Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การแสดงออกทางทัศนศิลป์ของศิลปิน, image, image, image, image, image, image,…
การแสดงออกทางทัศนศิลป์ของศิลปิน
ศิลปินทางทัศนศิลป์สาขาจิตรกรรม
ปาโบล ปีกัสโซ
ประวัติ
ปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso) เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2424 และเสียชีวิตเมื่อ 8 เมษายน 2516 เป็นจิตกรชาวสเปน ประติมากร, นักสร้างสิ่งพิมพ์, ช่างเซรามิก และนักออกแบบเวที ถือว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดของศตวรรษที่ 20 ควบคู่ไปกับเพื่อนศิลปินร่วมกันอย่าง Georges Braque แห่ง Cubism พ่อของ ปีกัสโซเป็นศาสตราจารย์ที่สอนการวาดภาพ และเขาให้กำเนิดลูกชายที่ได้ดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตของพ่อเขาเพื่อศิลปะการศึกษา ปีกัสโซได้จัดแสดงครั้งแรกเมื่ออายุ 13 ปีและหลังจากออกจากโรงเรียนศิลปะ เขาก็มีเวลที่จะทดลองทำอะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะในการออกแบบสไตล์ศิลปะสมัยใหม่ เขาเดินทางไปปารีสเป็นครั้งแรกในปี พ. ศ. 2443 และในปี พ. ศ. 2444 ที่ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการที่หอศิลป์ ในขณะนั้นเขาอายุได้ 19 ปี โดยมีผลงานภาพเขียนมากกว่าร้อยชิ้น แถมยังได้รับรางวัลคำชมมากมาย เขาพักอยู่ในปารีสตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีและหลังจากนั้นก็กลับไปที่เมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร
ผลงาน
ภาพเขียนของปีกัสโซแบ่งเป็นช่วงต่าง ๆ ได้ ดังนี้
Blue Period ค.ศ. 1901-1904 (ยุคสีน้ำเงิน)
2.Rose Period ค.ศ. 1904-1906 (ยุคสีชมพู)
3.African-Influenced Period ค.ศ. 1906 - 1907
4.Cubism ค.ศ. 1909 - 1912 (บาศกนิยม)
5.Classicism and surrealism ค.ศ. 1913 - 1945 (ยุคคลาสสิกและเหนือจริง)
6.Later works ค.ศ. 1946- 1973 (ยุคสุดท้าย)
เกร์นิกา
ในปี ค.ศ. 1937 ระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน ปิกาโซได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐสเปนที่ 2 ให้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเพื่อใช้แสดงในงานนิทรรศการโลกที่กรุงปารีส[1] แต่หลังทราบข่าวการทิ้งระเบิดที่เกร์นิกาที่ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก ปิกาโซก็ได้ความคิดในการวาดภาพที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของสงคราม[2] ปิกาโซใช้เวลาวาด 35 วัน หลังจากนั้นภาพได้ถูกนำไปจัดแสดงทั่วยุโรปและอเมริกา[3] ในปี ค.ศ. 1968 ฟรันซิสโก ฟรังโก ผู้นำเผด็จการของสเปนสนใจที่จะนำ เกร์นิกา มาจัดแสดงที่สเปน แต่ปิกาโซปฏิเสธและกล่าวว่าภาพนี้จะไม่ถูกจัดแสดงในสเปนจนกว่าสเปนจะมี “เสรีภาพและประชาธิปไตย” เกิดขึ้น[4] หลังปิกาโซและฟรังโกเสียชีวิต สเปนปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่นครนิวยอร์กที่เก็บรักษาภาพนี้ไว้จึงส่งคืนให้สเปนในปี ค.ศ. 1981[5]
จักรพันธุ์ โปษยกฤต
จักรพันธุ์ โปษยกฤต หรือที่รู้จักกันในนาม อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายชุบ และนางสว่างจันทร์ โปษยกฤต ระยะแรกเข้าศึกษา ต่อที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผลงาน
อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต เป็นศิลปินอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมทั้งแบบไทยประเพณีและศิลปะร่วมสมัย มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง อีกทั้งผลงานอื่นๆ ได้แก่ งานพุทธศิลป์ ประเภทจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ เช่น โบสถ์วัดตรีทศเทพวรวิหาร วัดเขาสุกิม งานประติมากรรมไทย เช่น ประติมากรรมรูปเจ้าเงาะกับเด็กเลี้ยงควาย จากเรื่องสังข์ทอง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม งานหุ่นกระบอก เช่น หุ่นกระบอกเรื่องสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ ตะเลงพ่าย งานซ่อมหุ่นวังหน้า
ศิลปินทางทัศนศิลป์สาขาประติมากรรม
เฮนรี มัวร์ (Henry Moore)ล
ประวัติ
เฮนรี มัวร์ เป็นประติมากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยของเขา เขาเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1898 เป็นบุตรของคนงานขุด ถ่านหิน ในมณฑลยอร์กเชียร์ เขาศึกษาศิลปะ และเมื่อมาลอนดอน เขาใช้เวลาเป็นครั้งละนานๆ ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร เขาตรวจสอบรูปทรงต่างๆของก้อนหินและไม้ ตลอดจนการแกะสลักของมนุษย์ในสมัยโบราณ แบบแผนของเขาได้รับการพัฒนามาจากสิ่งต่างๆซึ่งเขาได้ศึกษามาแต่แรกเริ่ม
ผลงาน
มัวร์ทำงานด้วยไม้ การแกะสลัก สัมฤทธ์ หิน และบรอนซ์ ประติมา กรรมของเขาสามารถเห็นได้โดยรอบ นั่นคือมอง ได้จากจุดที่ต่างๆกัน ในแต่ละจุดนั้นมีบางสิ่งที่แปลกออกไปให้เห็นได้ งานของเขา มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก ประติมากรรม บางชิ้นของเขา ตั้งอยู่กลางแจ้งในกรุงลอนดอน และที่อื่นๆอีก
เขียน ยิ้มสิริ
ประวัติ
เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2465 ที่ธนบุรี ภายหลังจากจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนอัมรินทร์โฆสิต ได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม พ.ศ. 2493 ได้รับทุนกระทรวงศึกษาธิการไปศึกษาวิชาประติมากรรมที่ Chelsea School of Art ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายใต้การดูแลและแนะนำของ Henry Moore เป็นเวลา 1 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2496 ได้รับทุนจากรัฐบาลอิตาลี ไปศึกษาประติมากรรมและประวัติศาสตร์ศิลป์ ณ สถาบันศิลปะแห่งกรุงโรม
ผลงาน
ได้รับเกียรติเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ผลงานชิ้นสำคัญได้แก่ "ขลุ่ยทิพย์" "ดินแดนแห่งความยิ้มแย้ม" ได้รับรางวัลที่ ๑ เหรียญทอง และผลงานที่ชื่อ "แม่กับลูก" "เริงระบำ" ได้รับรางวัลที่ ๒ ในการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ
ศิลปินทางทัศนศิลป์สาขาภาพพิมพ์
แอนดี วอร์ฮอล (Andy Warhol)
ประวัติ
วอร์ฮอลเกิดและเติบโตในพิตสเบิร์กและแรกเริ่มประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในสายงานนักวาดภาพประกอบโฆษณา ภายหลังเขาเริ่มจัดแสดงผลงานตนเองในหลาย ๆ หอศิลป์ในปลาทศวรรษ 1950s เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินผู้ทรงอิทธิพลและมีประเด็นเป็นที่ถกเถียง สตูดิโอของเขาในนิวยอร์ก เดอะแฟกทอรี ต่อมากลายเป็นแหล่งรวมที่มีขื่อเสียงของบรรดาปัญญาชน, แดรกควีน, นักเขียนบทละครเวที, โฮลบฮีเมียนสตรีทพีเพิล, เซเลบริตีในฮอลลีวูด และผู้อุปภัมภ์ศิลปะที่ร่ำรวย[2][3][4] ในเดือนมิถุนายน 1968 เขาเกือบเสียชีวิตจากการลอบสังหารโดยนักสตรีนิยมหัวรุนแรง แวเลอรี โซแลนาส ผู้บุกเข้ายิงเขาในสตูดิโอ
หลังวอร์ฮลเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ เขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะในเดือนกุมภาพันธ์ 1987 อายุ 58 ปี
ลงาน
เป็นศิลปิน ผู้กำกับและผลิตภาพยนตร์ขาวอเมริกัน ผู้นำหลักคนหนึ่งในขบวนการศิลปะ ป็อปอาร์ท งานของเขาค้นหาความสัมพันธ์ระหส่างการแสดงออกทางศิลปะ, โฆษณา และ วัศนธรรมเซเลบริตี ซึ่งเฟื่องฟูในทศวรรษ 1960s เขาผลิตชิ้นงานโดยใช้สื่อหลายชนิด ตั้งแต่ภาพเขียน, งานพิมพ์ไหม, ภาพถ่าย, ภาพยนตร์ และ ประติมากรรม ผลงานชิ้นที่เป็นที่รู้จักมากที่สถดของเขา เช่นภาพพิมพ์ Campbell's Soup Cans (1962) และ Marilyn Diptych (1962), ภาพยนตร์แนวทดลอง Empire (1964) และ Chelsea Girls (1966) และกิจกรรมมัลติมีเดีย Exploding Plastic Inevitable (1966–67)
ประหยัด พงษ์ดำ
ประวัติ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ เป็นบุตรของนายสายบัว พงษ์ดำ และนางเป้ พงษ์ดำ เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2477 ที่จังหวัดสิงห์บุรี ได้รับการศึกษาในระดับประถม ที่โรงเรียนประชาบาลวัดกุฎีทอง จากนั้นได้เข้าศึกษฎาต่อในระดับมัธยมที่โรงเรียนนาคประดิษฐ์วิทยา และโรงเรียนสิงหวัฒนาพาหะ ตามลำดับ
ความสนใจในศิลปะของท่านนั้นมีมาตั้งแต่เยาว์วัย โดยท่านชอบวาดรูปเล่นเสมอ ๆ ในยามว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปสัตว์ต่าง ๆ ดังนั้น ท่านจึงให้ความสนใจกับวิชาศิลปะที่โรงเรียนมากเป็นพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ท่านมีพื้นฐานทางศิลปะที่มั่นคง และสามารถสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเพาะช่างได้เมื่อจบการศึกษาในระดับมัธยม ท่านได้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่างเป็นเวลา 2 ปี ก็สามารถสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากรได้
ผลงาน
ศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ ได้รับเลือกเป็นศิลปินเกียรติยศ สาขาภาพพิมพ์ จากสถาบันศิลปะกรุงฟลอเรนส์ อิตาลี โดยรัฐบาลอิตาลี เมื่อ พ.ศ. 2506 ได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินชั้นเยี่ยม ในการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติในประเทศไทย และได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ