Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ประวัติศาสตร์จีน unnamed - Coggle Diagram
ประวัติศาสตร์จีน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ยุคหินเก่า
จีนเป็นดินแดนที่มนุษย์อาศัยเป็นเวลานานที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย หลักฐานที่พบคือมนุษย์หยวนโหม่ว มีอายุประมาณ 1,700,000 ปี ล่วงมาแล้ว พบโครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง พบหลักฐานมนุษย์ถ้ำ
ยุคหินกลาง
ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 ปี - 6,000 ปีล่วงมาแล้ว ใช้ชีวิตกึ่งเร่ร่อน ไม่มีการตั้งหลักแหล่งถาวร มีการพบเครื่องถ้วยชาม หม้อ มีการล่าสัตว์ เก็บอาหาร เครื่องมือหินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ หินสับ ขูด หัวธนู
ยุคหินใหม่
ยุคหินใหม่ในบริเวณประเทศจีนปัจจุบัน มีอายุในช่วงประมาณ 6,000 ปี - 4,000 ปีล่วงมาแล้ว เริ่มตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชน รู้จักเพาะปลูกข้าวฟ่าง เลี้ยงสัตว์ ทอผ้า ปลูกบ้านมีหลังคา ในยุคหินใหม่นี้มีมนุษย์ทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีความประณีตและแข็งแกร่งมากขึ้น ตกแต่งเขียนลายสีและขัดมันผิว
ยุคโลหะ
มีอายุประมาณ 4,000 ปีล่วงมาแล้ว หลักฐานที่เก่าสุดคือมีดทองแดง แล้วยังพบเครื่องสำริดเก่าที่สุด ซึ่งนำมาใช้ทำภาชนะต่าง ๆเช่น ที่บรรจุไวน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญ่และสวยงาม
-
ราชวงศ์เซี่ย
เล่ากันว่า ในสมัยเหยานั้นแม่น้ำหวงเหอเกิดอุทกภัยน้ำหลากเข้าทำลายบ้านเมือง ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยอยู่บนต้นไม้หรือบนยอดเขาเท่านั้นพระเจ้าอวี่ใช้เวลา 13 ปีในการแก้ปัญหาอุทกภัยนี้สำเร็จและได้รับขนานนามว่า ต้า-ยวี่
ปกครองจีนในช่วง 2100-1600 ปีก่อนคริสตกาลมีอำนาจอยู่แถบมณฑลชานซีในปัจจุบัน ใกล้แม่น้ำหว กษัตริย์เซี่ยองค์แรกคือพระเจ้าอวี่ เริ่มประเพณีการสืบราชสมบัติตามสายโลหิต ในระยะแรกสืบจากพี่มาสู่น้อง สมัยราชวงศ์เซี่ยนี้ มีหลักฐานว่าผู้ปกครองมักเป็นหัวหน้าทางศาสนาหรือมีหน้าที่ทำปฏิทินด้วย แต่ต่อมาความสำคัญทางศาสนาหรือความเชื่อเรื่องนี้เสื่อมลงไป
ราชวงศ์ซาง
การครองราชย์ช่วงแรกของพระเจ้าซางทังและทายาท บ้านเมืองมีความร่มเย็นเป็นสุขจนกระทั่งไปถึงพระเจ้าโจวหวัง ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้เป็นผู้เหี้ยมโหด ขูดรีดเงินทองจากราษฎรอย่างหนักเพื่อสร้างอุทยานแห่งใหม่ และลงโทษทัณฑ์แก่ผู้ต่อต้านนโยบายหรือสร้างความขัดเคืองใจด้วยการประหารชีวิต เหล่าขุนนางเสพสุขบนความทุกข์ของราษฎรโดยเจ้าแผ่นดินไม่เหลียวแล จึงสร้างแรงกดดันและเกิดการรวมตัวโดยผู้นำ ชื่อ จีฟา ได้รวมกำลังพลกับเผ่าอื่นที่ประสบความเดือดร้อนเพื่อโจมตีกองทัพของพระเจ้าโจ้วหวังซึ่งแตกพ่ายแพ้ยับเยินที่ มู่เหยีย พระเจ้าโจ้วหวังต้องฆ่าตัวตายด้วยการเผาตัวเอง ราชวงศ์ซางจึงล่มสลายลงแล้วสถาปนาราชวงศ์โจวปกครองแผ่นดินแทนราชวงศ์ซางเมื่อประมาณ 1046 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์โจว
เผ่าโจวเป็นเผ่าเก่าแก่และใช้แซ่ จี โดยอาศัยแถบลุ่มน้ำเว่ยเหอ ต่อมาย้ายถิ่นไปอยู่ ฉีซานมีความอุดมสมบูรณ์ด้านการเพาะปลูกมากกว่า แล้วเรียกตนเองว่า ชาวโจว ผู้นำเผ่าทุกรุ่นต่างปรับปรุงโครงสร้างเผ่า ก่อสร้างบ้านเรือน และกำหนดตำแหน่งขุนนาง ทำให้มีลักษณะของชาติรัฐชัดขึ้น เมื่อผู้นำนามว่า จีฟา ทำลายราชวงศ์ซางสำเร็จแล้ว จึงสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้นปกครองแผ่นดิน และเปลี่ยนพระนามเป็น พระเจ้าโจวอู่หวัง แล้วสร้างเมืองหลวงใหม่ที่ เมืองเฮ่า (ด้านตะวันตกอำเภอฉางอาน มณฑลส่านซีปัจจุบัน) นักประวัติศาสตร์เรียกแผ่นดินโจวช่วงนี้ว่า ราชวงศ์โจวตะวันตก นอกจากนั้นยังริเริ่มปูนบำเหน็จความชอบด้วยที่ดินและทรัพย์สินแก่ขุนนางซึ่งสร้างความชอบแก่แผ่นดินหรือเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งแรกด้วย
ราชวงศ์ฉิน
ฉินซีฮ่องเต้เปิดศึกกับกษัตริย์ของรัฐ ทั้ง 6 ประเทศในแม่น้ำหวงในที่สุดการผนึกรวมรัฐต่าง ๆ เป็นมหาอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ สังคม มีระบบความกว้างของถนนกว้างสำหรับรถม้า 2 คันสวนกันได้ทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่กำแพงเมืองจีน อนุญาตให้ประชาชนมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน จากเดิมที่ดินทั้งหมดเป็นของพระราชา ฉิน หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน และฉี ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จและการปกครองแบบรวบอำนาจที่ศูนย์กลาง (ยกเลิกระบบอ๋อง (กษัตริย์) ครองประเทศราช)
หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้สวรรคต เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชวงศ์ ทำให้เกิดกบฏมากมาย หลิวปังสามารถรบชนะราชวงศ์ฉินได้ แต่เซี่ยงอี้ถือโอกาศยึดอำนาจ แต่หลิวปังก็รบชนะได้และสถาปนาราชวงศ์ฮั่น
ยุคสามก๊ก
เป็นยุคที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็นสามก๊กทั้งสามก๊กต่างก็ทำสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน
โดยจุดเริ่มต้นของการแตกแยกเป็นสามก๊ก มีเค้ารางเริ่มจากการกบฏของโจรโพกผ้าเหลือง ทำให้ราชวงศ์ฮั่นอ่อนแอลงนำไปสู่การแตกแยกกันของเหล่าขุนศึกทั่วสารทิศ และทำศึกสงครามต่อเนื่องกันตั้งแต่ ค.ศ. 189
ราชวงศ์สุย
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ ได้รวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นได้อีกครั้ง แต่โอรสคือสุยหยางตี้ไม่มีความสามารถ ทำให้ซ้ำรอยราชวงศ์ฉิน บรรดาผู้ปกครองหัวเมืองต่างตั้งตนเป็นใหญ่และแย่งอำนาจกันภายหลังการรวมแผ่นดินของราชวงศ์สุย สภาพสังคมโดยรวมได้รับการฟื้นฟูจากภาวะสงคราม มีการเติบโตด้านการผลิต เกิดความสงบสุขระยะหนึ่ง สุยเหวินตี้ ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครองในท้องถิ่น ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอำนาจเด็ดขาดทั้งในทางทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีขุนนางเป็นเพียงผู้ช่วยในการบริหาร
ราชวงศ์ถัง
ในรัชสมัยของถังไท่จง ราชวงศ์ถัง มีความรุ่งเรืองถึงขีดสุดเป็นยุคสมัยที่มีความรุ่งเรื่องราชวงศ์ถังได้ขยายอาณาเขตจนกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮั่นมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากถังไท่จงสิ้นแล้ว ราชวงศ์ถังก็เริ่มเสื่อมโทรม กระทั่งพระสนมของถังไท่จงคือ ก็ได้เข้ากุมอำนาจบริหารประเทศและเริ่มต้นราชวงศ์โจว ในยุคของพระนางเป็นหนึ่งในยุคที่จีนมีความรุ่งเรืองทางด้านศาสนา วัฒนธรรม มากที่สุดยุคหนึ่งของจีน แต่นักประวัติศาสตร์จีนในยุคก่อนจะกล่าวโจมตีพระนางอย่างรุนแรงเนื่องจากเป็นสตรีที่เข้ามายุ่งกับการบริหารปกครองประเทศ แต่ภายหลังนักประวัติศาสตร์จีนได้เปลี่ยนทัศนคติมาชื่นชมพระนางมากขึ้น
ราชวงศ์ซ่ง
ค.ศ. 960 (พ.ศ. 1503) เจ้าควงอิ้นหรือพระเจ้าซ่งไท่จู่ สถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเหนือ เมืองหลวงอยู่ที่ไคฟง (มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวสำเร็จ แล้วใช้นโยบายแบบ “ลำต้นแข็ง กิ่งก้านอ่อน” ในการบริหารประเทศ ปฏิรูปการปกครอง การทหาร การคลัง อันมีประโยชน์ในการสร้างเสถียรภาพแก่อำนาจส่วนกลาง แต่ส่วนท้องถิ่นกลับอ่อนแอ เมื่อต้องทำสงคราม ย่อมไม่มีกำลังต่อต้านศัตรูได้ อำนาจการใช้กระบวนการยุติธรรมถูกควบคุมโดยส่วนกลาง