Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Carbohydrate metabolism - Coggle Diagram
Carbohydrate metabolism
1.)การย่อยคาร์โบไฮเดรต
แป้ง(ข้าวมแป้ง)เข้าปากเริ่มจากการเคี้ยวทำให้อาหารเป็นชิ้นเล็กๆในขรธเดียวกันต่อมน้ำลายก็จะหลั่งน้ำลาย(amylase)มาย่อยแป้งในระยะสั้นๆในช่องปากให้กลายเป็นเดกซ์ทริน(dextrin)กลืนลงไปที่กะเพาะที่กะเพาะจะไม่ย่อยคาร์โบไฮเดรต(carbohydrate)จากนั้นลงไปที่ลำไส้เล็กจะมีน้ำย่อยจากลำไส้เล็กเรียกว่าแอวฟาอะไมเรสมาย่อยกลายเป็นmaltoseและจะถูกย่อยด้วยเอนไซม์maltaseกลายเป็นmonocescharide(น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเช่นGlucose,Fructose,Galactose)
2.)การดูดซึมคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปmonocexcharideเท่านั้นที่จะดูดซึมผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระเเสเลือดได้
3.)Metabolism Pathway
3.1)Glycolysis pathway
กลูโคส(สารตั้งต้น)ประกอบด้วยคาร์บอน 6 อะตอม(6C)ได้Pyruvateคาร์บอน(C3)2อะตอม(C3+C3)หรือGlucose(สารตั้งต้น)และGlyceraldehyde-3-phosphate(สิ้นสุดเเรก)Pyruvate(สิ้นสุดสุดท้าย)
3.2)Krebs ctcle
การผลิตATPรวมทั้งNADH+H+และFADH2จะเข้าปฏิกิริยาฟอสโฟริเลชั่นเพื่อสร้างATPเกิดขึ้นบริเวณเมทริกซ์เป็นของเหลวในไมโทคอนเดรียมีการสลายแอซิทิลโคเอนไซม์เอจะเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และจะเก็บพลังงานอยู่ในรูปของNADH,FADN2,และATP
3.3)Pentose phosphate
เซลล์เม็ดเลือดเเดง(RBC)ตัวเเก่อาศัยการสลายกลูโลสส่วนหนึ่งผ่าน Pentose phosphate pathway เพื่อสร้างNADHใช้ในการเปลี่ยนGlutathioneที่เยื้อหุ้มเซลล์ให้มีความเเข็งแรงและถ้าผู้ที่มีความบกพร่องของเอนไซน์G6PD(เม็ดเลือดแดงไม่เเข็งเเรงอาการโลหิตจาง)ความเเกร่งของเม็ดเลือดแดงจะเสียไปและภาวะโลหิตจางคือเม็ดเลือดแดงเปราะเเตกง่ายห้ามรับประทานAspirin,Primaquine,Sulfanilamidaลดอย่างรวดเร็ว
3.4)Glyconeogenesis
ส่วนสำคัญในการผลิตกลูโคสให้เนื้อเยื่อต่างๆได้เเก่แลกเทต กลีเซอรอลและกรดอะมิโนบางชนิดเกิดขึ้นที่ ตับ ไต ลำไส้เล็กเป็นกระบวนการสร้างกลูโคสขึ้นมาใหม่จากสารประกอบที่ไม่ใช่คาร์โบไฮเดรตเกิดขึ้นในภาวะที่ร่างกายต้องการกลูโคสและได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอเนื่องจากเนื้อเยื่อต่างๆเช่นสมอง ระบบประสาท ไต เเละเซลล์เม็ดเลือดเเดงต้องการกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานสำคัญและกำจัดแลกเทตที่ได้รับจากกล้ามเนื้อและเม็ดเลือดเเดงกำจัดกลีเซอรอล(Glycerol)จากเนื้อเยื้อไขมันและกำจัดกรดอะมิโนที่เหลือใช้
3.5)Glycogen Metabolism
ส่วนใหญ่สะสมในตับเเละกล้ามเนื้อในกล้ามเนื้อมีไกลโคเจนประมาณร้อยละ1ของน้ำหนักกล้ามเนื้อและในกล้ามเนื้อจะมีมากกว่าตับในตับมีเพียง5-6%การสังเคราะหืไกลโคเจนในตับเป็นเเหล่งพลังงานในตับหรือการกำเนิดของกลูโคสที่ป้อนให้กระเเสเลือดเพื่อนำไปใช้ในเนื้อเยื้อต่างๆในรพหว่างมื้ออาหารแต่ละมื้อและในภาวะอดอาหาร12-15ชั่วโมงและไกลโคเจนในกล้ามเนื้อเป็นเเหล่งพลังงานในการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งในสภาพปกติและเวลาที่ต้องการใช้พลังงานมากๆเช่นเมื่อเกิดอาการตกใจและโรคทางพนธุกรรมที่เกี่ยวกับการสะสมไกลโคเจนมีตับโตมากสาเหตุมาจากขากเอนไซม์glucose-6phoshateในตับ
-
5)โรคเบาหวาน
โรคที่เกิดความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลินซึ่งผลิตจากตับอ่อนทำให้น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติและโรคเบาหวานแบ่งออก4ชนิด
ชนิดที่1Type1diabetes mellitus(T1DM)เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ขาดอินซูลินมักพบในเด็กที่ไม่ใช่ทารก
ชนิดที่2Type2diabetes mellitus(T2DM)เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด(ร้อยละ95ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด)เกิดจากภาวะด้อต่ออินชูลินมักพบในผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
ชนิดที่3โรคเบาหวานท่มีสาเหตุจำเพาะ(Diabetes Other Specific Types)มีได้หลายสาเหตุเช่นโรคของตับอ่อน โรคทางต่อมไร้ท่อ หรือยาสเตียรอยด์เป็นต้น
ชนิดที่4โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์(Gestational Diabetes Mellits (GDM))เป็นโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์มักเกิดเมื่อไตรมาส2-3ของการตั้งครรภ์(6-7เดือน)