Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบสุริยะ, โครงสร้างภายใน(3), ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์, 751642EF-67B9…
ระบบสุริยะ
โครงสร้างของดวงอาทิตย์
2เขตการแผ่รังสี(rediation zone) อยู่ถัดจากบริเวณแก่นได้รับการถ่ายโอนพลังงานโดยตรง จึงมีอุณหภูมิสูงถึง2.5ล้านเคลวิน พลังงานที่ได้รับมานั้นจะถูกส่งต่อไปยังโครงสร้างชั้นถัดไปด้วยการแผ่รังสี (radiation)
3เขตการพาความร้อน(convection zone) โครงสร้างชั้นนอกสุด ได้รับพลังงานมาจากเขตการแผ่รังสี และส่งต่อไปชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ พบไฮโดรเจนในสถานะแก๊สจึงมีกระบวนการถ่ายโอนพลังงานแบบการพาความร้อน(convection)
1แก่นของดวงอาทิตย์(core)เป็นบริเวณใจกลางของดวงอาทิตย์ ที่เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ฟิวชัน ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้ดวงอาทิตย์ อุณหภูมิประมาณ15 ล้านเคลวิน แก๊สไฮโดรเจนและแก๊สฮีเลียมจึงแตกตัวอยู่ในสถานะพลาสมา เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความดันมหาศาล แก๊สไฮโดรเจนและแก๊สฮีเลียมจึงรวมตัวกันด้วยความหนาแน่นสูง
โฟโตรเฟียร์(photosphere) บรรยากาศชั้นที่ติดกับเขตการพาความร้อนของดวงอาทิตย์ มีความหนาแน่นน้อย อุณหภูมิยังผลประมาณ5,800เคลวิน เป็นชั้นที่เปล่งสว่างออกสู่อวกาศ แสงของดวงอาทิตย์ที่โลกได้รับมักจะมาจากชั้นบรรยากาศนี้
โครโมสเฟียร์(chromosphere) เป็นบรรยากาศชั้นที่อยู่เหนือชั้นโฟโตสเฟียร์อุณหภูมิประมาณ 4000 ถึง 20,000 เคลวิน สามารถสังเกตเห็นบรรยากาศชั้นนี้ได้เมื่อเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง
คอโรนา(corona) เป็นบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์อยู่เหนือชั้นโครโมสเฟียร์ขึ้นไปเป็นชั้นที่มีบรรยากาศอากาศเบาบางมาก มีมีอุณหภูมิสูงประมาณ1-2เคลวิน สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์นี้ได้เมื่อเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง
จุดมืดบนดวงอาทิตย์(sunspot) เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิตํ่าที่สุงของดวงอาทิตย์
การลุกจ้า(flare) และ เปลวสุริยะ(prominence)
เป็นการระเบิดอย่างรุนแรงบริเวณจุดมืดบนดวงอาทิตย์
กำเนิดระบบสุริยะ
ระบบสุริยะ (อังกฤษ: Solar System) คือระบบดาวซึ่งประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่น ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 167 ดวง[5] ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กับวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ อีกนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึง ดาวเคราะห์น้อย วัตถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์
เมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีก่อนดนบิวลาซึ่งเป็นเศษจาการระเบิดซูเปอร์โนวาของดาวฤกษ์รุ่นก่อนดวงอาทิตย์ เรียกว่า เนบิวลาสุริยะ (solar nebular) ซึ่งประกอบไปด้วยฝุ่น แก๊ส โลหะ เศษหิน และ สสารต่างๆรวมตัวกัน
ขณะที่เนบิวลาสุริยะกำลังยุบตัว มวลร้อยละ 99.8 ของเนบิวลาสุริยะซึ่งประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจน และ ฮีเลียม เกิดการยุบตัวเข้าสู่ใจกลางด้วยแรงโน้มถ่วง ทำให้บริเวณใจกลางมีอุณหภูมิและความดันสูงขึ้นจนกลายเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด ในขณะที่มวลอีก 0.2 ที่เหลือจะรวมตัวกันเป็นแผ่นจานแบนและหมุนรอบใจกลาง
เมื่อดาวฤกษ์ก่อนเกิดยุบตัวลงจนมัความดันและอุณหภูมิสูงจะเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมีนิวเคลียร์ฟิวชันเกิดเป็นดวงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นดาวฤกษ์ในลำดับหลักที่อยู่ในสภาวะ สมดุลอุทกสถิต ขณะที่ผ่านจานหมุนโดยรอบเริ่มบางลง เนื่องจาก แก๊ส เศษหิน โลหะ และสสารต่างๆ เกิดการรวมตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วง และค่อยๆพูนจนกลายเป็นวัตถุที่มีขนาดใหย่โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์
วัตถุบริเวณจานกำเนิดดาวเคราห์จะชนกันและรวมตัวกันจนกลายเป็นดาวเคราะห์ก่อนเกิด ดาวเคราะห์ก่อนเกิดจะชนกันและพูนมวลจนกลายเป็นดาวเคราะห์หิน สสารที่อยู่ไกลออกไปจะรวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง ถัดจากดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง สสารบริเวณนี้ไม่รวมตัวกัน เรียกบริเวณนี้ว่า แถบไคเปอร์บริเวณที่ถัดไปจากแถบไคเปอร์เรียกว่า เมฆออร์ตหรือดงดาวหาง
ลมสุริยะและพายุสุริยะ
ลมสุริยะ(solar wind)ลมสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าพลังงานสูงจากชั้นคอโรน่าออกสู่อากาศตลอดเวลา มีความเร็วประมาณ 200 ถึง 900 กิโลเมตรต่อวินาที เมื่เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าพลังงานสูงจากลมสุริยะเข้าใกล้โลกสนามแม่เหล็กโลกจะทำให้พลังงานเปลี่ยนทิศทางไปอนุภาคบางสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศอากาศของโลก เมื่อชนกับแก๊สในบรรยากาศจะทำให้แก๊สแตกตัวไปเป็นไอออน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเรืองแสงซึ่งเรียกว่า ปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้(aurora)
พายุสุริยะ(solar storm) เกิดเมื่อสนามแม่เหล็กมีความแปรปรวนเป็นบริเวณกว้างโดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการพ่นมวลคอโรนา(corona, mass Aejection; CME) กับการลุกจ้า ทำให้อนุภาคที่มีประจุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงอนุภาคนี้ส่วนใหญ่ คือ โปรตอน เมื่ออนุภาคโปรตอนที่มีพลังงานสูงชนกับดาวเทียมจะทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรไฟฟ้าถ้าอนุภาคดังกล่าวชนกับแก๊สในบรรยากาศจะสร้างอิเล็กตรอนอิสระ สามารถดูดกลืนคลื่นวิทยุทำให้การสื่อสารด้วยวิทยุขัดข้อง
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-