Pentose phosphate pathway เพื่อสร้าง NADPH ส้าหรับใช้ในการเปลี่ยน Glutathione ที่เยื่อหุ้มเซลล์ให้มีความแกร่ง (integrity)
-
▪ ผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD >> หากรับประทานยาหรือสารที่มีสมบัติเป็นตัว
ออกซิไดส์(oxidizing agent) เช่น Aspirin, Primaquine, Sulfanilamide
ระดับ Glutathione ลดต่้าลงอย่างรวดเร็ว >> เนื่องจากขาด NADPH >>
เม็ดเลือดแดงแตกเป็นจ้านวนมาก >> เกิดภาวะโลหิตจางชนิด Hemolytic anemia
▪ เกิดขึ นในภาวะที่ร่างกายต้องการกลูโคสและได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ เนื่องจาก
เนือเยื่อต่างๆ เช่น สมองระบบประสาทไต และเซลล์เม็ดเลือดแดง ต้องการกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานส้าคัญ
▪ เป็นกระบวนการสร้างกลูโคสขึ นมาใหม่ จากสารประกอบที่ไม่ใช่
คาร์โบไฮเดรตได้แก่ แลกเทต กลีเซอรอล และกรดอะมิโนบางชนิด
-
-
-
-
-
-
-
-
ไกลโคเจนในตับ
เป็นต้นก้าเนิดของกลูโคสที่ป้อนให้กระแสเลือดเพื่อน้าไปใช้ในเนื อเยื่อต่าง ๆ ใน
ระหว่างมื ออาหารแต่ละมื อและในภาวะอดอาหาร (12-15 ชั่วโม
ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ
เป็นแหล่งพลังงานในการท้างานของกล้ามเนื อ ทั งในสภาพปกติและเวลาที่ต้องใช้
พลังงานมาก ๆ อย่างปัจจุบันทันด่วน เช่น เมื่อเกิดอาการตกใจ
-
-
Glucose ln the blood
ความเข้มข้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด กลูโคสถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลส์ในร่างกายและเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในเลือดของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ตามปกติร่างกายของเราจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลอยู่เสมอ ซึ่งระดับน้ำตาลที่ปกติคือประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่หากค่าที่ได้สูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไปจะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน
-
การดูดซึมคาร์โบโฮเดรต
:red_cross: คาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปมอโนแซ็กคาไรด์เท่านั้น ที่จะถูกดูดซึมผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดได้กลไกการดูดซึมมอโนแซ็กคาไรด์ผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กเกิดขึ้นได้
เป็นการดูดซึมน้ำตาล
ที่ต้องอาศัยพลังงาน เกิดปฏิกิริยาฟอสฟอริเลชันของน้ำตาลภายในเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็ก การดูดซึมแบบนี้ ต้องอาศัยพลังงาน
และยังต้องอาศัยโปรตีนตัวพา และโซเดียมไอออนด้วย การดูดซึมแบบนี้จะไม่ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำตาลในลำไส้เล็ก น้ำตาลกลูโคสและ กาแล็กโทสจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดด้วยวิธีนี้
น้ำตาลแต่ละชนิดจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในอัตราเร็วที่แตกต่างกัน ถ้าให้อัตราเร็วของการดูดซึมน้ำตาลกลูโคส
เป็น 100 อัตราเร็วของการดูดซึมน้ำตาลกาแล็กโทสจะมีค่าเป็น 110 ฟรักโทสมีค่าเป็น 46 ซอร์โบสเป็น 30 แมนโนส
เป็น 19 ไซโลสเป็น 15 และอะราบิโนสเป็น 9
เป็นการดูดซึมโดยอาศัยความเข้มข้นที่แตกต่างกันระหว่างนตาลในลำไส้เล็กและน้ำตาลภายในเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กน้ำตาลเกือบทุกชนิดสามารถถูกดูดซึมได้ด้วยวิธีนี้ ยกเว้นน้ำตาลกลูโคสและกาแล็กโทส
โรคเบาหวาน
แบ่งเป็น 4 ชนิด
-
-
-
-
2.โรคเบาหวานชนิดที่ 2
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด (ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด) เกิดจากภาวะดื้อต่ออินชูลิน มักพบในผู้ใหญ่ หรือ ผู้มีน้ำหนักเกิน หรือ อ้วน
-
-
- การดูดซึมแบบต้องอาศัยพลังงาน :checkered_flag:
-
- การดูดซึมแบบแพร่กระจายผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็ก :checkered_flag:
-
-
-
-
-
- เนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue)
- ต่อมน้ำนมระยะที่มีการสร้างน้ำนม (lactating mammary gland)
- ต่อมหมวกไตชั นคอร์เทกซ์(adrenal cortex)
-
-
-
:check: สมองต้องการกลูโคส มากกว่า 120 กรัมต่อวัน
:check: เกิดมากที่ ตับ ไต ลำไส้เล็ก
:check: ร่างกายใช้ในการก้าจัดสารที่ได้จากเมแทบอลิซึม
ของเนื อเยื่อต่าง ๆ ออกไปจากเลือด
-
-
-
:warning:โรคเบาหวาน คือ โรคที่เกิดความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ้งผลิตจากตับอ่อน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-