Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาล…
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์พ.ศ๒๕๖๔
หมวดที่ ๑
บททั่วไป(ข้อ ๔ คำจำกัดความ)
การรักษาโรคเบื้องต้น
การวินิจฉัยแยกโรค การรักษาโรคและการบาดเจ็บการปฐมพยาบาล
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยขั้นรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต พิการ
การปฐมพยาบาล
ให้ความช่วยเหลือ ดูแลเพื่อบรรเทาอาการ
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การเจ็บป่วยกะทันหัน การบำบัดรักษาอย่างทันทีท่วงที การปฐมพยาบาล ตั้งแต่จุดเกิดเหตุหรือจุดแรกพบผู้ป่วย
การให้ภูมิคุ้มกัน
มีภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการโดยการให้วัคซีน
หมวดที่ ๒
การประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ส่วนที่๑ การพยาบาล (ข้อ๕-๘
ข้อที่ ๕ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งกระทำการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
๕.๑ การกระทำต่อร่างกายของจิตใจของบุคคล ประเมินภาวะสุขภาพการส่งเสริมสุขภาพ การฟื้นฟูสุขภาพ
๕.๒ การสอน การแนะนำ การวางแผนการดูแลต่อเนื่อง การเสริมสร้างพลัง
๕.๓ การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันการควบคุม แก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรือวิกฤต
๕.๔ การปฏิบัติการพยาบาลตามแผนการพยาบาลการใช้เครื่องมือพิเศษ การติดตามผล
๕.๕ การให้การพยาบาลที่บ้าน ส่งเสริมความสามารถของบุคคลเพ่อใช้ชีวิตอย่างปกติสุขหรือสามารถจัดการวิถีชีวิต
ข้อ๖ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
๖.๑ห้ามใช้ยา หรือสารละลายช่องรอยเยื่อบุไขสันหลังหรือช่องไขสันหลัง
๖.๒ ห้ามใช้ยาหรือสารละลายหรือสารที่เกี่ยวข้องรังสีวินิจฉัยและยาอื่น สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ๗ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสองผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
กรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน การเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตการประกอบวิชาชีพการพยาบาลได้จะต้องกระทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ชั้นหนึ่ง
ข้อ ๘ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสองผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
จะให้ยาผู้บริการได้เฉพาะการให้ยาทางปากและยาภายนอกตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษาเมื่อเป็นการปฐมพยาบาลและห้ามให้ยาในชนิดและช่องทางตามที่สภาการพยาบาลประกาศตามข้อ ๖.๑และ๖.๒
ส่วนที่ ๒ การทำหัตถการ (ข้อ๙)
๙.๑ การทำแผลการตกแต่งบาดแผลการเย็บแผลลึกไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนังโดยใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่หรือการตัดไหมในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย ไม่เกินระดับ ๒ ของแผลไหม้
๙.๒ การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมการฝ่าฝี การผ่าตัดตาปลา การเลาะเนื้อใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะที่สำคัญของร่างกายโดยใช้ยาระงับความรู้สึก ทางผิวหนัง หรือฉีดยาชาดเฉพาะที่
๙.๓การถอดเล็บการจี้หูดหรือตาปลาโดยใช้ระงับความรู้สึกทางผิวหนังหรือฉีดยาชาเฉพาะที่
๙.๔การใช้ออกซิเจน
๙.๕ การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตภาวะสูญเสียสมดุลของสารน้ำในร่างกาย ความเสี่ยงต่อภาวะช็อคการปฐมพยาบาล แผนการรักษา ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
๙.๖ การให้ยาทางปาก ผิวหนัง หลอดเลือดดำ หรือช่องทางอื่นๆ ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
๙.๗การให้เลือด ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
๙.๘ การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเสมหะ การเคาะปอด
๙.๙ การช่วยฟื้นคืนชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของผู้ป่วย
๙.๑๐ การเช็ดตา ล้างตา หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือการล้างจมูก
๙.๑๑ การสอดใส่สายยางลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้อาหารยาหรือล้างกระเพาะในรายที่กินสารพิษ หรือตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
๙.๑๒ การสวนปัสสาวะ การเปลี่ยนสายปัสสาวะในผู้ป่วยที่ไม่มีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
๙.๑๓ การสวนทางทวารหนัก ในผู้ป่วยที่ไม่มีข้อบ่งชี้ อันตราย
๙.๑๔ การดามหรือใส่เฝือก ชั่วคราว
๙.๑๕ การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้าหม
๙.๑๖ การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำ ส่วนปลายนิ้วหรือสารคัดคลั่ง เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัตืการตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาพยาบาลกำหนด
๙.๑๗ หัตการอื่น ๆตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
หมวดที่ ๓
การรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกัน ฯ (ข้อ๑๐-๑๕)
ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การกระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
๑๐.๑ ไข้ตัวร้อน
๑๐.๒ ไข้หรือมีผื่นหรือจุด
๑๐.๓ ไข้จับสั่น
๑๐.๔ ไอ
๑๐.๕ ปวดศีรษะ
๑๐.๖ ปวดเมื่อย
๑๐.๗ ปวดหลัง
๑๐.๘ปวดเอว
๑๐.๙ปวดท้อง
๑๐.๑๐ ท้องผูก
๑๐.๑๑ ท้องเดิน
๑๐.๑๒ คลื่นไส้อาเจียน
๑๐.๑๓ การอักเสบต่าง ๆ
๑๐.๑๔ โลหิตจาง
๑๐.๑๕ ดีซ่าน
๑๐.๑๖ โรคขาดสารอาหาร
๑๐.๑๗ อาหารเป็นพิษ
๑๐.๑๘ โรคพยาธิลำไส้
๑๐.๑๙ โรคบิด
๑๐.๒๐ โรคไข้หวัด
๑๐.๒๑โรคหัด
๑๐.๒๒โรคสุกใส
๑๐.๒๓ โรคทางทูม
๑๐.๒๔ โรคไอกรน
ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านมาการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
๑๑.๑ สาขาที่ศึกษาเฉพาะทาง
๑๑.๑.๑ สาขาเวชปฏิบัติทั่วไป (การรักษาโรคเบื้องต้น)
๑๑.๑.๒สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติทางตา
๑๑.๑.๓ สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติฉุกเฉิน
๑๑.๑.๔สาขาเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต (การล้างไตช่องท้อง)
๑๑.๑.๕ สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต
(การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม)
๑๑.๑.๖ สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติผู้สูงอายุ
๑๑.๑.๗ สาขาการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต (ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
๑๑.๑.๘ สาขาการพยาบาลผู้ป่วยดรคติดเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อ
๑๑.๑.๙ สาขาการพยาบาลผูป่วยมะเร็ง
๑๑.๑.๑๐ สาขาการพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด
๑๑.๑.๑๑ สาขาการพยาบาลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
๑๑.๑.๑๒ สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว
๑๑.๑.๑๓ สาขาจัดการโรคเรื้อรัง
๑๑.๑.๑๔ สาขาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช
๑๑.๑.๑๕ การพยาบาลสาขาอื่นที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
๑๑.๒ ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรและได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร ที่สภาการพยาบาลประกาสกำหนดในสาขาต่อไปนี้
๑๑.๒.๑ การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สููงอายุ
๑๑.๒.๒ การพยาบาลเด็ก
๑๑.๒.๓ การพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต
๑๑.๒.๔ การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อและการควมคุมการติดเชื้อ
๑๑.๒.๕ การพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน
๑๑.๑.๖ การผดุงครรภ์
๑๑.๑.๗ การพยาบาลมารดาและทารก
๑๑.๑.๘ การพยาบาลสาขาอื่นที่สภาการพยาบาลประกาส
๑๑.๓ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพแลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งตามข้อ ๑๑.๑และข้อ๑๑.๒ นอกจากปฏิบัติตามข้อ ๙ และข้อ ๑๐ได้แล้ว สามารถทำการพยาบาลรักษาโรคเบื้องต้น ในสาขาที่ผ่านการศึกษาฝึกอบรมตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาการพยาบาล
ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งให้กระทำประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดขององค์การสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
๑๒.๑ ตรวจวินิจฉัยและบำบัดโรคตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาลท่สภาการพยาบาลกำหนด
๑๒.๒ ส่งผู้ป่วยไปรับการบำบัดจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่นเมื่ออาการไม่บรรเทา รุนแรงเพิ่มมากขึ้นมีภาวะโรคแทรกซ้อน
ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดดุงครรภ์ชั้นหนึ่งถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลกำหนด
ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งการให้ภูมิคุ้มกันที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ ๑๕ มีบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติผู้ป่วยหรือผู้รับบริการ อาการ การเจ็บป่วยโรค การพยาบาลวัน เวลาการให้พยาบาลวันเวลาการพยาบาลตามแบบฟอร์มของสภาการพยาบาลไว้เป้นหลักฐานเป็นเวลา ๕ ปี
หมวดที่ ๔
การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์
ส่วนที่ ๑ ระยะก่อนตั้งครรภ์และระยะตั้งครรภ์ (ข้อ ๑๖-๑๘)
ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นนหึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์แก่หญิงและครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตรก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ด้วยกระบวนการ
๑๖.๑ การตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงและคู่สมรสเพื่อวางแผนการมีบุตร
๑๖.๒ การตรวจประเมินภาวะการตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
๑๖.๓ การรับฝากครรภ์
๑๖.๓.๑ การประเมินภาวะสุขภาพด้านร่างกายและจิตใจของหญิงมีครรภ์ การสอนการปฏิบัติตนของบิดาและมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดและหลังคลอดเพื่อการเตรียมการคลอด
๑๖.๓.๒ การประเมินเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบันที่อาจมีผลกระทบกับการตั้งครรภ์ การคลอดการผ่าตัดื่นที่นอกเหนือไปจากการผ่าตัดคลอด การใช้ยาการแพ้ยาและอาหาร
๑๖.๓.๓ การประเมิน ประวัติทางสูติกรรมจำนวนครั้งที่เคยตั้งครรภ์ ผลการตั้งครรภ์แต่ละครั้งรายละเอียดการคลอดภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน
๑๖.๓.๔ การตรวจร่างกายทั่วไปและการประเมินภาวะโภชนาการของหญิงครรภ์
๑๖.๓.๕ การตรวจครรภ์และทารกในครรภ์เพื่อประเมินภาวะของการตั้งครรภ์และตรวจเต้านมและหัวนมเพื่อเตรียมพร้อมให้นมมารดา
๑๖.๑.๖ ให้ยาเสริมธาตุเหล็กและโฟเลตแก่หญิงมีครรภ์
๑๖.๓.๗ การให้วัคซีนป้องกันบาดทะยักและวัคซีนอื่นตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อ ๑๗ แนะนำส่งต่อหญิงมีครรภ์ให้ได้การตรวจและการรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑืการฝากครรภ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ส่วนที่ ๒ ระยะคลอด (ข้อ ๑๙-๒๕)
ข้อ ๑๙ ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งจะกระทำการผดุงครรภ์ได้แต่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติและคลอดปกติคลอดจนการดูแลมารดาและทารกแรกเกิด
ข้อ ๒๐ ผุ้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งให้การผดุงครรภ์ ระยะก่อนคลอด
๒๐.๑ การประเมินหญิงมีครรภ์
๒๐.๑.๑การประเมินประวัติการตั้งครรภ์และประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอด
๒๐.๑.๒ การตรวจทางหน้าเพื่อประเมินความพร้อมในการคลอด
๒๐.๒ การตรวจประเมินทารกในครรภ์
๒๐.๒.๑ การตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
๒๐.๒.๒ ประมาณน้ำหนักทารกในครรภ์
๒๐.๒.๓ ส่วนนำและท่าทารกในครรภ์
๒๐.๓ การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ข้อ ๒๑ การพยาบาลระยะคลอด
๒๑.๑ การพยาบาลหญิงมีครรภ์ที่ได้รับการซักนำการคลอด
๒๑.๒ การทำคลอดในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิดสมบูรณ์ส่วนนำอยู่ในอุ้มเชิงกรานพร้อมคลอด ตัดฝีเย็บตามข้อบ่งชี้การทำคลอด การดูแลทารกเกิดทันที
๒๑.๓ ทำคลอดรกและเยื่อหุ้มทารกการตรวจและเยื่อหุ้มรกในรายที่รกค้างถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้ทำคลอดรกด้วยวิธีพยุงดึงรั้งสายสะดือถ้ารกไม่คลอดให้ส่งต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทันที
๒๑.๔ การซ่อมแซมฝีเย็บในรายที่มีการฉีกขาดที่ไม่เกินระดับ ๒
๒๑.๕ การประเมินเลือดเสีย
1 more item...
ข้อ ๒๒ การช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำคลอดในรายที่มีการคลอดผิดปกติ เช่น การคลอดติดไหล่หน้า การใช้เครื่องมือช่วยคลอดด้วยเครื่องมือสูญญากาศด้วยคีม การช่วยทำผ่าตัดคลอดการช่วยทำหัตถการทางสูติกรรมที่มีความปลอดภัยต่อหญิงมีครรภ์
ข้อ ๒๓ ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งกระทำที่เกี่ยวกับการคลอดดังนี้
๒๓.๑ การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจภาวะการเจริญเติบโตของทารกครรภ์
๒๓.๒ การทำคลอดที่มีความผิดปกติ เช่น คลอดท่าก้น คลอดแฝด สายสะดือย้อย คลอดท่าขวางหรือภาวะที่มีส่วนใหญ่กว่าช่องเชิงกราน เป็นต้น
๒๓.๓ การล้วงรก
๒๓.๔ การกลับท่าของทารกในครรภ์ทั้งภายในและภายนอกครรภ์
๒๓.๕ การใช้มือกดท้องในขณะช่วยทำคลอด
๒๓.๖ การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ ๓
๒๓.๗ การทำแท้ง
ข้อ ๒๔ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งจะกระทำช่วยคลอดฉุกเฉินในรายที่มีการคลอดภายในเวลาอันสมควร และเห็นประจักษ์ว่าถ้าละลายไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาหรือทารกให้ทำคลอดในรายเช่นนั้นได้ แต่ห้ามใช้คีมสูงในการทำคลอดหรือใช้เครื่องดูดสูญญากาศในการทำคลอดหรือทำการผ่าตัดในการทำคลอด หรือให้ยารัดมดลูกก่อนคลอด
ข้อ ๒๕ ในรายที่มีการตกเลือดหลังคลอดถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้รักษาอาการตกเลือดเบื้องต้นตามความจำเป็นและส่งต่อทันที
ส่วนที่ ๓ การพยาบาลมารดาและทารก ระยะหลังคลอด
(ข้อ ๒๖-๓๐)
ข้อ ๒๖ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะภาวะตกเลือดหลังคลอดและอาการอื่นๆที่อาจะเกิดขึ้น
ข้อ ๒๗ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งจะต้องใช้ยาทำลายและป้องกันการติดเชื้อสำหรับหยอดตาหรือป้ายตาทารกแรกเกิดทันที
ข้อ ๒๘ การพยาบาลทารกแรกเกิดโดยการประเมินสัญญาณชีพ ความผิดปกติความพิการที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและให้มารดาได้สัมผัสโอบกอดทารกและเริ่มให้ดูดนมจากมารดาภายในชั่วโมงแรกหลังคลอด
ข้อ ๒๙ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของหญิงตั้งครรภ์การพยาบาลระยะครรภ์ การคลอด การพยาบาลหลังคลอด และการให้การบริการตามความเป็นจริงตามแบบของสภาการพยาบาลและต้องเก็บบันทึกรายงานไว้เป็นหลักฐาน เป้นระยะเวลา ๕ปี
ข้อ ๓๐ ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสองผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสองให้กระทำการพยาบาลระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และการพยาบาลหลังคลอด ในรายตั้งครรภ์และการคลอดปกติในสถานพยาบาลและการเยี่ยมบ้านที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาลมารดาและทารกแรกเกิดเมื่อเป็นการทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้กระทำกรณีที่เป็นปัญหายุ่งยากซับซ้อน หรือตรวจพบความผิดปกติ