Carbohydrate Metabolism

1.การย่อยคาร์โบไฮเดรต

2.การดูดซึมคาร์โบไฮเดรต

3.Matabolism Pathway

4.Glucose in the blood

5.โรคเบาหวาน

1.Hypoglycemia

2.Hyperglycemia

2.Krebs' cycle

3.Pentose Phosphate

1.Glyclosis Pathway

5.Glucogen Metabolisis

4.Gluconeogenesis

โรคเบาหวานคือโรคที่เกิดความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลินซึ่งผลิตจากตับอ่อนทำให้น้ำลายในเลือดสูงกว่าปกติ

โรคเบาหวานแบ่งเป็น4ชนิดตามสาเหตุของการเกิดโรค

โรคเบาหวานชนิดที่1
เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ขาดอินซูลินมักพบในเด็ก

โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะมิได้ไร้สาเหตุเช่นโรคของตับอ่อนถูกทางตรงไร้ท่อหรือยาสเตียรอยด์เป็นต้น

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นโรคเบาหวานอีกเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์มักเกิดเมื่อไตรมาส2-3ของการ

โรคเบาหวานชนิดที่2
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด(ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด)เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลินมักพบในวัยผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน

การย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร

การย่อยอาหารในลำไส

การย่อยอาหารในปาก

อาหารถูกบดเป็นชิ้นเล็ก
คลุกเคล้ากับน้ำลายที่มีเอนไซม์และโปรตีน
ในปากจะมีการย่อยแป้ง
โดยเอนไซม์ amylase จากต่อมน้ำลาย
เอนไซม์ maltase, lipase, protease มีเพียงเล็กน้อย

ทำให้อาหารชิ้นเล็กลงอีก
คลุกเคล้ากับน้ำย่อยมีลักษณะเรียกว่า chyme
1.หลั่งน้ำย่อยและสารต่างๆ
pepsinogen หลั่งจาก chief cells
HCL หลั่งจาก parietal cells กระตุ้น pepsinogen
intrinsic factor สังเคราะห์จาก parietal cells
ช่วยดูดซึม Vit B12

  1. ย่อยโปรตีนโดย เอนไซม์ pepsinogen—>pepsin
    1. Gastric emptying time เวลาอาหารผ่านกระเพาะ
      ใช้เวลา 2-5 ชม. ขึ้นกับชนิดอาหาร

การย่อยอาหารส่วนใหญ่เกิดบริเวณลำไส้เล็ก
ที่ลำไส้จะมีน้ำหลั่งจาก
1.ตับ หลั่งน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและการดูดซึมลิพิด

  1. ตับอ่อน
    -amylase
    -lipase
    -trysinogen—>trypsin
    -chymotrypsinogen—>chymotrypsin
    -Procarboxypeptidase—>carboxypeptidase
    -Proelastase—>elastase
    3.ลำไส้เล็ก
    -disaccharidase
    -aminopeptidase

-ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
-ทำให้เกิดอาการใจสั่นอ่อนเพลีย

อาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
อาการจะแสดงได้ดังนี้: ง่วง เหงื่อออก หน้าซีด เบลอ หงุดหงิด หิวบ่อย

-การที่ร่างกายเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าเกณฑ์ค่าปกติ
-ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาจจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพได้
-ระดับน้ำตาลในเลือดอาจจะสูงได้เมื่อมีอาการป่วยหรือเครียด ฮอร์โมนที่ร่างกายของจะผลิตน้ำตาลเพื่อต่อสู้กับความเจ็บป่วยทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
-หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงและไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ภาวะแทรกซ้อน

อาการของน้ำตาลในเลือดสูง
อาการจะแสดงได้ดังนี้: กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย
ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว ตาลาย อ่อนเพลีย ปากแห้ง

มีเอนไซม์ชนิดต่างๆเร่งปฏิกิริยา

เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดโดยเกิดในไซโทพลาสซึมของเซลล์

กระบวนการสลายน้ำตาล ศึกษาโดย เอ็มเด็น (Emden) เมเยอร์ฮอฟ (Meyerhof) และพาร์เนส (parnas) จึงได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า EMP pathway

เป็นวัฏจักรศูนย์กลางของการเปลี่ยนสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และพลังงาน (ATP)

มีแอซีทิลโคเอและสารอินเทอมีเดียตภายในวัฏจักรเครบส์ เป็นจุดแลกเปลี่ยน (1 โมเลกุลของแอซีทิลโคเอจะให้พลังงาน 12 ATP)

เพื่อสังเคราะห์ NADPH สำหรับใช้ในกระบวนการสังเคราะห์สารต่างๆ เช่น กรดไขมัน

เพื่อสังเคราะห์ ribose-5-phosphate สำหรับใช้สังเคราะห์กรดนิวคลีอิก

การสร้างกลูโคสเป็นหนึ่งในสองกลไกหลักที่มนุษย์และสัตว์อื่นหลายชนิดใช้ควบคุมระดับกลูโคสในเลือดมิให้ต่ำเกินไป

การสร้างกลูโคสเป็นขบวนการที่พบทั่วไป ทั้งในพืช สัตว์ ฟังไจ แบคทีเรียและจุลินทรีย์อื่น ๆ

เป็นวิถีเมแทบอลิซึมที่เป็นการสร้างกลูโคสจากสารคาร์บอนที่มิใช่คาร์โบไฮเดรต เช่น แลกเตต กลีเซอรอล และกรดอะมิโนกลูโคจีนิก (glucogenic amino acid)

ในสัตว์กินพืช การสร้างกลูโคสเกิดในตับเป็นหลัก และไตส่วนนอก (cortex)

ไกลโคเจนถูกสะสมอยู่ใน cytosol ของเซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนื้อในรูปของgranule ที่มีน้ำหนักโมเลกุลตั้งแต่6ถึง16000

คาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปมอโนแซ็กคาไรด์เท่านั้น ที่จะถูกดูดซึมผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดได้ กลไกการดูดซึมมอโนแซ็กคาไรด์ผ่านเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เล็กเกิดขึ้นได้

224A35E1-F7B4-4F12-987B-C2CAA043A122

8BD4CA9B-9210-49B4-8146-A834B417F533

821AF1FB-3872-478E-863F-463F1B09643F

D024D63B-6751-4B45-A8D6-ACCBAA6C165F

DC43941F-8DB7-4008-ABD9-6C043CC737CE

38084C96-0226-4CF8-B544-C1612D3E6071

9714DCE6-81BA-4313-A4A4-E809EBDBB772

D35EDF47-5A39-4634-8585-233356BC83B1

55F7746D-9351-4971-B0AA-4175764B034F

DFCF0AE0-D5FC-42F0-B911-0076948CB878

594AED8A-279D-4DF6-8A62-DC0C49166BBE

0CE539AD-BA4B-4C18-A9C4-F1577D1213B3